เสียงครางซี้ดของสาวหมวยที่นั่งอยู่บนโซฟาเบดสีเทา ดวงตาชั้นเดียวทว่าแลดูสดใสกำลังเล็งสายตาลงไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ทำให้คนที่ถือจานยำวุ้นเส้นทะเลซึ่งเพิ่งทำเสร็จใหม่เดินเข้ามาในโถงรับแขกซึ่งถูกตกแต่งในสไตล์มินิมอล มองมาด้วยความสงสัย
“เกว แกเป็นอะไร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สงสัยแชตอยู่กับผู้ชายชัวร์”
คนที่ถูกแซวอยู่ในลุคชิลๆ กางเกงขาสั้นสีขาวกับเสื้อครอปสีเหลืองมัสตาร์ด เหลือบตาขึ้นมามองสาวสวยหุ่นดีเหมือนนางเอกซีรีส์เกาหลี เพื่อนสาวคนสนิทที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ได้เพียงสองวัน หลังจากเลือกไปทำงานที่ต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบ ไม่ได้เจอกันหลายปี พวกเธอจึงนัดกันมาพักที่วิลล่าแห่งนี้ และคืนนี้จะมีเพื่อนสนิทอีกสามคนตามมาสมทบ
“ฉันไม่ได้แชตกับผู้ชายหรอก ทำเป็นสู่รู้ ฉันกำลังดูผู้ชายทำอาหาร เห็นแล้วน้ำลายไหล” ดวงหน้าสดใสยังพูดไปยิ้มไปไม่หุบ
คนถามนึกสงสัย เพราะสาวหมวยตัวเล็กตรงหน้ากินอาหารแต่ละทีราวกับแมวดม
“เชฟที่แกดูนี่คงไม่ได้ทำอาหารน่ากินอย่างเดียวมั้ง สงสัยเชฟจะน่ากินด้วย แกถึงได้ซูดปากซูดคอ ออกอาการ...หิวผู้ชาย”
สาวหมวยพยักหน้ารับอย่างไม่เก็บอาการ “ก็แหม คนอะไรล้อหล่อ งานดี หล่อไม่พอ รวยอีกต่างหาก แล้วยังทำอาหารเก่ง ฉันไม่อยากเป็นแล้วเอฟซี ตอนนี้อยากเป็นเนื้อแซลมอนให้เชฟชิม”
พูดจบสาวหมวยก็ออกอาการเขินบิดตัวไปมาขณะมองผู้ชายแขนล่ำๆ ที่หน้าจอสี่เหลี่ยม การทำอาหารของชายหนุ่มนอกจากน่าอร่อยแล้ว ยังมีสองสาวพากย์ขั้นตอนการทำอาหารอย่างน่ารักปนขำ จนมีผู้ชมแต่ละคลิปไม่ต่ำกว่าห้าแสนวิว
คำพูดกับอาการของเพื่อนสาวตัวเล็กทำให้ ‘เปมนีย์’ เหลือกตาขึ้นมองแบบงงๆ “เพ้อเจ้ออะไรของแก ไหนขอดูหน้าหน่อยสิ ว่าเชฟที่แกว่าแซ่บจริงหรือเปล่า”
“แซ่บสิ ถึงจะลูกสองก็ไม่เป็นไร ฉันรับได้เสมอ” พร้อมออกอาการคว้าหมอนอิงขึ้นมากอดแน่น
เปมนีย์ส่ายหน้างงๆ กับอาการเป็นเอามากของเพื่อน จากนั้นก็วางจานยำลงแล้วยื่นหน้ามาในระยะประชิด มือหนึ่งจับโทรศัพท์มือถือของเพื่อนเพื่อจะดูหน้าผู้ชายที่เพื่อนพูดถึง ทว่าระหว่างทางที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ จนถึงหัวหิน ‘เกวลี’’ ยังหาไม่เจอว่าเธอเก็บสายชาร์จแบตเอาไว้ที่กระเป๋าเดินทางใบไหน ทำให้แบตหมดกะทันหัน หน้าจอดับดำสนิทไป เปมนีย์จึงอดเห็นหน้าผู้ชายที่เพื่อนพูดถึง
เจ้าของโทรศัพท์มือถือหัวเราะ แล้วเงยหน้ามองเพื่อน “น่ะ แบตหมด แกไม่มีบุญตา เขาเป็นยูทูบเบอร์ช่องดังที่ฉันสับตะไคร้เอาไว้คอยติดตามดูเขาทำอาหาร” พูดจบดวงตาชั้นครึ่งของเกวลีก็เหลือบไปเห็นยำวุ้นเส้นสูตรโบราณหน้าตาน่ากินที่เปมนีย์ยกมาให้
“วันนี้ไม่ได้กินยำซึนามิ กินยำวุ้นเส้นของแกแก้ขัดไปก่อนก็ได้นะยีนส์ ทำอาหารเก่ง น่ากินเหมือนเดิม”
มือขาวกำลังจับช้อนส้อมขึ้นมาตักกินยำ แต่เสียงใสสมหน้าตาน่ารักสวยใสเหมือนสาวเกาหลีซึ่งเป็นคนทำยำวุ้นเส้นจานนี้ขัดจังหวะขึ้นก่อน “เดี๋ยวยัยเกว ก่อนจะกินยำวุ้นเส้นรสแซ่บเหมือนคนยำ ทำงานให้ฉันหรือยัง”
สาวหมวยผู้ถูกขัดจังหวะการกินถอนหายใจก่อนมองเพื่อนสาวสุดสวย “เรียบร้อยแล้ว ฉันนัดบอส เจ้าของบ้านให้แกแล้วพรุ่งนี้แกไปหาเขาได้เลย ก่อนสิบโมงเช้านะ เดี๋ยวฉันส่งโลเกชันไปให้ที่ไลน์ แล้วคราวนี้ฉันจะกินได้ยัง” กลิ่นยำวุ้นเส้นลอยเตะจมูกสาวหมวย จนน้ำลายแตกฟอง
เปมนีย์บิดยิ้ม “ดีมากทำงานแล้ว งั้นกินได้แล้ว แต่ถ้ากินแล้วต้องบอกอร่อยอย่างเดียวนะ”
สาวหมวยหัวเราะยังมั่นใจในฝีมือของเพื่อนเหมือนเดิม “ตอนอยู่หอในด้วยกันสมัยเรียน แกทำอาหารเก่งสุดแล้วในกลุ่มพวกเรา ดึกๆ เพื่อนๆ รวมถึงฉัรนก็ต้องพึ่งมาม่าต้มยำชีสของแกตลอด ไม่มีใครทำอร่อยเท่าแกแล้ว”
เปมนีย์ ยิ้มหวานน่ารัก แล้วตักวุ้นเส้นคำโตกินไปด้วย มองหน้าเพื่อนที่กำลังกินด้วยท่าทางอร่อย “เจอคนประจบแล้วหนึ่ง”
เกวลียิ้ม แล้วพูดขึ้นเมื่อนึกถึงวันวานสมัยยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย “เสียดายเนอะที่เราอยู่หอด้วยกันแค่สองปี ตอนปีสามปีสี่แกย้ายออกจากหอไปอยู่กับป้าที่หลักสี่”
เปมนีย์วางช้อนส้อมลง นั่นเป็นสิ่งที่เพื่อนๆ รับรู้ แต่ที่จริงแล้วเธอไม่ได้ย้ายไปอยู่กับป้าที่หลักสี่แบบที่เพื่อนๆ เข้าใจ เธอแค่ย้ายเข้าไปอยู่ในกรงทองของใครบางคน คนที่อุปถัมภ์เธอจนกระทั่งเรียนจบอยู่หลายปีแล้ว คนที่เธอพยามลบจากความทรงจำไปแล้วแต่ทุกอย่างที่เป็นเขามันยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกอยู่ดี พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วหัวใจดวงน้อยเจ็บแปลบขึ้นมา เปมนีย์น้ำตาคลออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวกับความรู้สึกที่ว่า
‘ความห่างไกล ไม่ได้ทำให้ลืมคนในใจได้เลย’
อีกฟาก
ยศสรันคุยโทรศัพท์กับ ‘ธนกร’ เพื่อนสนิท ที่โทร.มาเล่าว่าอยากให้เขาแวะไปที่ผับของมันหน่อยในคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ หลังจากไม่ได้ชนแก้วกันมาหลายเดือน เพราะต่างคนต่างยุ่ง ตั้งแต่มีลูกๆ เขาก็ละเลิกจากการดื่มหนักๆ ปรับเปลี่ยนตัวตนเป็นคนใหม่ให้สมกับความเป็นพ่อ จนถูกเพื่อนแซวว่าอดีตเสือร้ายอย่างเขากลายเป็น
‘เสือหลับ’
หรือบางทีเขาอาจเริ่มอิ่มตัวเบื่อหน่ายกับผู้หญิงมากมายที่เดินผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งที่เป็นแค่ทางผ่านและมีบ้างที่คิดจะจริงจังด้วยแต่ก็ยังไม่คิดจะปักหลักที่ใคร แต่ถึงอย่างไรเสือก็ยังคงเป็นเสือ แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่ถ้าเหยื่อเด็ดจริง สัญชาตญาณนักล่ามันก็พร้อมตื่นตัวได้เสมอ
เจ้าของผับหรูเร้าหรือมาพักใหญ่จนยศสรันถอนหายใจยาวพรืดเพราะทนการเร้าของเพื่อนไม่ไหว “ก็ได้ แต่กูกลับดึกมากไม่ได้นะ มึงก็รู้ว่าสองสาวที่บ้านหวงกูแค่ไหน ต้องจุ๊บแก้มกันทุกวันตอนเช้า”
คนฟังยิ่งขำ เกิดมาไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนหวงพ่อเท่าลูกสาวไอ้ยศ “สมน้ำหน้า เวรกรรมของมึงแล้ว สมใจสิมึง อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีเมีย แม่สองสาวของมึงขนาดตัวเล็กๆ แค่นี้ยังหวงพ่อจัดจนมึงขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย ถ้าโตกว่านี้ล่ะคงไม่ต้องพูดถึง”
มีหลายเหตุผลที่เขาไม่คิดแต่งงานมีภรรยาเป็นตัวตน ทั้งที่มีความพร้อมทุกด้าน มารดาของเขานั้นท่านอยากอุ้มหลานมากอยากมีทายาทสืบสกุล แล้วยังบอกว่าหากเขายอมมีหลานให้ ท่านจะเลี้ยงเอง กระทั่งหลานทั้งสองออกมาได้หกเดือน มาดาของเขาดีใจมากและทำตามที่พูดไว้คือเลี้ยงหลานเอง เกรงว่ามารดาอายุมากแล้วต้องเลี้ยงเด็กทารกถึงสองคนจึงจ้างพยาบาลวิชาชีพสองคนเพื่อมาช่วยท่านเลี้ยงลูกแฝด แต่คราวเคราะห์หลังจากนั้นสามเดือนมารดาที่มีทั้งโรคเบาหวาน ความดัน เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หกล้มในห้องน้ำเส้นโลหิตในสมองแตกจึงอยู่ชื่นชมหลานสาวตัวน้อยได้เพียงเท่านั้น
ยศสรันเงียบนิ่งเหมือนใช้ความคิดไป คนโทร.มาชวนจึงจี้ถาม “ว่าไงวะไอ้ยศ คืนนี้ตกลงมึงจะมาไม่มา”