บ้านใหญ่ตื่นกันตั้งแต่เช้าด้วยเจ้าของนั้นต้องลุกมาใส่บาตรทุกวัน ฮันนี่รอจนกระทั่งคุณย่ากับคุณน้าใส่บาตรเสร็จจึงได้มาขอเข้าพบ ทีแรกก็ถูกปฏิเสธไม่ว่างท่าเดียว จนฮันนี่แจ้งว่าจะขอย้ายออกจากบ้าน ท่านจึงอนุญาตให้เข้าพบ
“มีธุระอะไรก็ว่ามา” คุณย่าใช้หางตามองหลานสะใภ้ แอบเอ็นดูอยู่ก็มากแต่ยังต้องวางท่าโกรธเคืองให้อีกฝ่ายรู้สำนึก
“ฮันนี่จะย้ายออกจากบ้านนะคะ คือเราสองคนไม่ได้รักกัน ตั้งใจว่าอยู่กันสักปีแล้วค่อยเลิกค่ะ ระหว่างนี้การแยกกันอยู่จึงเหมาะสมที่สุด” เธอคิดทบทวนมาแล้วทั้งคืน ทางนี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
“คุยกันดีแล้วเหรอ” แม่สามีถามสีหน้ากังวล เพิ่งแต่งงานกันได้เพียงคืนเดียว รุ่งขึ้นเจ้าสาวมาขอหย่า ผู้ใหญ่อย่างท่านก็ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร
ตัวไอศูรย์เองก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้รักฮันนี่ แม้จะเป็นคนเอ่ยปากว่าจะแต่งงานเอง แต่ทุกคนรู้ดีว่าไอศูรย์เพียงทำตามคำสั่งเสียของปู่เท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใด คนผิดในเรื่องนี้คือผู้ใหญ่อย่างพวกท่านที่ให้ความหวังฮันนี่และกดดันไอศูรย์ด้วยคำสัญญาเก่านั่น
และคนที่ท่านกำลังคิดถึงก็เดินเข้ามาภายในบ้าน ไอศูรย์มองคุณย่ากับมารดาและมองภรรยาที่นั่งกับพื้นเป็นคนสุดท้าย
ฮันนี่มาก่อเรื่องหรือฟ้องอะไรอีก แต่งงานได้วันเดียวก็เริ่มสร้างปัญหาแล้ว ทำไมถึงได้กลายเป็นเด็กดื้อขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ” ไอศูรย์ทักขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าทุกคนเคร่งเครียด คาดเดาได้ว่าเรื่องที่ภรรยามาฟ้องนั้นใหญ่พอสมควร
“เมียแกเอาของแต่งงานมาคืนนะสิ คงไม่สนหัวหงอกหัวดำที่บ้านนี้แล้ว อยากเลิกทั้งที่เพิ่งแต่งงาน” แม่สามีรีบกล่าวโดยที่ไม่รอให้หญิงสาวได้แทรก ท่านไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
งานแต่งงานเพิ่งจัดเสร็จไม่นาน ตอนนี้จะขอเลิกกันแล้ว ท่านปวดหัวกับหนุ่มสาวสมัยนี้จริง ๆ
“เราตกลงจะเลิกกันอยู่แล้วค่ะ ฮันนี่ขอออกไปอยู่คนเดียวดีกว่าค่ะ เพื่อความสบายใจของทุกคนด้วย” เธอยืนกรานคำเดิม อยู่ที่นี่อึดอัดหายใจไม่คล่องนัก คนอื่นไม่มีทางเข้าใจเธอเท่าเธออีกแล้ว
“แต่ผมไม่ยอมครับ เพิ่งแต่งงานกันได้วันเดียว เมียก็ขอย้ายออกจากบ้าน คนอื่นรู้ได้หัวเราะกันพอดี” ยิ่งฟังก็ยิ่งแปลกใจ ฮันนี่เป็นบ้าเหรอถึงได้ทำแบบนี้
เขายอมแต่งงานด้วยแล้ว แต่กลับอยากเลิก ฮันนี่เล่นขายของหรืออย่างไร
“งานเล็กแค่นิดเดียวคนหัวเราะไม่เยอะหรอกค่ะ คุณเกลียดจนย้ายห้องนอนในคืนเข้าหอ คิดว่าแยกกันนอนแค่ห้องมันไม่พอ แยกบ้านเถอะค่ะ” ฮันนี่เริ่มโมโหที่ไอศูรย์ดึงดันไม่เลิก คนอย่างเขาเหรออาย ถ้าอายจริงไม่ยอมแต่งงานกับเธอหรอก
“ไม่พอใจงานแต่งงั้นสิ เอาเถอะอยากทำอะไรก็ทำไมต้องสนใจยัยแก่อย่างฉันหรอก” แม่สามีสะบัดหน้าหนีอย่างขุ่นเคือง จนฮันนี่คลานเข้าไปกราบท่านทั้งสอง
“เพราะเคารพฮันนี่ถึงได้มากราบลา คนแบบฮันนี่ไม่อยู่ให้รกหูรกตาก็ถือว่าดีแล้วค่ะ ฮันนี่ทำผิดไว้มากไม่คู่ควรกับที่นี่จริง ๆ”
หญิงสาวเอ่ยจากความรู้สึกจริง ๆ
เธออยู่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นรังแต่จะทำให้บ้านนี้เดือดร้อน พ่อแม่ก็หิวเงินจนน่าขนลุก อีกไม่นานก็ต้องมาขอเงินสร้างความวุ่นวายให้คุณย่า สู้ออกไปอยู่ที่อื่นดีกว่า
“เหอะ พ่อแม่เธอได้สินสอดไปใช้หนี้แล้วนี่ อยากไปก็ไปเถอะ ฉันไม่เคยนับเธอเป็นสะใภ้อยู่แล้ว” แม่สามีดูโกรธมากกว่าเดิม ส่วนคุณย่านั้นนั่งนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด
“หนูคืนให้ในส่วนที่หนูมีนะคะ แหวนนี้หนูคืนค่ะ ส่วนที่ดินคุณย่าว่างวันไหนหนูจะโอนคืนให้นะคะ” หญิงสาวถอดแหวนคืนพร้อมกับรับปากว่าจะเอาส่วนที่เหลือมาคืนท่าน ครั้นจะรับปากหาส่วนที่พ่อแม่นางร้ายมาคืนก็ไม่กล้ารับปาก ลำพังตัวเธอก็จะเอาไม่รอด
“ฉันไม่รับคืนหรอก ไม่อยากได้ของต่อจากใคร เรื่องสินสอดก็ให้แล้วกันไปเถอะ ถือเสียว่าเป็นค่าสัญญาที่เราเคยให้ไว้”
คุณย่าถอนหายใจก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดุ เงินทองพวกนั้นท่านไม่เคยคิดอยากเอาคืนสักบาท
ท่านยัดแหวนใส่มือของหญิงสาวคืน แววตาท่านอ่อนลงจนหญิงสาวรู้สึกผิด
“ขอบพระคุณที่เมตตาค่ะ ฮันนี่สัญญาจะไม่ให้มีเรื่องเสื่อมเสียมาถึงคุณย่ากับคุณน้า” เธอรู้สึกซาบซึ้งที่ท่านไม่ได้เกลียดชังดังที่คิด อย่างน้อยก็เมตตาเธออยู่มาก
“เธอเลือกเองนะฮันนี่ ถ้าหลังจากนี้ฉันมีใครก็อย่ามาโอดครวญทีหลัง เมื่อเลือกจะทำเรื่องงี่เง่าก็ทำให้ได้ตลอดด้วย!”
ไอศูรย์กำหมัดแน่นอย่างจนปัญญาจะคัดค้าน
“ฮันนี่จะรับผลในการตัดสินใจของตัวเองค่ะ ขอบคุณนะคะที่อดทนกับฮันนี่มาตลอด” ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เธอพร้อมจะรับผลของมันทั้งหมด
“อยากไปไหนก็ไป ฉันถือว่าให้โอกาสเธอแล้ว”
ไอศูรย์มองคนเป็นภรรยาด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่เขาจะรีบเดินออกจากบ้านไปด้วยกลัวจะเผลอแสดงความโกรธออกมามากกว่าที่ควร
“กราบลาค่ะ” ฮันนี่ไม่สนใจชายหนุ่ม เธอกราบผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วออกจากบ้าน
สายตาสองคู่มองตามร่างเล็กจนสุดสายตา พวกท่านถอนหายใจกับความดื้อรั้น คิดไปเองว่าหลานสะใภ้คงโกรธที่พวกท่านทั้งสองหมางเมิน
“ดื้อดึงเกินหญิง น่าตีให้เนื้อเขียว ตัวทำผิดแท้ ๆ”
คุณย่าบ่นพึมพำ ความขุ่นเคืองมลายหาย หลงเหลือเพียงความห่วงใยให้เท่านั้น ฮันนี่ถูกตามใจมาตลอดพวกท่านก็คือคนที่เอาใจเช่นกัน นิสัยจึงดื้อรั้นกว่าใคร ท่านเอ็นดูก็เพราะคือหลานเพื่อนรักที่จากไป
“ไม่นานก็คงกลับมานั่นแหละค่ะ ฮันนี่คงน้อยใจที่เราไม่ยอมพูดด้วย วันงานเราทำแรงเกินไป” แม่สามีที่เคยหน้าบึ้งตึงกลับมานั่งถอนหายใจ
เดิมทีตั้งใจสั่งสอนให้เข็ดหลาบจะได้ไม่ทำผิดอีก ทว่าเรื่องราวกลับบานปลายใหญ่โตกว่าที่คาดเอาไว้ ตัวไอศูรย์ก็ไม่รู้คิดเห็นอย่างไร
“ฉันเองก็โกรธจนหน้ามืดทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้ เฮ้อ คงต้องสุดแท้แต่เวรแต่กรรม พวกเขาโต ๆ กันหมดแล้ว”
ท่านกล่าวอย่างปลงตก
หากไม่ไปจุ้นจ้านมากเรื่องอาจไม่ถลำลึกจนทุกวันนี้ หลังจากนี้ก็ให้พวกเด็ก ๆ ตัดสินใจกันเอง….