เสียงจ้อกแจ้กจอแจเริ่มดังใกล้ขึ้นๆ หญิงสาวสวยร่างเล็กบอบบางเข็นรถขนกระเป๋าเดินทางซอยเท้าถี่ขึ้นใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้นสายตาจับจ้องอยู่ตรงช่องประตูทางออกของสนามบินขาเข้า จนโผล่พ้นมาเธอก็กวาดสายตาไปมาหาคนที่มารับสีหน้าดีใจแช่มชื่นเมื่อมองเห็นคนๆ นั้น
“สวัสดีค่ะ ลุงพงษ์” พิมพ์กานต์ยกมือไหว้โผเข้ากอดชายสูงวัยอย่างสนิทสนมดีอกดีใจ
“หวัดดีลูก เดินทางเป็นไงมั่งล่ะ” จรัสพงษ์ลูบหัวลูบไหล่หญิงสาวอย่างเอ็นดู หลายปีที่ผ่านมาเขาดูแลพิมพ์กานต์มาตลอดจนรักไม่ต่างจากลูกสาวด้วยสงสารในชะตากรรมอันเลวร้ายส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เขารักและเอ็นดูพิมพ์กานต์ราวกับลูกสาวอีกคนหนึ่งคือความเป็นเด็กดีและกตัญญูรู้คุณ เธอขยันเรียน,กิริยามารยาทเรียบร้อย,จิตใจดี,ขยันขันแข็งทั้งงานบ้านงานเรือนและงานสังคมต่างๆ จรัสพงษ์พาไปออกงานที่สถานฑูตไทยบ่อยๆ ล้วนได้รับแต่คำชมว่าพิมพ์กานต์ทั้งสวยทั้งเก่งไม่ว่าฝรั่งหรือคนไทยไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ต่างหลงรักเธอกันทั้งนั้น
“สะดวกสบายมากค่ะ ชั้นเฟิร์สคลาสนี่คะ พิมพ์บอกคุณลุงแล้วว่าพิมพ์บินชั้นประหยัดได้” พิมพ์กานต์แย้งเบาๆ เหมือนที่เคยแย้งก่อนหน้านี้ตอนจรัสพงษ์ซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอ
“ได้ไงล่ะ ลูกสาวคนสวยของลุงจะกลับเมืองไทยทั้งที่จะให้นั่งคุ้ดคู้อยู่บนเก้าอี้แคบๆ เบียดกับคนอื่นๆ ได้ไง บินตั้งเป็นวันๆ กว่าจะถึงเมื่อยตายเลย”
“ขอบคุณค่ะที่คุณลุงกรุณาพิมพ์เสมอ” พิมพ์กานต์ยกมือไหว้ด้วยความซาบซื้ง
“เอ้าๆๆ ไม่เอาละ พิมพ์ขอบคุณลุงอยู่เรื่อย หลายปีที่ผ่านมานี่ขอบคุณไปหลายหมื่นครั้งแล้วมั้ง” จรัสพงษ์เอามือขยี้หัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู
“ก็ถ้าไม่ได้ลุงพงษ์กับพี่ขวัญ พิมพ์ก็คงไม่มีวันนี้หรอกค่ะ พิมพ์กลายเป็นนักเรียนนอกแทนที่จะกลายเป็นคนใช้แถวประเทศแถบตะวันออกกลาง ลุงพงษ์เปลี่ยนชะตาชีวิตให้พิมพ์ทำให้พิมพ์ได้รับแต่สิ่งดีๆ ในชีวิตแทน พิมพ์จะไม่ขอบคุณคุณลุงบ่อยๆ ได้ยังไงละคะ”
“จ๊ะๆ แม่หนูน้อยของลุง ลุงกับพี่ขวัญก็ดีใจนะที่ได้เลี้ยงดูพิมพ์ให้เติบโตเป็นสาวสวยบัณฑิตหมาดๆ เกียรตินิยมอันดับ1ซะด้วย พี่ขวัญภูมิใจแทบตายแน่ะ ฮะฮะฮะ..”
“สมหวังพิมพ์ที่สุดเลยค่ะ คุ้มที่สุดกับความพยายามเพราะพิมพ์อยากได้เกียรตินิยมอันดับ1ตามที่เคยสัญญากับพี่ขวัญไว้ พิมพ์อยากเห็นพี่ขวัญและคุณลุงดีใจและภูมิใจในตัวพิมพ์ แล้วพิมพ์ก็ทำได้..ดีใจที่สุดเลยค่ะ” สาวสวยเดินเกี่ยวแขนคุยกับจรัสพงษ์ที่เปลี่ยนไปเข็นรถขนกระเป๋าให้เธอแทน
“ยังมีอีกคนนึงที่คงภูมิใจในตัวพิมพ์ที่สุดในโลกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แม่สุรีย์ไงล่ะ”
“ใช่ค่ะคุณลุง พิมพ์บอกแม่ว่าพิมพ์เรียนจบแล้วแต่ยังไม่ได้บอกแม่นะคะว่าพิมพ์ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ด้วย แม่จะต้องดีใจกับพิมพ์ด้วยแน่ๆ เลยค่ะ พิมพ์กลับมาแล้วพิมพ์จะอยู่กับแม่ให้หายคิดถึงสักหลายๆ เดือนก่อนแล้วค่อยหางานทำ พิมพ์คิดถึงแม่ที่สุดเลยค่ะลุงพงษ์”
“อืม...เรื่องจะทำงานหรืออะไรค่อยคิดทีหลังก็แล้วกัน วันนี้พิมพ์กลับไปหาแม่ไปกอดแม่ให้หายคิดถึงก่อนอย่างอื่นไว้ค่อยว่ากัน”
“ค่ะๆ งั้นรีบไปกันนะคะคุณลุง” หญิงสาวยิ้มตื่นเต้นจะได้เจอมารดาที่ไม่ได้พบหน้ากันหลายปี เธอออนไลน์คุยกับแม่ก่อนขึ้นเครื่องว่าเธอจะกลับมาหามาอยู่กับแม่ แม่ดีใจจนคุยต่อไม่ได้เลยทีเดียว เธอคิดถึงแม่เหลือเกินอยากพบหน้าแม่มากกว่าสิ่งอื่นใด พิมพ์กานต์เดินยิ้มด้วยความตื่นเต้นดีใจ เวลาผ่านไปหลายปีทำให้เธอลืมต้นเหตุแห่งปัญหาชีวิตของเธอเสียสนิท
หากแต่จรัสพงษ์หาได้ยิ้มออกไม่ เขายังไม่รู้ได้ว่าชีวิตของพิมพ์กานต์จะเป็นเช่นไรต่อไป แต่สิ่งที่เขามั่นใจที่สุดว่ามันคงไม่เกิดขึ้นคือสิ่งที่พิมพ์กานต์วาดฝันไว้ว่าจะได้อยู่กับแม่อย่างมีความสุข ชายสูงวัยรู้ดีว่าอีกไม่นานการินต้องรู้แน่นอนว่าพิมพ์กานต์กลับมาแล้ว และวันนั้นจะเป็นวันดับฝันของสาวน้อยผู้เปรียบเสมือนลูกสาวของเขาอีกครั้งนึงแน่นอน
“นายไปพักผ่อนเถอะพิณ เดี๋ยวฉันจะออกไปหาเพื่อนๆ สักหน่อย” การินบอกลูกน้องคนสนิทที่ทำงานเหนื่อยกันมาทั้งวันเมื่อมาถึงคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เขาซื้อไว้เป็นที่พักในกรุงเทพฯ ยามที่ต้องเข้ามาพบลูกค้า เขาถอดสูทเหวี่ยงไปบนโซฟาหนานุ่มเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนพักเหนื่อย
“ผมขับรถให้พ่อเลี้ยงได้นะครับ” พิณอาสามือก็เก็บสูทขึ้นคล้องแขนไว้
“ไม่เป็นไรนายพักเถอะ ยังมีงานต้องพบกับลูกค้าอีกรายวันมะรืนพรุ่งนี้นายก็ต้องเตรียมเอกสารอีก ฉันไปเองได้นายนอนพักให้สบายละกัน” การินยืนยัน
คอนโดนี้เป็นแบบวิลล่าสองชั้นมีสามห้องนอน ห้องรับแขกขนาดใหญ่ ห้องครัว ห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง พิณนอนข้างๆ ห้องการินเสมอไม่ว่าไปที่ไหนเผื่อนายหนุ่มเรียกใช้ การินเองก็ปฎิบัติต่อพิณเหมือนน้องชายมากกว่าไม่เคยแบ่งชั้นวรรณะว่าพิณเป็นแค่ลูกจ้าง
เขามากรุงเทพฯ ก็แวะหาเพื่อนๆ และพิณก็อาสาขับรถให้ทุกครั้งซึ่งเขาก็บอกเหมือนเดิมทุกครั้งเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขารำคาญลูกน้องหนุ่มแต่เป็นเพราะเคยให้พิณไปด้วยอยู่หนนึงเจ้าหนุ่มดูจะไม่ชอบเอามากๆ พิณเป็นเด็กบ้านนอกขนานแท้ชอบอยู่กับธรรมชาติพอพาเข้าผับเข้าบาร์ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากๆ ทั้งเสียงเพลงทั้งแสงไฟทั้งผู้หญิงสาวๆ แต่งตัวโป๊ๆ ที่วนเวียนไปมาอยู่ตรงโต๊ะการินทำให้เขาทำหน้าไม่ถูก การินสังเกตเห็นตั้งแต่ครั้งแรกก็เลยไม่ให้พิณมานั่งรอเขาอีก สงสารเจ้าหนุ่มบ้านนอก
“ครับพ่อเลี้ยง อย่าดื่มเยอะนะครับ ถ้าขับกลับไม่ไหวโทรเรียกผมนะครับผมจะไปรับ” พิณยังเป็นห่วงเป็นใย
“เออออออ สั่งยังกะพ่อฉันแน่ะ” การินพูดแล้วก็สะดุดคำพูดตัวเอง ทำให้เขานึกถึงพ่อผู้จากไปหลายปีขึ้นมาอีกแล้ว
“โอย..ไม่กล้าหรอกครับ ผมเป็นห่วงเฉยๆ แหะๆ ..” พิณตอบยิ้มจืดๆ
“เออๆ ถ้าฉันกลับไม่ไหวฉันจะโทรหานายก็แล้วกัน” การินสลัดความคิดเรื่องพ่อออกไปไม่อยากให้สะเทือนใจตัวเอง
พิณยิ้มพอใจที่นายหนุ่มตอบรับ การินขยับกายลุกขึ้นไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนที่จะแต่งกายด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ง่ายๆ แต่ก็หล่อบาดตาบาดใจด้วยใบหน้าคมคายหล่อเหลา รูปร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามไร้ไขมันจากวินัยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผมหยิกหยักศกของเขาปล่อยตามธรรมชาติโดยไม่ได้หวีปลายผมระใบหน้าและต้นคอทำให้เขารำคาญนิดๆ
“สงสัยต้องไปตัดผมแล้วมั้ง ผมยาวรำคาญแล้วเนี่ย” การินยืนเสยผมลวกๆ บ่นกับเงาในกระจกอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ตรงห้องรับแขกชั้นล่าง
“ผมว่าพ่อเลี้ยงผมยาวๆ หน่อยดูดุๆ ดีครับ ดูแมนๆ เซ็กซี่ๆ ” พิณยืนรอส่งนายออกความเห็น
“แมนๆ เซ็กซี่ๆ? นี่อย่าบอกนะว่านายเป็นเกย์” การินชะงักหันมาขมวดคิ้วถามลูกน้อง
“เฮ้ย! ไม่ใช่ครับ! ผมผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์! ผมพูดตามที่ผมเห็นเท่านั้นเอง” พิณร้องเสียงหลง
“เออ! แล้วไป.. นึกว่าเป็นเกย์ฉันย้ายนายไปอยู่แผนกอื่นเลยนะเว้ย ไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ถ้าใกล้ชิดกินนอนด้วยกันแล้วเป็นเกย์เนี่ยฉันก็ระแวงเหมือนกัน ไม่ชอบมาพากลจะพาลยิงเดี้ยงซะเปล่าๆ”
“ไม่ใช่แน่นอนครับขอยืนยัน ฮะฮะฮะ..” พิณฉีกยิ้มกว้าง
“เออดีแล้ว เกิดเป็นผู้ชายทั้งทีจะเป็นเกย์กันไปทำไมให้เสียชาติเกิด สงสารผู้หญิงผู้ชายยิ่งไม่พออยู่ด้วยดันกินกันเองอีก”
“ฮะฮะฮะฮะ! ...” พิณหัวเราะงอหาย
“เอ้า! จริงๆ นะเว้ยพิณ ฉันสงสารผู้หญิงจะตายผู้ชายหายากอยู่แล้วจะพากันเป็นเกย์ให้เสียจำนวนไปอีก”
“มิน่าล่ะ..พ่อเลี้ยงถึงได้ดูแลสาวๆ ได้ทีละหลายคนเลยเวลามากรุงเทพฯ”
“ก็แบ่งปันความสุขซึ่งกันและกันไม่ได้เรียกดูแลหรอกว่ะ ฉันคงไม่มีวันรับใครมาดูแลง่ายๆ นานๆ มากรุงเทพฯ ทีเพื่อนฝูงก็อยากให้สนุกสนานไม่อยากเห็นฉันทำหน้าเหมือนหมาอมฮอลล์ฉันก็ต้องเล่นไปตามบท แล้วตัวประกอบที่มาชวนให้เล่นด้วยก็สวยๆ เย้ายวนทั้งนั้นฉันก็เลยไม่ต้องจำใจเท่าไหร่หรอก พอเล่นได้น่ะ”
“ผมว่าพ่อเลี้ยงไม่ใช่แค่ พอเล่นได้ หรอกครับน่าจะ ตีบทแตก ซะมากกว่า เพราะหลังจากที่พ่อเลี้ยงกลับมาจะมีโทรศัพท์มาหาผมกระหน่ำทุกทีเลย จะขอสายแต่คุณรินๆๆ ” พิณหยอกเย้ายิ้มๆ
“ก็เค้าขอเบอร์ฉันจะให้ไปได้ไงล่ะ ให้เบอร์นายน่ะถูกแล้ว นายจัดการได้ฉันรู้” การินตอบดื้อๆ
“คร้าบๆ ผมไม่มีปัญหาแจกเบอร์ไปได้เลยครับเดี๋ยวผมจัดการเอง นายเที่ยวให้สนุกเถอะครับ กลับไม่ไหวโทรหาผมนะครับอย่าลืม”
“อืม ไประ” การินโบกมือเดินตัวปลิวออกจากห้องไป
เสียงเพลงป๊อบเบาๆ ในผับทำให้การินเพลินได้เหมือนกัน เพื่อนฝูงก็ทำให้เขารู้สึกสดชื่นนึกถึงวันเก่าๆ สมัยเรียนเสมอๆ บรั่นดีในมือก็ช่วยให้อารมณ์ของเขาสุนทรีย์ยิ่งขึ้น การินรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดทำให้เขาเริ่มมองหาสาวๆ สวยๆ ที่มักจะแวะเวียนมาชวนคุยอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่หัวค่ำ
“มองหาอะไรวะไอ้ริน อย่าบอกนะว่ามองหาสาวๆ น่ะ กินเหล้ากันทีไรไอ้นี่ชอบชิ่ง” ประภาสดักคอ
“เออใช่ ไอ้รินนี่เผลอไม่ได้ชอบทิ้งเพื่อน” วรวิทย์ชูจั๊กแร้สนับสนุน
“เฮ้ยย...แต่หลังๆ ที่มันมากินเหล้ากะเรามันไม่ค่อยเป็นแล้วนะเว้ย” คณิศผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทและรู้เรื่องราวลึกๆ ในชีวิตของการินมากที่สุดแก้ต่างให้เพื่อนรัก ด้วยเกรงว่าเพื่อนจะคิดมาก
“วะ! ก็พวกแกมันมีอะไรเร้าใจละโว๊ย สาวๆ ต่างหากที่ทำให้ใจฉันเต้นได้ เคยเป็นไงก็เป็นงั้นไอ้ณิศไม่ต้องเป็นห่วง” การินตบไหล่คณิศดังตุ๊บเป็นสัญญาณขอบใจและบอกกลายๆ ว่าไม่เป็นไร
“ถุย! คอยดูนะเดี๋ยวมันต้องใช้มุกเลี้ยงเหล้าคืนอีกแน่ๆ เลย” ประภาสถ่มถุยเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า
“ฉันก็ว่างั้นว่ะ จะดูซิ...ว่าจะเป็นแม่กระโปรงเหลืองนั่นหรือแม่ผมยาวขาวสวยที่จะได้ไอ้รินไปคืนนี้” วรวิทย์พยักเพยิดไปทางสาวๆ ที่ว่า
“ยังไม่ใช่เว้ย วันนี้ยังไม่มีใครเข้าตา” การินตอบเนือยๆ พลางกระดกบรั่นดีเข้าปาก
“เอ๊ะไอ้นี่..หายไปทำไร่ชาซะหลายปีรสนิยมเปลี่ยนไปรึไง หรือว่าสาวเหนือน่ารักกว่าดูของสวยๆ งามๆ ธรรมชาติๆ เลยไม่นิยมของปรุงแต่ง” ประภาสสงสัย
“เออ คงงั้นว่ะ.. เดี๋ยวนี้เห็นอะไรโปะๆ ลงไปบนตัวผู้หญิงเยอะๆ แล้วรำคาญ ทั้งแป้งทั้งรองพื้นทั้งนมปลอมขนตาปลอม กว่าจะเห็นหน้าจริงๆ ต้องลอกออกกว่า10ชั้น” การินส่ายหน้า พลันหันไปเห็นสาวสวยคนนึงตรงโต๊ะที่เฉลียงด้านนอกสะดุดตาสะดุดใจอย่างจัง
“สงสัยรินมันคงเปลี่ยนรสนิยมสาวปลอดสารพิษแล้วว่ะ อยู่บ้านนอกนานไปไม่ชินกับสารพิษซะละ” คณิศพูดยิ้มๆ
เพื่อนๆ ทั้งสามพากันชนแก้วเหล้าเฮฮาแต่การินยังละสายตาจากสาวสวยคนนั้นไม่ได้จนไม่ได้ยินที่เพื่อนๆ เรียก หญิงสาวคนนั้นนั่งอยู่กับสาวๆ อีก 2 คนซึ่งดูน่าจะอายุมากกว่าสักหน่อย เธอใส่เสื้อยืดตัวโคร่งๆ กางเกงยีนส์ขาเดฟตามสมัยนิยม ผมยาวหนารวบขึ้นไปขมวดไว้บนศีรษะง่ายๆ ปล่อยลูกผมระท้ายทอย ใบหน้าสวยใสสะอาดสะอ้านปราศจากเมคอัพใดๆ มีแค่แก้มกับริมฝีปากเท่านั้นที่ดูแดงระเรื่อๆ การินสังเกตุว่าเธอจะใช้ทิชชู่ซับใบหน้าบ่อยครั้งเลยเดาว่าแก้มกับปากที่แดงๆ น่าจะเป็นเพราะเธอร้อน
‘นี่มันก็ค่ำมืดแล้วนะ ยังร้อนอีกเหรอ’ การินสงสัย
สักพักหญิงสาวคนนั้นทำท่าลุกขึ้นและสาวอีกคนทำท่าชี้มือมาทางห้องน้ำที่อยู่ด้านใน การินเดาได้ทันทีว่าเธอคงจะมาเข้าห้องน้ำ เขาหันไปบอกสมาชิกชมรมสุราพาเพลินโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวคนนั้น
“เฮ้ย..เดี๋ยวมานะ ไปเข้าห้องน้ำ”
“เอ๊า! ไรวะ ก็เพิ่งไปมาเมื่อกี้นี้เอง” พรรคพวกประท้วง
“เออน่ะ! เดี๋ยวมา” การินซอยเท้าไปทางห้องน้ำทันทีเมื่อเห็นว่าสาวคนนั้นเดินถึงห้องน้ำหญิงแล้ว
“ไอ้นี่ชักไม่ชอบมาพากลอีกละน ะ” ประภาสตั้งข้อสังเกตทันที
“เฮ้ยไม่มั้ง ไม่เห็นมันสนใจใครเลย คงไปฉี่จริงๆ มั้ง เอ้าเราชนกันดีกว่าๆ ” คณิศชวน
การินยืนเตร่อยู่แถวเคาท์เตอร์บาร์ใกล้ๆ ห้องน้ำหญิงแล้วก็นึกขำตัวเองว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนน่าสนใจขนาดต้องดักรอมาก่อนเลย
’ ก็แค่อยากเห็นหน้าเธอชัดๆ แค่นั้นแหละ’ เขาแก้ต่างให้ตัวเอง
สาวน้อยคนนั้นเดินออกมาแล้ว การินจ้องไม่วางตาเธอน่ารักกว่าที่เห็นไกลๆ มาก เธอตัวเล็กแต่สมส่วนสูงเพียงแค่ไหล่เขาเท่านั้น ดวงตากลมโตหวานซึ้ง ผิวขาวนวลราวน้ำนม หน้าใสแก้มแดงไร้เมคอัพโดยสิ้นเชิง ปากอิ่มหยักได้รูปแดงระเรื่อ ผมที่รวบขึ้นไปขมวดไว้เผยให้เห็นท้ายทอยที่มีลูกผมระอยู่แสนเซ็กซี่
“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” พิมพ์กานต์ถามด้วยความแปลกใจระคนตกใจนิดๆ ที่มีผู้ชายตัวสูงใหญ่ยืนขวางทางเธออยู่ไม่ยอมขยับเขยื้อน
เธอได้ยินเพียงชื่อ การิน เท่านั้นไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน
เสียงทักท้วงหวานๆ ทำให้การินได้สติ แต่แทนที่จะตอบเธอเป็นคำพูดเขากลับคว้าเอวบางดันกลับเข้าไปในทางเลี้ยวเข้าโซนห้องน้ำ เขาใช้ตัวเขาบังตัวเธอจนมิดเอามือสองข้างยันกำแพงไว้ล็อคเธอไม่ให้ลอดออกมาได้
“จะทำอะไรน่ะ!! ปล่อยฉันนะ!” พิมพ์กานต์ตกใจดิ้นขลุกขลักที่โดนจู่โจมแบบไม่ได้ตั้งตัว
“เธอเซ็กซี่มากเลย ขอเบอร์โทรได้มั้ย” การินรู้สึกตลกตัวเองขึ้นมาอีกเมื่อพูดแบบนั้นออกไป เขาเคยขอเบอร์โทรใครที่ไหนมีแต่สาวๆ ขอเบอร์เขา
“ไม่! ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะร้อง!!” พิมพ์กานต์ยังดิ้นๆๆ และทำท่าจะร้องอย่างว่า
อย่างไม่คาดคิด การินก้มลงประทับริมฝีปากลงที่ปากอิ่มแดงระเรื่อนั่นเพื่อหยุดคำขู่ เขาสอดลิ้นอุ่นๆ เข้าไปในโพรงปากเล็กๆ สัมผัสถึงกลิ่นคอกเทลที่เธอเพิ่งจิบมาละมุนลิ้นหวานหอมกลิ่นมะนาวอ่อนๆ การินแนบร่างชิดร่างบางจนหลังเธอติดผนังริมฝีปากบดเบียดจูบเธออย่างร้อนเร่า
พิมพ์กานต์ตัวสั่นอยู่ภายใต้ร่างกำยำ เธอยังไม่เคยแม้แต่เฟิร์สคิสเพราะเธอไม่ยอมคบกับใครและไม่เคยไปไหนกับผู้ชายสองต่อสอง จูบที่เธอกำลังสัมผัสอยู่มันช่างร้อนแรงจนห่างไกลจากที่เคยจินตนาการว่ามันน่าจะหวานซึ้งเหมือนพระเอกจูบนางเอกในนิยาย จูบแรกแบบจู่โจมโดยชายที่ไม่เคยรู้จักทำให้เธอตกใจหัวใจเต้นระรัวราวกับดนตรีร็อคแอนด์โรล เธอไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจูบกันแล้วเป็นยังไงรู้แต่ว่าตอนนี้อารมณ์เธอกระเจิดกระเจิงขาอ่อนแทบยืนไม่อยู่
การินรู้สึกได้ถึงแรงสั่นเทาในร่างที่เขากำลังกอดประคองอยู่ มันยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นเพราะเขาไม่เคยจูบใครแล้วตัวสั่นมาก่อนเลย มีแต่ผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านมือชายเท่านั้นที่จะตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัวแบบนี้
‘สมัยนี้ยังมีเหลืออีกเหรอ?’ เขาคิดในใจ
แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลามาคิดหาเหตุผลเพราะริมฝีปากอันหอมหวานของสาวน้อยตรงหน้าทำให้เขาลืมทุกสิ่ง ลิ้นยังคงสอดลึกล้ำ จูบหนักหน่วงจนรู้สึกว่าร่างบางๆ ดิ้นรนอีกครั้งเพราะหายใจไม่ออก เขาจึงถอนริมฝีปากออกด้วยความเสียดาย เขาก้มหน้ามองเธอเห็นชัดว่าปากแดงระเรื่อของเธอเปลี่ยนเป็นแดงช้ำเพราะรสจูบของเขา สายตาเธอมองตอบมาที่เขาเป็นสายตาตกใจระคนแค้นเคือง น้ำตาเอ่อคลอดวงตาคู่งาม
“เธอชื่ออะไร..” การินถามพลางใช้นิ้วโป้งไล้ริมฝีปากแดงๆ ของเธอเบาๆ ด้วยอารมณ์อันคุกรุ่น
“ถอยไปนะ!!” พิมพ์กานต์ออกแรงผลักการินเต็มที่ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงะหงายไปตามแรงผลักแบบไม่ทันตั้งตัว
“เดี๋ยว!” การินร้องเรียกทำท่าจะวิ่งตามไปแต่ธอรีบวิ่งอย่างรีบร้อนกลับไปถึงโต๊ะแล้ว
การินยืนดูอยู่ห่างๆ เห็นท่าทีของเธอที่พยายามจะปรับให้ดูเป็นปกติ สองสาวที่นั่งอยู่ทำท่าแปลกใจเล็กน้อยคงจะซักถามเธอเพราะเธอดูตื่นๆ แต่เธอก็คงจะอธิบายอย่างใดอย่างนึงไปซึ่งสองสาวนั่นก็คงไม่ติดใจอะไร เขาเห็นเธอเสยกแก้วมาการิต้าขึ้นจิบ
‘นี่เอง กลิ่นมะนาวหอมๆ ’ การินคิดยิ้มๆ เขายังยืนกอดอกดูเธอนิ่งอยู่ยังไม่กลับไปนั่งที่โต๊ะ เขาเห็นเธอหันดูด้านในร้านบ่อยๆ แต่คงมองไม่เห็นเขาเพราะด้านในมีเพียงแสงไฟสลัวๆ แล้วเขาก็เห็นทั้งสามสาวเรียกบริกรให้เช็คบิลแล้วทำท่าลุกขึ้นเดาว่าน่าจะกำลังกลับกันแล้ว
‘ไม่ๆ ..ฉันยังไม่ได้เบอร์เธอเลย’ การินตะโกนประท้วงในใจ เขากระหืดกระหอบวิ่งออกไปนอกร้านด้วยความลืมตัวทั้งๆ ที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“เฮ้ย!! ไอ้ริน! จะไปไหนวะ??” วิ่งผ่านพลพรรครักสุราเพื่อนฝูงร้องเรียกกันเสียงหลง
“ขอกลับก่อนว่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงเหล้าคืนนะเว้ย! วันนี้รีบ! ไปละ!” การินไม่รออธิบายเพราะจะรีบตามสาวสวยที่เพิ่งได้ลิ้มรสริมฝีปากหวานๆ ให้ทัน
“เออ! นั่นไง! ให้มันได้ยังงี้ทุกทีสิน่า! แม่งงงเอ๊ยยย!!” ประภาสอดสบถไม่ได้
“เออ! สงสัยตามผู้หญิงอีกแล้วชัวร์ ไหนว่าเมื่อกี้ไม่สนไงวะทำท่าเนือยๆ ไปโดนอีหนูที่ไหนล่อเป้าเข้าล่ะ” วรวิทย์สำทับ
“เออว่ะ ฉันก็งงนะเนี่ย” คณิศผู้ที่รู้ตื้นลึกหนาบางกว่าใครยังเกาหัวแกรกๆ คิดไม่ออกว่าเพื่อนรักวิ่งตามใครไปได้ยังไง ในเมื่อลึกๆ แล้วการินยังมีความทุกข์อันใหญ่หลวงที่เก็บซ่อนไว้ในใจและตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปีเพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“โอ๊ย! ช่างมัน กินเหล้ากันต่อเหมือนเดิมๆ ก็ได้วะ แต่ขอบอก..ใครอย่าเสือกลุกไปอีกก็แล้วกัน ฉันจะแช่งแม่งเลย” ประภาสเข่นเขี้ยว
“โห..ไม่กล้าแล้วคร้าบเพื่อน แต่ว่า..ลุกไปฉี่นี่ไปได้ใช่มะ” วรวิทย์กวนโอ๊ยยิ้มๆ
“ถ้าไปฉี่นี่เชิญเหอะเว้ย ไอ้นี่กวนโอ๊ย น้องๆ! เอาโซดามา 2 น้ำ 1” ประภาสหันไปโวยวายสั่งมิกเซอร์เพิ่ม
คณิศยิ้มๆ กับไอ้สองหนุ่มที่กวนกันไปมาแต่ใจก็นั่งนึกถึงการิน อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนรักกันแน่..