“ถอยไปนะ”
“จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่า ทำเล่นตัวไปได้ ฉันเด็ดกว่าผู้ชายทุกคนนะ”
“สารเลว!” เธอบริภาษเขา ธีรกรไม่แคร์ เขาเงยหน้าขึ้นระเบิดหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขบขัน ก่อนจะเข้ามากอดเธอ แต่รัตนาวดีมุดเข้าใต้แขนเขา หนีไปอีกด้าน เธอมองประตูเขม็ง อย่างไรก็ต้องหนีไปจากที่นี่ให้จงได้
“แบบนี้ก็ตื่นเต้นดี วิ่งไล่จับกันให้มีเหงื่อ ก่อนทำกิจกรรมเข้าจังหวะ”
รัตนาวดีวิ่งไปที่ประตูในขณะที่เขาตามมากระชากแขนเธอเอาไว้ กระตุกแรงๆ เพียงแค่ครั้งเดียว เธอก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ธีรกรก้มลงประทับจูบลงมาอย่างดุดันหนักหน่วงทันที คนถูกจูบถึงกับเบิกตากว้าง ตกใจกับการกระทำอุกอาจของเขา
“จูบไม่ได้เรื่อง ยังกับไม่เคยจูบ” เขาถอนริมฝีปากออกห่าง กระซิบถามเธอเสียงแหบพร่า
“นี่คุณ!” เธอเม้มปากแน่น อายจนหน้าแดง หน้าร้อนเห่อ หัวใจเต้นผิดจังหวะ
“อื้อ...” เธอถูกบดจูบอีกครั้งเมื่อทำท่าจะพูดอะไร ในเวลานี้เขาไม่อยากฟังคำปฏิเสธของเธออีก
“นี่คุณ! จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่ยินยอม” เธอดิ้นรนเมื่อเขาจับเธออุ้มพาดบ่า เดินผ่านห้องรับแขกเข้ามาในห้องนอน เขาโยนเธอลงบนเตียงโครมใหญ่
“โอ๊ย! นี่คุณ มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
“อะไรที่ว่ามากไปไม่ทราบ” เขาปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว รัตนาวดีหันรีหันขวางเพื่อหาทางเอาตัวรอด เธอกลิ้งตัวทำท่าจะลงจากเตียง แต่เขากระโดดขึ้นมาตะครุบเธอเอาไว้ ใช้แขนกันเอาไว้อีกด้าน หญิงสาวกวาดสายตามองหาอะไรสักอย่างที่จะหยุดการกระทำของเขาได้ โคมไฟที่หัวเตียงอยู่ไกลเกินไป
“หาอะไรเหรอ อ้อ... โคมไฟ คิดผิดคิดใหม่นะ มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เขากดมือเธอเอาไว้บนศีรษะ เธอพยายามดิ้น แต่หนทางรอดริบหรี่
“นี่คุณ ปล่อยนะ”
“หยุดเล่นละครแล้วนอนนิ่งๆ ดีกว่า ดิ้นรนพอเป็นพิธีก็พอ ฉันเหนื่อยจะวิ่งไล่จับเธอแล้วนะ”
“ฉันไม่ยินยอม” เธอแหวใส่ มองสู้ตาเขาไม่ยอมหลบ
“ก็ให้มันรู้ไปว่าจะยอมหรือไม่ยอม” เขาก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น เธอเบี่ยงหลบเขา วกริมฝีปากกลับไปอีกด้าน ยิ่งเธอดิ้นเขาก็ยิ่งอยากเอาชนะ แต่ในเวลานี้เธอไม่มีเวลาคิดว่าควรทำอย่างไรนอกจากดิ้นหนีไปจากกรงเล็บเพชฌฆาตอย่างเขา
“ปล่อยนะ กรี๊ด!!!” เธอกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อโดนกระชากเสื้อผ้าออกจากตัว
“ฉันเริ่มจะโมโหแล้วนะ จะดีดดิ้นอะไรกันนักกันหนา ฉันก็เป็นผู้ชายเหมือนไอ้หน้าอ่อนเพื่อนเธอ เด็กแว้นแก๊งนรกนั่น หรือกลัวไม่ถึงใจ”
“ฉันเกลียดคุณ”
“นึกว่าฉันรักเธอหรือไงกัน”
“แล้วคุณทำแบบนี้ทำไม ไม่รักไม่ชอบแล้วมาทำลายฉันทำไม”
“พูดยังกับตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องว่างั้นเถอะ”
“ถึงไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ชีวิตของคนเรามันมีค่าเสมอ ไม่ใช่จะให้ใครมาข่มเหงย่ำยีได้ง่ายๆ นี่นา”
“ไม่ได้บริสุทธิ์แต่มีค่าอย่างนั้นเหรอ หึหึ! งั้นฉันจะจ่ายค่าตัวให้ก็แล้วกัน ดีไหม” เขาพูดเยาะ เธออยากจะกรีดร้อง แต่ทำได้แค่น้อยเนื้อต่ำใจที่มีคนมาดูถูกเธอถึงเพียงนี้ การเกิดมาเป็นคนจนมันไร้ค่าไร้ราคาขนาดนี้เชียวหรือ
“ฉันไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม”
“ก็ดูกันไป” เขาใช้เศษผ้าที่ฉีกทึ้งจากชุดของเธอผูกมือของเธอล่ามเอาไว้บนหัวเตียง รัตนาวดีดิ้นจนข้อมือแสบแดงไปหมด แต่เขาไม่ยอมปรานีปราศรัย
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอดิ้นรนจนหอบ แต่เขากลับมองอย่างขบขันที่เธอแกล้งดีดดิ้นเหมือนไม่เคยต้องมือชายมาก่อน
“ผิวสวยดีนี่ ขาวจั๊วะเชียว” เขาทำเสียงอย่างพึงพอใจเมื่อได้พิศมองเนื้อตัวขาวผ่องของเธอ รัตนาวดีหนีบขาพยายามพลิกตัวหนีอย่างอับอายขายหน้า เกิดมายังไม่เคยแก้ผ้าให้ผู้ชายคนไหนดูจะจะแบบนี้มาก่อน เธออายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
“อยากให้ปล่อยก็บินออกไปสิ แต่ถึงมีปีกก็หนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก”
“คอยดู... ฉันจะหนีไปให้ไกลจากคนใจร้ายอย่างคุณ เกิดชาติหน้าฉันใดอย่าให้ได้พบเจอกันอีก” เธอให้สัญญากับตัวเอง
“รอให้ฉันเบื่อก่อน จะหนีก็หนีไปเลย” เขาโกรธที่เธอยอมคนอื่นแต่ไม่ยอมเขา เขามีอะไรด้อยกว่าผู้ชายพวกนั้น ทั้งฐานะ ชาติตระกูล การศึกษา แถมเธอยังดูถูกเขาอีกสารพัด มันน่านัก ผู้ชายแต่ละคนที่เธอยุ่งเกี่ยวเลวกว่าเขา ด้อยกว่าเขาทั้งนั้น หรือเธอจะแกล้งเรียกร้องความสนใจ... ได้เลย เรียกร้องดีนัก เขาก็จะจัดให้เสียเลย
“ไม่มีวันนั้นแน่นอน คราวนี้ฉันถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของตัวเอง” เธอพูดอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ เพราะคิดว่าอย่างไรก็ไม่รอดมือเขาไปแล้ว ตอนนี้ดิ้นจนปวดแสบข้อมือไปหมด เขาไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย
“ดีที่ยอมรับว่ายังไงก็ไม่รอดมือฉันแน่นอน จะได้เลิกดิ้นเสียที” เธอสะบัดหน้าหนี หลับตายอมรับชะตากรรม ธีรกรมองอย่างหงุดหงิด เขาก้มลงดูดเนื้อขาวผ่องของเธอไปทั่วสรรพางค์กาย
มือหนากระชากบราเซียร์สีหวานกับแพนตี้ตัวน้อยออกจากร่างสาวจนขาดวิ่น คนถูกคุกคามถึงกับสะดุ้งสุดตัว เธออยากจะหาอะไรมาปิดทรวงอกและส่วนกลางกายสาว แต่เพราะมันทำไม่ได้
“อกเธอสวยยังกับไม่เคย...” เขาพูดได้แค่นั้น ก่อนจะก้มลงไปดูดดึงทรวงอกอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ รสชาติหอมหวานที่ได้ลิ้มรสทำให้เขาถึงกับขม้ำดูดอย่างหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น
“อื้อ...” เธอร้องครางเมื่อปลายลิ้นของเขาตวัดเลียยอดอกสีกุหลาบของเธอระรัว ความเสียวซ่านทำให้เธอขนลุกซู่ไปทั้งร่าง อยากต่อต้านเขา อยากหนีไปไกลๆ แต่รสชาติที่เขากำลังปรนเปรอให้ก็แปลกใหม่จนหัวใจไม่รักดีเพริดตามไปอย่างไม่น่าให้อภัย
“เป็นไง นี่แค่ลิ้นกับปากของฉันเท่านั้นนะ ฉันยังมีทีเด็ดกว่านี้อีกเยอะ” ประโยคของธีรกรทำให้เธอได้สติ พยายามสะบัดร่างหนีจากริมฝีปากของเขาแต่ไม่เป็นผล ยิ่งเธอต่อต้านดิ้นหนีเขาก็ยิ่งอยากเอาชนะ คนที่เพียบพร้อมอย่างเขา เธอเข้าใจว่าคงมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง อยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่ทำไมเขาต้องมาอยากได้เธอด้วยนะ
ผิวขาวผ่องของเธอทำให้เขานึกชื่นชมอยู่ในใจ ริมฝีปากร้อนรุ่มพรมจูบไปทั่วเนื้อตัวหอมกรุ่น เขาไถลใบหน้าลงไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้องแบนราบ เธอรู้สึกทั้งจั๊กจี้ทั้งเสียวซ่านเมื่อเขาลากลิ้นสากร้อนไปกับหน้าท้องแกร่ง เขาใจเย็นพอที่จะทำให้เธอมีอารมณ์ร่วม และเขาชำนาญการพอที่จะทำให้ผู้หญิงทุกคนสยบลงแทบเท้า
“อื้อ... ตรงนั้นไม่ได้นะคะ” เธอตกใจที่เขาเลื่อนใบหน้าลงไปยังกลีบกายสาว ลมหายใจของเธอขาดห้วงเมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาเป่ารดเนินสวาท ลิ้นของเขาค่อยๆ เกลี่ยกับเนินนูนอวบขาว เธอผงกศีรษะขึ้นมอง ในจังหวะนั้นก็สบตาเข้ากับเขาพอดิบพอดี ใบหน้าของเธอร้อนซู่ อับอายขายหน้าจนไม่รู้จะทำเช่นไร เธอพยายามหนีบขาเอาไว้ แต่เขาใช้มือแยกออกโดยง่าย รัตนาวดีดิ้นอึกๆ อักๆ ไปมา แต่เพราะมือโดนมัดเอาไว้ จึงทำให้ไม่สามารถดิ้นหลุดจากการพันธนาการของเขาได้
“ดิ้นให้เหนื่อยทำไม ยังไงเธอก็ไม่รอดหรอก ทำใจเสียเถิด ได้ผู้ชายอย่างฉันเป็นผัวอีกสักคน ไม่ทำให้เธอสึกหรอไปมากกว่านี้หรอก” คำพูดของเขาทำให้เธอยิ่งเกลียดขี้หน้าเขาจับใจ สัญญากับตัวเองว่าจะหนีไปให้ไกลจากคนใจร้ายทั้งหลาย ทำไมโลกนี้มีแต่คนใจร้ายนักนะ เธอคิดถึงมารดาแล้วน้ำตาซึม ถ้าท่านยังอยู่ท่านคงปกป้องเธอได้ แม้จะป่วยแต่ทุกครั้งที่โดนพ่อเลี้ยงทำร้าย ท่านก็จะสู้ขาดใจไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำอันตรายเธอได้
“ดีใจจนน้ำตาไหลเชียวเหรอ ที่จะได้ฉันเป็นผัว”
“ฉันเสียใจต่างหากที่หนีคนสารเลวแบบคุณไปไม่พ้น”
“อ้อ... เหรอ” เขาลากเสียงยานคางอย่างยียวนกวนประสาท