บทที่2.4

1077 Words
เอาดี ๆ ตอนได้รู้ความจริง ฉันไม่ตกใจเท่าที่ควร ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเอารัดเอาเปรียบอะไร มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยด้วยซ้ำไป ก็แค่แม่สื่อเอง...เสียหายตรงไหน? แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่...เมื่อฉันเตือนเขาว่าบัวนิลมันมีคนในหัวใจแล้ว เขากลับไม่สนใจ ฉันเลยไม่เตือนอีก พอดีไม่ใช่คนย้ำคิดย้ำทำขนาดนั้น ในเมื่อเตือนครั้งเดียวแล้วไม่ยี่หระ คิดว่าตัวเองสตรองพอจะทนรับความเจ็บปวดได้ก็อย่าหวังว่าฉันจะแคร์ มาร้องไห้น้ำตาตกในทีหลังไม่สงสารหรอกนะ เมื่อเขายืนกรานจะสานสัมพันธ์กับบัวนิลอย่างแนบเนียนโดยใช้แรงเชียร์แรงชิปจากฉัน ฉันจึงทำให้เมื่อมีโอกาส ทำให้ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่มีทางสมหวัง กระทั่งหลังจากนั้นหนึ่งเดือน...ตอนพี่เงินมารับบัวนิลที่โรงเรียน เป็นครั้งแรกที่พี่สิบได้เห็นบัวนิลกระโดดหอมแก้มพี่ชาย ส่งยิ้มสดใสอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร บวกกับสายตาที่พี่เงินใช้มองลูกสาวของเพื่อนตัวเองอย่างแฝงความนัย ใครที่พบเห็นคงจะพอได้กลิ่น 'แปลก ๆ' ลอยโชยมา เพราะพี่สิบเฮิร์ตหนักถึงได้โทร.มาหาฉัน...แล้วนัดให้ไปเจอ เขารออยู่ใน ‘ห้องพักห้องนั้น’ ห้องที่ฉันเคยใช้เป็นที่ซุกหัวนอนชั่วคราวตอนทะเลาะกับแม่ ฉันไปเพื่อจะซ้ำเติมให้กับความโง่เง่า ไปเพื่อจะบอกว่าบัวนิลมันชอบพี่เลี้ยงตัวเอง ไปเพื่อจะบอกให้เขาเลิกคาดหวังในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ทว่าเมื่อไปถึง ฉันกลับพบว่าเขากำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างเงียบเชียบอยู่ตรงปลายเตียง บนพื้นมีขวดเหล้ามากมายซึ่งผ่านการเปิดกินแล้ววางระเกะระกะแทบไร้ทางเดิน ...และใช่ พี่สิบกำลังเมา “ท่าจะอาการหนัก” ฉันเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพี่สิบที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างเลื่อนลอย “โทร.หาหนู เพื่อให้หนูมายืนดูพี่เมาแอ๋เป็นหมาแบบนี้น่ะนะ?” ถามเสร็จก็พิจารณาสารรูปของเขาตั้งแต่ศีรษะจดเท้าด้วยสายตาที่คงจะเต็มไปด้วยความสมเพชเวทนาไม่น้อย ควรสมเพชไหมล่ะ? เตือนแล้วไม่ฟัง พอเฮิร์ตก็ทำตัวเละเทะไม่มีชิ้นดีแบบนี้ ตอนนี้พี่สิบยังอยู่ในชุดนักเรียน เพียงแต่กระดุมเสื้อนั้นถูกปลดออกสองเม็ด ชายเสื้อหลุดลุ่ยไร้ระเบียบ ผมเผ้าปรกหน้าปรกตา แม้ใบหน้าของเขาจะยังราบเรียบเช่นเคย แต่แววตาฉ่ำปรือ ท่านั่งซึ่งโงนเงนเล็กน้อยกับการสูบบุหรี่ที่ดูจะเอื่อยเฉื่อยผิดปกติบ่งบอกได้ว่าเหล้าที่เขาดื่มกำลังออกฤทธิ์ “...” พี่สิบไม่ตอบ ไม่เออออ ไม่อะไรเลย ดังนั้น... หมับ! ฉันจึงแย่งบุหรี่ในมือเขามาอย่างเสียมารยาท ทำเอาเจ้าของร่างสูงชะงักจนต้องลากสองตาอันเหม่อลอยกลับมาโฟกัสคนนิสัยไม่ดีที่แย่งบุหรี่ไปจากเขา พี่สิบมองฉันด้วยสายตาขุ่นมัวเล็กน้อย เหมือนหงุดหงิดที่ถูกขัดอกขัดใจ ความน่ากลัวจากแววตาคู่นั้นแผ่รังสีชวนขนลุกอยู่บ้าง...แต่ระดับมัญชุวีร์เหรอจะสน! เลือกเท้าสะเอวแล้วปริปากอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้มข้นปนหงุดหงิด “เห็นยัง ทีนี้เชื่อยังว่าไอ้บัวนิลมันมีคนที่ชอบแล้ว เข้าใจหรือยังว่าความพยายามของพี่มันโคตรไร้ประโยชน์อะ” และใช่ เป็นคำถามที่เต็มไปด้วยการซ้ำเติมทั้งสิ้น “บอกไม่ฟัง พอเฮิร์ตก็กินเหล้าเมามาย แถมยังให้หนูมายืนดูสภาพทุเรศ ๆ ของพี่อีก” ความจริงถึงจะเละเทะไปบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นทุเรศทุรังจนดูไม่ได้หรอก เขายังดูดีแม้สติไม่ครบถ้วน ฉันแค่พูดไปตามอารมณ์เท่านั้นแหละ “อืม...” พูดซะยืดยาว แต่พี่สิบซึ่งนั่งฟังฉันอย่างไร้สุ้มเสียงกลับทำเพียงครางรับราวกับไม่มีข้อโต้แย้ง มันไม่ใช่ว่าพี่สิบยอมรับในสิ่งที่ฉันพูด แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์คงทำให้เขาไม่มีสติพอจะคัดกรองถ้อยคำมากกว่า เห็นแบบนั้นฉันจึงถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนหันกลับมามองซากขวดเหล้ามากมายที่นอนแอ้งแม้งเต็มพื้นห้องไปหมด เอาวะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว เก็บกวาดให้ไอ้พี่เวรนั่นสักหน่อยคงไม่เสียหาย ดูท่าแล้วคงไม่มีปัญญาแม้แต่จะลุกขึ้นยืนแน่ คิดได้เพียงเท่านั้นฉันก็เดินไปหยิบถุงดำที่พี่สิบเก็บไว้ในห้องครัว ก่อนกลับมาจัดการขวดเหล้าโดยสีหน้ายังบึ้งตึง ใจจริงไม่ได้อยากทำ แต่นั่งรถมาหลายนาทีก็ไม่อยากเสียเที่ยว คิดซะว่าเป็นหน่วยเก็บกวาดขยะชั่วคราวแล้วกัน จะว่าไป พอเห็นขวดเหล้าพวกนี้แล้วก็นึกอยากจะเอาไปฟาดหัวพี่สิบสักทีเหมือนกันนะ หมั่นไส้มานานแล้ว ทำตอนเขาเมาคงไม่เป็นไร สร่างแล้วไม่น่าจะจำอะไรได้ หึ... ฉันหยุดคิดพลางเหลือบมอง แต่แล้วก็จำเป็นต้องล้มเลิกแผนการชั่วร้ายหลังจากเห็นสภาพอันน่าสงสารของเขา เฮ้อ ไม่รังแกแล้วก็ได้ หลังจากนั้นไม่กี่นาทีทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ฉันหันไปมองพี่สิบอีกครั้ง เขายังนั่งสงบนิ่งอยู่เหมือนเดิม แทบไม่ไหวติง เอาจริง ๆ จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าเขาให้มาหาทำไม ต้องการอะไร? มีเจตนาแบบไหน? แต่ช่างเหอะ ฉันยักไหล่แบบขอไปที ตั้งท่าจะกลับบ้านเพราะคิดว่าอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่มีประโยชน์ ทว่าปลายนิ้วยังไม่ทันได้สัมผัสกับลูกบิดประตู อุณหภูมิร้อนผะผ่าวที่แทบจะแผดเผากันให้มอดไหม้ก็เคลื่อนมาแนบชิดติดแผ่นหลังฉัน... ฉันชะงักกับสิ่งที่เกิดขึ้น “อยู่ก่อน...” เป็นพี่สิบที่เขยิบมาใกล้จนน่าใจหาย เขาเอาท่อนแขนทั้งสองข้างโอบรัดรอบเอวเพื่อรั้งไม่ให้ฉันหนีไปไหนได้ ก่อนเกยปลายคางไว้บนบ่าซ้ายราวกับหมดสิ้นเรี่ยวแรง “พี่ไม่อยากอยู่คนเดียว” น้ำเสียงแบบนั้น สรรพนามแบบนั้น อะไร...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD