บทที่ 2.1

1126 Words
Syb Describe. “เข้ามา” ผมบอกยัยตัวเล็กตัวน้อยในชุดนักเรียนมอต้นที่กำลังยืนขมวดคิ้วอยู่หน้าห้อง ไม่ยอมแม้แต่จะถอดรองเท้าแล้วเข้ามาข้างใน ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นทั้งที่เนื้อตัวเปียกปอน ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอตัดสินใจขึ้นรถมากับผม ฝนซาลงมากแล้วจึงคิดว่าไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ระหว่างทางหยาดน้ำมากมายดันพร้อมใจกันเทกระหน่ำลงมาอีกครั้ง ตอนแรกผมเตรียมเลี้ยวหาที่หลบฝน แต่เด็กคนนั้นกลับกอดผมแน่น ส่งเสียงสั่นพร่าฝ่าสายฝนและเสียงลมว่า ‘อยู่ดี ๆ หนูก็อยากตากฝนค่ะ ไม่ต้องหาที่หลบหรอก’ น้ำเสียงของเธอทั้งแหบทั้งสั่น ในตอนนั้นแม้ไม่ได้เอี้ยวหน้ากลับไปมองก็พอจะรู้ว่าคงร้องไห้อย่างเงียบเชียบขณะซ้อนท้ายผม เหตุผลที่อยากตากฝนคงเพราะต้องการให้มันช่วยอำพรางน้ำตาของตัวเอง... ผมพยักหน้าให้กับคำขอนั้น เธอไม่แคร์เรื่องความปลอดภัย ไม่สนใจว่าตัวเองจะต้องเป็นไข้ไม่สบาย รู้ตัวอีกที ผมเปียที่ยาวถึงกลางหลังกับชุดนักเรียนมอต้นก็ไม่มีจุดไหนแห้งเหือดแล้ว เปียกชื้นไปทั้งตัว เสื้อนักเรียนบาง ๆ นั่นเมื่อถูกสายน้ำชโลมก็แทบจะไร้ความหมาย “ห้องพี่เหรอคะ” มิ้นปริปากถามหลังจากกวาดสายตาสำรวจสภาพห้องผมอยู่หน้าประตู “...” ผมพยักหน้าให้ ที่ที่ผมพามิ้นมาคือคอนโด ฯ ของผมเอง ผมมีบ้านมีครอบครัวเหมือนคนอื่น ๆ แต่กลับชอบมาขลุกตัวอยู่ที่นี่ เพราะรู้สึกว่าเสียงบ่นของผู้ปกครองบางครั้งมันก็น่ารำคาญ ผมเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่รักอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาสั่งหรือบงการ และชอบ...ทำอะไรตามความรู้สึกมากกว่าฟังคำสั่งของสมอง “ให้หนูเข้าไปได้เหรอพี่” มิ้นถามอีกครั้งเหมือนไม่แน่ใจ ส่วนผมที่เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำมาดื่มก็เพิ่งเห็นว่าเธอยังไม่แม้แต่จะเปลี่ยนท่ายืน “ก็พามา” ผมบอกตามตรงหลังจากดื่มน้ำไปสองอึกแล้ว “เข้ามา ฉันไม่ทำอะไร” จำเป็นต้องสำทับเพื่อให้มิ้นวางใจ ในสังคมไทย การที่วัยรุ่นชายหญิงเข้ามาอยู่ในห้องกันเพียงลำพังมักถูกตีความไปในทางที่ไม่ดีนัก สำหรับมิ้น ตัวผมเองเดาไม่ได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่บอกไว้ก่อนก็ดี น้องเขาจะได้ไม่หวาดระแวงจนเกินไป “เค” มิ้นพยักหน้ารับแล้วถอดรองเท้านักเรียนออก ก่อนก้าวเท้าเข้ามายืนหยุดอยู่กลางห้องราวกับไม่รู้จะพาตัวเองไปไว้ตรงส่วนไหนดี ผิดคาดนิดหน่อย เด็กคนนั้น ผมเฝ้ามองอยู่มุมหนึ่งมาพักใหญ่ ๆ ดูเป็นคน ‘กล้า ๆ’ และไม่ค่อยแสดงออกว่ากำลังเสียใจหรือหวาดกลัว แม้แต่ท่าทีลังเลแบบนั้น ผมเองก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นตอนพาเข้ามาในห้องตัวเอง “...” “พี่อยู่ห้องหรู ๆ นี่คนเดียวมาตลอดเลยเหรอ หนูนึกว่าพี่อยู่บ้านหลังใหญ่กับครอบครัวซะอีก” ขณะสังเกตมิ้นอย่างไร้ปากเสียง อีกฝ่ายก็ปริปากถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “บ้านบ้าง ที่นี่บ้าง สลับกัน” ผมตอบแล้วก้าวเท้าตรงไปหาคนตัวเล็กที่ยืนกอดกระเป๋าเป้ของตัวเองอยู่กลางห้อง เพียงสี่ก้าวก็สามารถหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอได้สำเร็จ เป็นผลให้มิ้นที่ยังคงสนใจกับข้าวของเครื่องใช้ในห้องผมต้องแหงนหน้าขึ้น เพราะระยะห่างถูกลดลงแล้ว ผมที่ก้มหน้ามองมิ้นซึ่งสูงแค่ระดับอกเท่านั้นจึงเห็นได้ชัดเจนว่าดวงตากลมโตที่มักจะฉายแววอวดดีแบบไม่แคร์ใคร...แดงและบวมต่างจากตอนค่ำที่ผมเจอ เพราะงั้นผมจึงถามเพื่อความแน่ใจ “ร้องไห้?” “หือ? ร้องไห้ไร ไม่ได้ร้อง ๆ ๆ ๆ” มิ้นโบกมือปฏิเสธพลางหัวเราะร่วน “ที่เห็นหน้าเปียก ๆ นี่ไม่ใช่น้ำตาหนูค่ะ ฝนทั้งนั้น” “...” ผมไม่พูดอะไร แค่มองอยู่เหมือนเดิม “ทะเลาะกับแม่น่ะจิ๊บจ๊อย ทำไรอีมิ้นไม่ได้หรอก ไร้สาระ!” มิ้นยักไหล่ สีหน้าบ่งบอกว่าปัญหาครอบครัวที่เจอมานั้นไร้สาระจริง ๆ “นี่พี่สิบ หนูขอถามไรตรง ๆ ได้ไหม” “ว่ามา” แค่เธอเปลี่ยนเรื่อง ผมก็ไหลไปตามน้ำ “ที่บอกว่าไม่ได้คิดไร ไม่ได้ชอบนี่โกหกหรือเปล่า” “...” “ถูกใจก็บอก พาเข้าห้องเพราะ ‘อยากกินหนู’ ก็พูดตรง ๆ ไม่ต้องอาย” “เพ้อเจ้อ” ผมถอนหายใจพรืดใหญ่ ไม่ลืมสำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย อันที่จริงแม้มิ้นจะยังเป็นแค่เด็กมอต้น มองผิวเผินยังดูไม่โตเต็มวัยสักเท่าไหร่ แต่ในฐานะผู้ชาย...ผมว่าน้องเขาก็หน้าตาใช้ได้ ขาว ๆ ตัวเล็ก ๆ ดูนุ่มนิ่ม แต่ก็ไม่ได้ดูเปราะบางจนน่ารำคาญ ลักษณะของผู้หญิงแบบนี้ไม่ยากที่ผู้ชายสักคนจะชอบแล้วรู้สึกว่าถ้าได้สัมผัสก็คงไม่เลว แต่... “แล้วพี่พาหนูเข้าห้องทำไม” มิ้นยังไม่จบ ดูท่าจะอยากรู้เหตุผลที่ผมตามดูเธอ แถมยังช่วยเหลือด้วยการพามาที่คอนโดฯ ตัวเอง “ไม่ได้เหรอ” ผมขมวดคิ้ว “อะไรคือไม่ได้เหรอ หนูงง” “หมายถึง...พามาที่ห้องไม่ได้?” ผมถามต่อ หลังจากนั้นสองตาก็เปลี่ยนจากใบหน้าได้รูปของมิ้นเป็นอะไรที่ต่ำกว่านั้น ต่ำจนถึงเสื้อนักเรียนสีขาวบางซึ่งเปียกชุ่มถึงขั้นเห็นซับในสีอ่อน กระเป๋าเป้ของเธอถูกปรับสายให้ต่ำกว่าปกติ ดังนั้นสายตาผมจึงหยุดไว้แถว ๆ ส่วนโค้งนูน แต่ไม่นานนักก็เคลื่อนขึ้นมองใบหน้าของยัยตัวเล็กที่ไม่ได้มีท่าทีหวาดหวั่นให้เห็นแม้แต่น้อย เพราะเธอยังเงียบเหมือนอยากรู้ว่าผมจะทำอะไร ดังนั้นจึงกล่าวต่อ “พามาที่ห้องต้องทำเรื่องอย่างว่าเหรอ” คนส่วนใหญ่คิดแบบนี้ แต่สำหรับผม...ไม่ใช่ “งั้นพี่จะบอกว่าพามาเฉย ๆ เพราะเห็นว่าหนูคงไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่ ๆ ใช่ไหมคะ?” มิ้นถามแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “พี่ว่ามันแปลกไหม” “แปลกยังไง” ถามเยอะ พูดมาก ไม่เมื่อยปากเป็นบ้างหรือไง แค่มองก็เหนื่อยแทนแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD