“พี่ตี๋ ลูกอาต้อยหลานป้าต๋อยเหลนยายตุ๊ ยายตุ๊ที่เป็นเพื่อนกับยายเต้ ยายเต้เป็นยายของลุงตู่ ลุงตู่เป็นน้องของลุงติ๊บ สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีไหว้นอบน้อมพี่ตี๋อย่างเร็วไว ฉันรู้มาว่าเขาอายุคราวพ่อของฉันแล้วแต่หน้ายังดูกิ๊งๆ ใสๆ เหมือนวัยยี่สิบกลางๆ เขาเป็นเจ้าของร้านนี้แต่ไม่รู้นึกคึกอะไรถึงได้มาสวมรอยเป็นพนักงานร้าน
“โหย เรียกซะเต็มยศเลยอ่ะ ละนี่มากับใคร แฟนเราเหรอ?”
“อ๋อ...” ฉันมองหน้าอีพี่เซ้นส์แล้วมองพี่ตี๋ ก็รู้สึกได้ถึงความหล่อของคนทั้งคู่ คนนึงดูหล่อใสสไตล์เด็กมหาลัย อีกคนดูวัยทำงาน ทำเอาฉันเคลิ้มนิดๆ “รุ่นพี่ที่คณะค่า”
อีพี่เซ้นส์จิกฉันทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันเลยกระทุ้งข้อศอกใส่ท้องเขานิดๆ แล้วหัวเราะร่วน ฉันไม่ได้จะกั๊กอะไรเขานะ ฉันแค่ไม่อยากให้พี่ตี๋สงสัยอ่ะว่าฉันมาซื้อที่ตรวจครรภ์กับแฟน ถ้าเขาเอาเรื่องไปบอกอาต้อยหลานป้าต๋อย แล้วเรื่องลามปามไปยังพ่อฉันก็ซวยอ่ะดิ
“แล้วทำไมพี่ตี๋มาทำงานอะไรอย่างนี้อีกละคะ พี่ตี๋เป็นเจ้าของร้านไม่ใช่เหรอ?” ฉันพยายามดึงความสนใจในตอนที่อีพี่ตี๋นางหยิบขนมแต่ละชิ้นขึ้นมาคิดเงินจนใกล้จะถึงคิวของที่ตรวจครรภ์แล้ว ฉันเหล่มองจนตาเกือบเหล่แล้วกลืนน้ำลายอึกด้วยความหวั่นไหว
“อ๋อ พี่คิดถึงสมัยก่อนอ่ะ สมัยเรียนพี่เป็นพนักงาน”
“อ๋อค่า”
แหม คิดถึงเรื่องวันวานได้ถูกจังหวะม๊ากมากค่ะพี่ตี๋ พอดีกับวันที่อีมิวมาซื้อที่ตรวจครรภ์เล๊ยยยยย ;w;
ฉันยืนมองด้วยความกังวลสับสนล้านแปดในตอนที่อีพี่ตี๋หยิบที่ตรวจครรภ์ขึ้นมา ฉันภาวนาให้เขาแค่คิดเงินให้เสร็จๆ หากแต่ฉันคงมองโลกในแง่ดีไป เพราะพี่แกชะงักก่อนจะปรายสายตามามองฉันด้วยท่าทางล้อเลียน
“แน่ะ มิว ร้ายนะเราอ่ะ”
“อะไรพี่ตี๋ ไม่ใช่ของหนูนะ หนูแค่มาซื้อเป็นเพื่อนรุ่นพี่เฉ๊ยเฉย” ฉันโบ้ยทันทีพร้อมชี้นิ้วเข้าที่เบ้าหน้าอีพี่เซ้นส์ คนตัวสูงชะงักนิดๆ แล้วสะกิดฉันยิกๆ ฉันคิดว่านางคงอยากจะด่าฉัน แต่ฉันก็ไม่สนใจ ยังไงฉันก็ต้องแอ๊บไว้ก่อน ไม่งั้นอีพี่ตี๋แฉฉันละเอียดยิบแน่
“ใช่เหร๊อ”
“ช่ายยยยย” ฉันยืนยันพร้อมทำตาปิ๊งเพิ่มความน่าเชื่อถือที่ไม่ค่อยจะมีของตัวเอง อีพี่ตี๋พยักหน้าเล็กๆ แล้วปรายสายตาไปมองคนข้างๆ ฉัน ก่อนที่นางจะทำให้ฉันใจสั่นอีกครั้งด้วยประโยคต่อมา
“แล้วจะซื้อไปให้ใครอ่ะ เซ้นส์”
“...”
เดี๋ยวๆ อีพี่ตี๋รู้จักฉัน แล้วยังรู้จักอีพี่เซ้นส์ด้วยเหรอ งั้นที่พี่เซ้นส์สะกิดยิกๆ เมื่อกี้ก็เพราะนางจะบอกเรื่องนี้กับฉันใช่มั้ย?
โอ๊ย พี่ตี๋จะรู้จักทุกคนที่นี่ไม่ได้นะ ตกลงเขาเป็นคนหรือทะเบียนราษฎร์เคลื่อนที่วะเนี่ย!
พี่เซ้นส์ยิ้มแห้ง มีความไม่กล้าตอบพี่ตี๋แล้วปรายสายตามาปรึกษาฉัน ฉันกระซิบนางอย่างลนลาน เพราะไม่คิดว่าอีพี่ตี๋จะรู้จักชาวบ้านไปทั่วแบบนี้
“พี่เซ้นส์รู้จักพี่ตี๋ด้วยเหรอ?”
“เออดิ”
“ละทำไมพี่ไม่บอกเล่า!”
“พี่ก็กำลังจะบอกหนูอยู่เนี่ย หนูนั่นแหละ ปากไวพูดไปเรื่อยเอง”
เออ สรุปเป็นฉันเองสินะ ที่โม้ไม่รู้เรื่อง พูดมากปากเปราะไปเองอ่ะ ;W; ฉันกลืนน้ำลายก่อนจะคิดแผนสองเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจพี่ตี๋ ความแถนี้ยังสถิตอยู่ที่จิตใจอันชั่วช้าสามานย์ของฉันอยู่
“พี่ตี๋จะอยากรู้ไปทำไมล่ะ พี่เค้าจะซื้อให้ใครก็ได้ จะซื้อไปให้รกบ้านเล่นยังได้เลย ก็คนมันมีเงินอ่ะ”
สาบานว่าเป็นเหตุผลที่ประสาทมาก แต่ก็ช่างมันเถอะ
“นี่มิวจะด่าว่าพี่เสือกเหรอ?”
“มิวไม่ได้พูดนะ” ฉันส่ายหัวไม่ยอมรับก่อนที่อีพี่ตี๋จะแยกเขี้ยวทำท่าจะขบหัวฉันแล้วเลิกตั้งคำถามที่ทำให้พวกเราจิตตก ฉันรีบลากพี่เซ้นส์ออกจากสถานการณ์ตรงนั้นและรีบบึ่งไปยังบ้านพี่เซ้นส์ทันที ยังดีที่วันนี้ไม่มีคนอยู่บ้าน ฉันกับเขาก็เลยครองบ้านกันอยู่สองคนกับแมวอีกหนึ่งตัว
ฉันกางแผ่นโบว์ชัวร์สอนวิธีการใช้งานและอ่านอย่างละเอียด ไม่ให้ตกหล่นแม้แต่ตัวเดียว
“วิธีใช้ จุ่มลงในน้ำปัสสาวะสามวินาที” ฉันเริ่มอ่านออกเสียง ในขณะที่อีพี่เซ้นส์ชะโงกหน้าเข้ามาพร้อมน้ำเสียงกวนตีน
“อี๋ ต้องจุ่มในฉี่หนูเหรอ แล้วพี่จะกล้าจับมั้ยเนี่ย”
“โห แค่ฉี่แค่นี้พี่ทำเป็นรังเกียจหนูเหรอ ทีพี่แอบตดอ่ะ หนูยังเฉยๆ เลยนะ”
“แอบตดอะไร พี่เปล่านะ มิวแม่งน่าเกลียด”
“อย่ามาทำเป็นพูด หนูรู้ หนูแค่แกล้งเงียบเพราะกลัวพี่เสียเซลฟ์หรอก”
“มิวอย่ามาใส่ร้ายพี่นะ เห็นมีแต่มิวนั่นหละที่ตด ตดทีนี่เหมือนจะทำลายล้างปอดพี่ พี่ยังไม่พูดเลยนะ”
“พี่ก็พูดอยู่เนี่ย!!”
“พอ! แล้วก็รีบตรวจๆ ให้รู้ๆ ได้แล้ว หนูจะหาเรื่องมาทะเลาะกับพี่ทำไมเนี่ย”
“ก็พี่อ่ะ กวนประสาทหนูก่อน” ฉันผลักหัวอีพี่เซ้นส์อย่างหงุดหงิดที่เขาหาว่าฉันชวนทะเลาะ ทั้งที่เขาอ่ะแหละที่กวนฉัน ฉันตั้งสติก่อนจะจ้องไอ้ที่ตรวจครรภ์นั่นด้วยหัวใจที่หวั่นไหว มือเล็กๆ เริ่มเปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ นัยน์ตาของเราสบกันอย่างเครียดๆ พี่เซ้นส์กลืนน้ำลายแล้วดันหลังฉันเข้าไปในห้องน้ำ
หัวใจฉันเต้นตึกตักเหมือนจะหลุดออกมาลัลล้าอยู่ข้างนอก ฉันจัดการตามวิธีการในโบว์ชัวร์ก่อนจะรอประมาณห้านาทีให้ผลปรากฎกับอีพี่เซ้นส์ว่าผลตรวจจะเป็นยังไง
หนึ่งขีด
สองขีด
หนึ่งขีด
สองขีด
โอ๊ย กี่ขีดกันวะ!
ฉันกลัวจนเหงื่อตกขยับไปเบียดพี่เซ้นส์แล้วยกมือมาปิดตาในขณะที่ยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะคอมพิวเตอร์โดยวางไอ้ที่ตรวจครรภ์นั่นไว้ พี่เซ้นส์กอดบ่าฉันข้างนึง ในวินาทีที่ฉันกลืนน้ำลาย ขีดสีแดงก็ค่อยๆ จางขึ้นมาทีละนิดและทุกอย่างก็เงียบงันในตอนที่มันปรากฎชัด
สองขีด...
สองขีด = ท้อง!!
พี่เซ้นส์นิ่ง
ฉันนิ่งกว่า
นัยน์ตาของฉันสั่นระริก หน้าถอดสี ความซ่าที่มีหดหายกลายเป็นอากาศ ความรู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่า และสมองเริ่มขาวโพลนเพราะคิดอะไรไม่ออก
เหงื่อฉันหยดแหมะ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองพี่เซ้นส์ ฉันเริ่มจินตนาการไปไกลว่าต่อไปฉันจะเป็นยังไง แม่จะด่าฉันมั้ยแล้วถ้าฉันมีลูก ฉันจะเลี้ยงยังไงไหว ฉันจะหาเงินยังไง ปริญญาตรีก็ยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ เงินสามสิบบาทไว้ซื้อข้าวกินไปวันๆ ยังงก ฉันจะเป็นผู้หญิงที่เสียสละได้ขนาดนั้นจริงๆ อะเหรอ
คำตอบคือไม่
ฉันยังเด็ก และเด็กเกินกว่าจะรับผิดชอบอะไรๆ ได้
ฉันมองพี่เซ้นส์เผลอเม้มริมฝีปาก และความคิดแรกที่ฉันมีมันก็เป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัวมาก ฉันบีบมือพี่เซ้นส์และตัดสินใจเอ่ยสิ่งที่คิดออกมา
“เอาออกกันมั้ย”