อ่า..เธอคิดว่าเธอเข้าใจในทุกอย่างแล้วล่ะนะ
เอลิซ่ายกน้ำชาขึ้นมาดื่ม เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา เธอมองหน้าของบาร์ตันด้วยแววตาที่ไม่ได้มีความโกรธเคืองแม้แต่น้อย
"ข้าชอบเจ้าตรงนี้แหละเอลิ เพราะว่าเจ้านั้นสามารถเข้าใจความต้องการของข้าง่ายๆโดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้มากความ"
"...ท่านพี่คิดว่าจะสามารถกักขังข้าเอาไว้ได้จริงๆอย่างนั้นหรือคะ?"
มันเป็นแผนการมาตั้งแต่ต้น ทั้งเรื่องที่เขาสร้างเอเลเนอร์ที่ความจำเสื่อมขึ้นมา เพื่อให้เธอและท่านพ่อแยกจากกัน และเมื่อเธออยู่คนเดียวแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของเธอก็จะอิสระมากขึ้น เธอจะเดินทางไปหาท่านพี่เจเนซิสและท่านพี่ชาร์ลอย่างแน่นอน เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับความสามารถของท่านพี่ชาร์ลว่าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่
เพราะการปรากฏตัวก่อนเวลาของเอเลเนอร์มันจะกระตุ้นความสงสัยของเธอ ประกอบกับการสารภาพอย่างรู้สึกผิดของท่านพี่ชาร์ล ทุกเรื่องเมื่อมาประกอบเข้าด้วยกันมันมีทางเดียวคือเธอจะต้องเดินทางมาหาเขาในสักวัน
และดูจากที่เขาเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมขนาดนี้คงเป็นเพราะว่าเขาล่วงรู้ว่าเธอจะมาที่นี่ในวันนี้ เป็นเธอเองที่เดินตามความสงสัยของตัวเอง แต่มันกลับเดินไปตามแผนการที่วางเอาไว้ของท่านพี่บาร์ตันได้อย่างพอดิบพอดี
"เรื่องนั้นก็ต้องลองดู.."
"หากว่าข้ามีคำขอ ท่านพี่จะทำตามรึเปล่าคะ?"
"แน่นอน ตราบใดที่เจ้าอยู่ที่นี่จะกี่คำขอก็ได้เอลิ ข้าล้วนยินยอม"
เอลิซ่าถอนหายใจ อยู่ที่นี่ก็อยู่สิ เธอมีเวลาสิบสี่วันในการอยู่ที่นี่เพื่อสืบหาเรื่องเกี่ยวกับมารีอาและฮานีฟ.. หลังจากที่ได้คำตอบแล้วค่อยพังที่นี่ให้ราบคาบแล้วออกไปก็ยังไม่สาย
"ท่านพี่ช่วยปล่อยท่านพี่เจเนซิสไปได้ไหมคะ ให้ท่านพี่เจเนซิสหย่ากับท่านพี่ชาร์ล ให้นางมีอิสระ..และอย่าบังคับนางให้ต้องแต่งงานกับใครอีก"
บาร์ตันลุกขึ้นจากเก้าอี้เขาเดินมาหาเอลิซ่าก่อนจะอุ้มนางขึ้นมา บาร์ตันพานางเดินเข้าไปด้านในบ้านหลังเล็ก เขาวางเธอลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา
"แต่ทุกคำขอต้องมีข้อแลกเปลี่ยน.."
"แค่ข้าอยู่ที่นี่กับท่านยังไม่เพียงพออย่างนั้นหรือคะ?"
"ไม่อยู่แล้ว เจ้ารู้ดีว่าข้านั้นต้องการสิ่งใด ข้าทรมานมากเอลิเสียงในหัวพวกนี้กำลังจะฆ่าข้า และเราควรจะมาหาคำตอบไปด้วยกันว่าเรื่องราว..มันเป็นยังไงกันแน่"
"..เรื่องนั้นข้ายินดี ยังไงตอนนี้ท่านพี่ควรจะสั่งการ..เรื่องท่านพี่เจเนซิสก่อน"
เขายกยิ้ม..แน่นอนว่ามันคือรอยยิ้มที่เจิดจรัสจนเธอยังแสบตา ความสง่างามของท่านพี่บาร์ตันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยาก เพราะว่าเขาเป็นเชื้อพระวงศ์ ผมสีทองที่เป็นเอกลักษณ์ สีทองสว่างที่เด่นชัดและสวยงาม
"ได้สิ"
เขาวาดมือขึ้นไปในอากาศเกิดเป็นกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่งพร้อมกับ ปากกาขนนกที่กำลังขีดเขียนลงไปโดยไม่มีใครจับ เมื่อจบแล้วกระดาษพลันพับตัวเองกลายร่างเป็นนกแล้วปีนออกไป..
บินออกไปอย่างนั้นหรือ แสดงว่าที่นี่มีทางเข้าออกสินะ สิ่งที่ขัดจังหวะความคิดของเธอคือนิ้วมือที่กำลังลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ
"คราวที่แล้วภาพพวกนั้นมันเกิดขึ้นมาเพราะว่าเราจุมพิตกัน..บางทีเราอาจจะต้องทำอะไรให้แนบชิดและลึกซึ้งกว่านั้นถึงจะสามารถ..เห็นเรื่องราวทั้งหมดได้"
ได้คือจะเอาศอกจริงๆ
"ท่านพี่ต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่ด้วยความเต็มใจหรือว่าท่านพี่ต้องการให้ข้าอยู่ที่ด้วยการถูกบีบบังคับล่ะคะ?"
"ข้าต้องการให้เจ้าอยูที่นี่ ส่วนจะเต็มใจหรือไม่เรื่องนั้นข้ามิได้สนใจ"
อ่า..เธอลืมไปว่าเขามันคือคนสารเลว เธอกำลังถูกรูปลักษณ์ภายนอกที่หล่อเหลานั่นล่อลวงเข้าแล้ว เอลิซ่าถอนหายใจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ริมฝีปากของเขามันประกบลงมาบนริมฝีปากของเธอ
เขาออกแรงดันตัวเธอให้ล้มลงนอนราบไปกับเตียง ก่อนจะคล่อมทับร่างของเธอเอาไว้ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา เรียวลิ้นของเรานั้นสอดประสานกันราวกับเกลียวคลื่นของน้ำทะเล เขาดูดดุนสลับกับขบกัดเขาๆ
มันคือจุมพิตที่แสนเร่าร้อนจนทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ
มือของบาร์ตันกระชากเชือกที่ผูกชุดของเธอเอาไว้ออกช้าๆ...เป็นสอดมือเข้าไปด้านในเพื่ออบกุมเนินอกอวบอิ่มที่ไร้สิ่งกีดขวาง หยุดไม่ได้อีกแล้วเพราะหากว่าหยุดยั้งตอนนี้เขาจะต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน
ความต้องการเด่นชัดขึ้นมาในสมอง และเขาต้องการเธอ ต้องการเธอเดี๋ยวนี้!!
"อื้อ!"
เสียงร้องประท้วงของเธอมันช่างสิ้นหวัง เอลิซ่าเรียกสติของตัวเองกลับมาก่อนที่เธอจะกล่าวร่ายเวท
"...."
"นี่..ตื่นได้แล้วนะ.."
แสงสว่างที่สว่างจ้าจนทำให้เธอต้องหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้ และพอเธอลืมตาขึ้นมาปรากฏว่าเธอกำลังนั่งอยู่ที่สวนที่แสนคุ้นตา มันคือสวนของตึกเวทในอคาเด็มมี่
"เหตุใดถึงได้ชอบหนีมานอน ท่านอาจารย์บ่นใหญ่เลยที่เจ้าไม่เข้าเรียน"
เบื้องหน้าคือชายผู้หนึ่งที่สวมชุดนักเรียนเช่นเดียวกัน ผมสีดำที่ยาวสลวยของเขามันเป็นจุดเด่นมากทีเดียว นัยน์ตาสีนิลที่ยามนี้กำลังฉายแววขวยเขินอยู่
ท่านอีวานตอนเด็กอย่างนั้นหรือ?
"อ่า..ขอโทษที เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นแบบนี้ คราวหน้าก็โดดเรียนมาด้วยกันสิ จะได้ไม่ต้องโดนบ่น"
คำพูดนี้เธอไม่ได้อยากจะพูดสักนิดเลย แต่ทว่าเธอกลับพูดออกไปราวกับว่านี่มันไม่ใช่ตัวของเธอ ผืนน้ำสะท้อนใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย เส้นผมสีเงินพร้อมกับดวงตาสีฟ้าที่แสนงดงาม
สตรีในรูปวาดคฤหาสน์วาเลรี ที่เพียงแค่เห็นเธอก็ร้องไห้จนแทบขาดใจ
มารีอา วาเลรี อดีตองค์จักรพรรดินีผู้ที่สามารถใช้เวทได้เก่งกาจมากที่สุดในบันทึกของอคาเด็มมี่!! หมายความว่าเธอนั้นมาอยู่ในร่างของมารีอาอย่างนั้นหรือ?
แล้วทำไม เบื้องหน้าของเธอมันคือท่านอีวานที่ทำท่างเขินอายและประหม่ากัน ไม่คุ้นตาเอาซะเลย..
"หากว่าเจ้าต้องการ แน่นอนว่าครั้งหน้าข้าจะมาอยู่ด้วย"
"อ่า..ใช้ได้ที่ไหนกันอีวาน เจ้าน่ะต้องเข้าเรียนเยอะๆสิพลังของเจ้ายิ่งไม่มั่นคงอยู่ เจ้าจะต้องใช้เวทให้เก่งรู้ไหม เพื่อที่จะได้ทำงานที่หอคอย สตรีน่ะ ชอบบุรุษที่หาเงินเก่งเข้าใจรึเปล่า?"
"อะ..อื้ม เข้าใจแล้ว เจ้าเองก็ชอบบุรุษที่หาเงินเก่งใช่หรือไม่"
มารีอาหัวเราะเบาๆ
"เรื่องนั้นมันก็ใช่ แต่จริงๆแล้วข้าน่ะ..ชอบเจ้ามากกว่า ต่อให้เจ้าเป็นคนที่ใช้เวทไม่ได้เรื่องและหาเงินไม่เก่งข้าก็ยังชอบเจ้า"