เธียรวิทย์ เปิดประตูห้องประชุมเข้าไปแล้วกล่าวเปิดประชุมทันที วันนี้เค้ามีประชุมงานเกี่ยวกับแพคเก็จจิ้งขนมยี่ห้อใหม่ที่เพิ่งจะนำมาวางขายในเร็วๆนี้ เสียงเข้มท้าวความถึงการประชุมครั้งที่แล้วก่อนจะบอกความต้องการของตัวเองออกไป แต่ทีมงานนับสิบคนที่จ้างมาด้วยเงินเดือนสูงลิ่วกลับทำงานไม่คุ้มค่าจ้าง
"เหมือนเดิมไม่แก้ไขไม่ปรับปรุง"
เธียรวิทย์กัดฟันข่มความโกรธ วัตถุดิบส่งมาพร้อมเตรียมการผลิต แต่แพคเก็จจิ้งห่วย ทีมงานหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
"ผมให้เวลาอีกสองวัน ถ้าผมออกแบบมาแล้วท่านประธานเลือกของผม พวกคุณควรพิจารณาตัวเอง"
เธียรวิทย์ยื่นคำขาดก่อนจะลุกออกจากห้องประชุมไป
เค้าตัดสินใจงานเป็นคนสุดท้าย แต่ถ้างานแบบนี้มีปัญหา ท่านประธานจะเป็นคนตัดสินใจเอง
"อ้าวไอ้เสือว่าไง" ท่านประธานทักลูกชายที่เดินหน้าตูมเข้ามา เธียรวิทย์นั่งลงแล้วถอนหายใจออกมา
"แพคเก็จไม่สวยเลย" ลูกชายบอกเบาๆ ผู้เป็นพ่อยิ้มกว้าง
"ถ้าไม่ถูกใจอยากได้แบบไหนทำเองสิ" คนเป็นลูกค้อนน้อยๆอย่างงอนๆเมื่อฟังท่านประธานพูดจบ
"ดี ทำเองอย่างงี้อีกหน่อยก็ไม่ต้องจ้างใคร" คนเป็นพ่อขำออกมาอย่างพอใจ ที่ลูกชายบ่นออกมาเสียงดัง แล้วลุกออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
"ประชุมคราวหน้าท่านประธานมาตัดสินแล้วกันว่าของใครสวย" ก่อนจะปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา เรียกรอยยิ้มจากคนในห้องอีกครั้ง
"ไอ้เพอร์เฟคเอ๋ย อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง" เสียงท่านประธานบ่นลูกชายด้วยความภูมิใจเหลือเกิน
"อ้าปากค่ะ หมอขอดูคอนิดนึงนะคะ" เสียงหวานบอกคนไข้วัยเจ็ดขวบตรงหน้า ก่อนจะใช้ไฟฉายส่องเข้าไปที่ช่องปากแล้วดูอย่างรวดเร็ว
"โอเคค่ะเก่งมาก" คุณหมอสาวชมก่อนจะเขียนใบสั่งยาลงไป
"ห้ามทานน้ำเย็น ขนมห่อกรุบกรอบ ของทอดของมันนะคะ ทานอาหารที่มีประโยชน์ทานยาตามเวลา เดี๋ยวก็หายค่ะ" เสียงหวานใสอธิบายกับคนไข้และผู้ปกครองก่อนจะบอกลา
"คุณหมอครับ ถ้าผมหายป่วยแล้ว จะได้เจอคุณหมออีกไหมครับ" คนฟังยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะมองคนไข้ด้วยความเอ็นดู
"ไม่เจอที่นี่ดีแล้ว แต่เจอข้างนอกก็ทักหมอได้ค่ะ พี่ชื่อหมอนุช" คนไข้ยิ้มกว้างออกมาก่อนที่แม่จะดึงมือออกไปด้วยความอาย ตัวเท่านี้อยากจีบหมอ พยาบาลในห้องหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะถามออกมา
"หมอนุชเสน่ห์แรง ขนาดเด็กน้อยยังติดใจ " ธีรนุชส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะขยับแหวนนพเก้าที่ใส่ติดนิ้วมาหลายปี
"พี่เธียรเค้าอยู่ไกล ห่างจากนุชมากในตอนนี้ แต่นุชก็ยังมีโอกาสที่จะตามพี่เค้าทัน ถ้านุชคิดว่านุชจะไม่เสียใจถ้าวันหนึ่งต้องผิดหวัง"
เสียงคุณท่านบอกด้วยความเมตตาหลังจากที่บังเอิญเห็นรูปหลานชายของตัวเอง เสียบคั่นเอาไว้ในหนังสือของเด็กสาววัยสิบหกปี
ผู้เป็นย่า เรียกธีรนุชมาถามก่อนจะมอบแหวนวงนี้ให้หลังจากที่ธีรนุชสอบติดแพทย์และย้ายออกมาอยู่หอพักใก้ลมหาวิทยาลัย
"ย่าให้นุชสวมเอาไว้ เผื่อมีใครเข้ามาทำให้นุชหวั่นไหวหรือไขว้เขว นุชจะได้รู้ว่า นุชยังมีย่าเป็นกำลังใจให้นุชเพื่อหนุนให้นุชเข้าใก้ลพี่เธียรมากที่สุด แต่ถ้านุชคิดว่าจะเปลี่ยนใจจากเธียร ย่าก็จะไม่ว่านุชเลย"
แม้ว่าจะได้นอนบ้านรั้วเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกันมานับสิบปี แต่ธีรนุชกลับเลี่ยงจะพบเจอเธียรวิทย์ทุกครั้งที่มีโอกาส จากเด็กเล็กจนโตเป็นสาวรุ่นแขนขายาวเก้งก้าง กลายมาเป็นนักศึกษาแพทย์ ธีรนุชจึงย้ายออกมาอยู่หอพักเกือบสี่ปี แม้จะกลับไปกราบคุณท่านทุกเดือน แต่เธอกลับไม่กล้าเจอเค้าเหมือนเดิม ความรักในวัยเด็กหล่อหลอมให้เธอมีพลังใจในการเรียนแม้จะยากลำบาก แต่ความรักที่ไม่คาดหวังนี้ ทำให้เธออบอุ่นใจเหลือเกิน ขอแค่เธอได้มีโอกาสตอบแทนคุณท่าน ได้ดูแลเค้าบ้างในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ได้แอบมองเค้าในช่วงระยะไกลๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เธอไม่ได้หวังอะไรอีกแล้ว
คุณหมอสาวยิ้มจางๆออกมา ก่อนจะกล่าวทักทายคนไข้รายสุดท้ายของวันอย่างอ่อนล้า งานวันนี้ปิดจ้อบที่คิว83คน คนสวยจะเป็นลม ตารางตรวจคนไข้นอกแน่นขนัดอย่างเลี่ยงไม่ได้ทีเดียว
บ้านหลังใหญ่รั้วสูงลิบเนื้อที่นับสิบไร่ใจกลางเมือง ประเมินมูลค่าไม่ได้เป็นบ้านพักของเจ้าของกิจการหลายอย่างของตระกูลนี้มาหลายสิบปี เดิมที่เจ้าของที่เป็นพ่อสามีของคุณหญิงทิพย์ เป็นข้าราชการฝ่ายใน แต่ลาออกมาทำการค้าขาย และเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ แม้จะร่ำรวยรุ่งเรืองเพียงใด แต่ตระกูลนี้มีลูกน้อยเหลือเกิน คุณหญิงมีเพียงลูกชายคนเดียว และลูกชายของนางก็มีเพียงเธียรวิทย์เท่านั้น ทรัพย์สินที่ตระกูลนี้หามาได้ จึงทำบุญทำกุศลเสียมากกว่าใช้จ่าย ยิ่งหลานชายที่ขยันหาเงินเปิดช่องทางธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ ยิ่งทำกำไรเพิ่มมากขึ้นทุกปี จนพูดได้ว่ากินใช้ทั้งชีวิตไปอีกหลายรุ่นก็ไม่หมด
เสียงรถตู้แล่นเข้ามาจอดในช่วงค่ำ แม่บ้านรีบโผล่หน้าออกมาดูก่อนจะสั่งการให้เด็กๆเตรียมหาของว่างหรืออาหารค่ำเอาไว้รอ คุณหมอสาวนั่งไม่เป็นสุขเลย เธอยังไม่อยากเจอหน้าเค้าตอนนี้ มือบางที่กำลังถือหนังสืออยู่สั่นระริกจนคนนั่งฟังนิทานชาดก อดยิ้มขำออกมา
"อยากจะหนีหรอหมอนุช" เสียงคุณย่าพูดออกมา ธีรนุชลดหนังสือลงก่อนจะหาที่คั่นมาคั่นหน้าหนังสือเอาไว้
"อย่าหนีเลย เราควรจะพร้อมได้แล้ว สิบกว่าปีมานี้ยังหนีไม่พออีกหรอไง "
สิ้นเสียงคุณหญิง ชายหนุ่มรูปร่างสูงกว่า185เซนติเมตร ก็เดินตรงเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
"สวัสดีครับคุณย่า ยังไม่ขึ้นนอนหรอครับ" หลานชายยิ้มกว้างออกมา ปากเอ่ยทักทาย แต่สายตากับมองไปที่สาวน้อยชุดสีหวานที่นั่งอยู่ข้างๆแทน
ธีรนุชวางหนังสือลงข้างตัวก่อนจะยกมือไห้วคนตัวโตอย่างเขินอาย
"สวัสดีค่ะคุณเธียรวิทย์" น้ำเสียงหวานใส เอ่ยทักทาย เธียรวิทย์ หรี่ตามองแล้วยิ้มน้อยๆออกมา
"โตแล้วไม่ใส่แว่นหรอ" เสียงทุ้มเรียกชื่อเธอออกมา
เค้าจำเธอได้ หญิงสาวใจเต้นตุบตับทันทีที่ได้ฟังคำถามแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนตรงหน้าแทนคำตอบ
"ยังใส่เวลาอ่านหนังสือค่ะ" ชายหนุ่มนั่งนิ่งทันทีที่ได้มองคนตรงหน้าชัดเจน จากเด็กตัวเล็กที่เค้าเคยเห็นแวบๆตอนลงไปเล่นที่สนาม กลายเป็นเด็กสาวตัวผอมใส่แว่นเดินมาพร้อมกองหนังสือในวันหยุด ข่าวล่าสุดที่ได้ฟังคือ เป็นนักศึกษาแพทย์ไปแล้ว
ดวงตาดำสนิทกลมโต จมูกโด่งเป็นสัน กับแก้มใสที่มีเครื่องสำอางค์บางๆติดอยู่ ริมฝีปากบางเฉียบทาลิปสีชมพูอ่อน ลำคอขาวผ่อง เผยให้เห็นชุดเดรสสั้นสีสวย น่ามองเหลือเกิน เธียรวิทย์มองคนตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา เค้าพอใจเธอเหลือเกิน ไม่ใช่สวยติดตา แต่น่ามองมากกว่า
"ทำไมมาเร็ว ทานข้าวหรือยังลูก" คุณหญิงแสดงตัวตนหลังจากปล่อยให้หลานชายตัวดีมองดูเด็กของนางอยู่นาน เธียรวิทย์ส่ายหน้า
"ยังครับ หิวแล้วด้วยแต่งานยังไม่เสร็จ" คนโดนถามอ้อนจนหญิงต่างวัยแอบอมยิ้ม ไปคนละทาง เสียงคุณหญิงเรียกหาแม่บ้านให้เตรียมตั้งโต้ะเอาใจหลานชายทันที แต่เจ้าตัวส่ายหน้า
"ผมขอทานที่ห้องรับรองดีกว่าจะได้ทำงานด้วย" คนงานรีบกระวีกระวาดทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง
"ย่าไปนอนดีกว่า หมอนุชจะได้พักผ่อน" คุณหญิงบอกคนทั้งคู่ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น หลานชายรีบพยุงแขนย่าตัวเองก่อนจะส่งสายตาให้หญิงสาวตามมา ธีรนุชเดินตามคนที่คู่มาอย่างเงียบก่อนจะเปิดลิฟต์ออกอย่างรู้หน้าที่
"ไปเถอะทั้งคู่เลย ย่าจะนอนแล้ว" เสียงคุณหญิงสั่งก่อนจะหลับตาลงบนเตียงนอนหนานุ่ม เด็กรับใช้เข้ามาประจำการดูแลท่านต่อ ธีรนุชอยากจะออกจากห้องไปเสียก่อนเค้า แต่เธอก็ทำไม่ได้ เธียรวิทย์ปิดประตูห้องนอน ก่อนจะเรียกชื่อเธอ
"นุชช่วยถือของหน่อย"
ห้องทำงานขนาดใหญ่ที่อยู่อีกชั้นของตัวบ้าน ทำให้คนทั้งคู่ต้องเดินตามกันขึ้นบันไดขึ้นมา คุณหมอมองด้านหลังของคนที่แอบชอบมานานในระยะประชิดแบบนี้ก็อดยิ้มออกว่าไม่ได้ ขนาดค่ำแล้วเค้ายังดูดี แม้เสื้อทำงานจะยับแถมชายเสื้อยังหลุดออกมาแต่ก็ยังเท่ สาวน้อยไม่ได้มีโอกาสใก้ลชิดเค้าขนาดนี้มาก่อนได้แต่มองตามแผ่นหลังของเค้าไปจนสุดทางเดิน ก่อนที่คนเดินนำหน้าจะหันกลับมา แล้วมองดูคนตามหลังในระยะประชิด
ขาที่ก้าวขึ้นไปสะดุดกึกก่อนที่เหมือนจะเซน้อยๆเธียรวิทย์คว้าไหล่บอบบางเอาไว้ก่อนจะดึงเข้ามาหาตัวอย่างรวดเร็ว เสียงใจเต้นตุบตับตรงหูของเธอที่แนบกับอกของเค้าอย่างตกใจ ชายหนุ่มบ่นเบาๆออกมา
"เดินดีๆสิกี่ขวบแล้วใจลอยไปไหน"