“เชียส!” เสียงของชายหนุ่มประมาณห้าคนดังขึ้น ตามด้วยเสียงแก้วกระทบกัน จากนั้นทุกคนก็ยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมด เว้นก็แต่หนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อ เซดริก พอล ที่นั่งโงนเงน โยกไปมา ตาปรือ ดื่มเหล้าไม่หมดแก้ว แต่ยังคงประคองสติได้ เขาดื่มมาเยอะแล้วเพราะความเครียด แต่ก็ยังถูกบังคับให้เติมแล้วเติมอีก
“หมดแก้ว! หมดแก้ว! หมดแก้ว!” เสียงเชียร์ของเพื่อน ๆ ดังกระหึ่มมาก จนทำให้เซดริกกดดัน แม้จะไม่อยากดื่มอีกแล้วเพราะเริ่มไม่ไหว ทว่าก็ต้องตามใจเพื่อนอยู่ดี
“ฉันไม่ไหวแล้วว่ะ ขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม ปวดฉี่” เซดริกพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ลิ้นพันกัน พลางยื่นแก้วไปทางเพื่อน ๆ แล้วชี้ไปชี้มา
“เฮ้ย! อะไรวะ เสียชื่อเซดริกหมด เอาให้สมกับที่อุตส่าห์หนีความวุ่นวายมาหน่อยสิวะ”
“ไม่ได้หนี แค่เบื่อที่จะได้ยินเรื่องเดิมๆ อืม! จะอ้วก จะออกทางเดิมแล้ว ขอไปเอาออกก่อนได้ไหม ไม่งั้นจะออกตรงนี้นะ” เซดริกเอ่ยขึ้นด้วยอาการลิ้นเปลี้ยดังเดิม
“เอาน่าเซด หมดแก้วก่อนนะเพื่อน นิดเดียวเอง แล้วค่อยเรียกคนของนาย พาไปเข้าห้องน้ำก็ได้” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น ส่วนเซดริกถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจยกดื่มหมดแก้วตามที่เพื่อนขอ
“เฮ้! เยี่ยมมาก” เมื่อเซดริกดื่มหมดแก้ว ทุกคนก็เฮลั่นพร้อมกับปรบมือชอบใจ และในจังหวะเดียวกันนั้นเซดริกแทบจะทิ้งตัวลงนอน
“โฮเซด อ่อนว่ะ นี่ดื่มไม่เท่าไหร่เลย เมาแล้วเหรอ” เพื่อนอีกคนว่าพลางตบไหล่เซดริกเบา ๆ
“นี่พวกแกก็ดื่มหนักไป อย่างกับไปอดอยากมาจากที่ไหน” เซดริก ว่า
“เพื่อนกลับจากเมืองนอกทั้งที เป็นว่าที่ท่านประธานใหญ่ น้องสาวก็จะแต่งงาน เลี้ยงเหมากันไปเลย” เพื่อนคนหนึ่งกล่าว
“ฉันมาดื่มเพราะเครียด ปวดหัว เบื่อ ไม่ได้มาฉลอง” เซดริกบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ก็นั่นแหละ รวบยอดทีเดียวเลย แต่น้อง ๆ ครับ เชียร์ให้พี่เซดดื่มอีกหน่อยสิ” เพื่อนอีกคนบอก พร้อมกับส่งสัญญาณให้สาว ๆ ที่นั่งขนาบข้างอยู่นั้น แทบจะยกเหล้าป้อนเซดริกเลยทีเดียว
“นี่พวกแกจะมอมเหล้าฉัน จะแบล็คเมล์ฉันทีหลังหรือเปล่าวะเนี่ย” เซดริกว่าพลางชี้หน้าเพื่อน ๆ
“เปล่าใครจะแบล็คเมล์แก หือ”
“อย่างอแงสิวะ ดื่ม ๆ” ว่าแล้วเพื่อนอีกคนก็รินเหล้า แล้วสั่งให้ทุกคนยกอีกครั้ง แต่เซดริกไม่ไหวแล้ว ทว่าได้สองสาวนั่งดริ้งค์ช่วยประคองแก้วแล้วป้อนเขาแทน แน่นอนว่าเขาดื่มจนหมดอีกครั้ง จริงๆ แล้วเขาเป็นคนคอแข็งพอสมควร แต่สำหรับคืนนี้ดื่มหนักกว่าปกติก็เลยจะเมาหน่อย
“เยี่ยมมาก ให้มันได้อย่างนี้สิ กลับเป็นเซดริก แบดบอยประจำมหาวิทยาลัย” เพื่อนออกปากชม แต่ขณะเดียวกันเพื่อนอีกคนก็นึกเป็นห่วงเพราะพรุ่งนี้มีแต่งงานเช้าของน้องสาวเซดริก
“ฉันว่าเพลาๆ ก็ดีนะพวกแก อย่ามอมเพื่อนนักเลย พรุ่งนี้เซดมีงานแต่งเช้าไม่ใช่เหรอ” นิรพัฒน์เพื่อนอีกคนบอกด้วยความเป็นห่วง
“อืม ไม่เป็นไรหรอกน่า เมาก็กลับได้ แล้วพรุ่งนี้งานก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน” เซดริกตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ
“แต่นั่นก็น้องสาวนาย ยังไงก็เกี่ยวไปในสภาพเมาค้างก็ไม่เหมาะนะเพื่อน คืนนี้พอแค่นี้ก็ได้มั้งเรื่องดื่มน่ะ” คำพูดของเพื่อนทำให้เซดริกเงียบไปพลางถอนหายใจ เพราะถึงแม้จะเมาอย่างไรเขาก็มีสติอยู่ดี
“ฉันไม่เมาข้ามคืนหรอกน่า พรุ่งนี้ก็หายเมา เรื่องงานแต่งไม่มีปัญหาหรอก แล้วเลิกคุยเรื่องนี้สักพักนะ รำคาญ” นั่นเพราะว่างานแต่งมันมีอะไรแอบแฝงน่ะสิ
“เอาน่ารู้นะว่าเครียด กดดัน พวกเราก็ทำได้แค่พาเพื่อนมาคลายเหงา” เพื่อนคนเดิมยังคงพูดกรอกหู
“ไม่เป็นไรน่าไม่ต้องเป็นห่วง ยังไม่ดึกเลย” เซดริกเถียงอีกครั้ง
“ฉันว่าปล่อยเพื่อนสักวันเถอะน่าพัฒน์ วันนี้ให้มันปลดปล่อยบ้าง เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ต้องไปทำงานจริงจัง ไม่รู้จะมีโอกาสได้เที่ยวแบบนี้บ่อย ๆ หรือเปล่า” เพื่อนอีกคนแทรกขึ้น
“กลัวว่าพรุ่งนี้จะไปงานไม่ไหวน่ะ” นิลพัฒน์บอก
“อืม เถอะน่าเพื่อน ฉันโอเค” เซดริกบอกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ลิ้นพันกัน แต่ด้วยความเป็นห่วงก็ต้องให้คนอื่นช่วย
“โอเคก็โอเค” เพื่อนได้แต่ถอนหายใจและปลง เพราะสุดท้ายแล้วก็อยากให้เซดริกหายเครียดจากเรื่องครอบครัวบ้าง
“จะไปเข้าห้องน้ำ ปวดฉี่ แล้วก็ไม่ต้องพูดเรื่องกลับบ้านอีกแล้วนะ”เซดริกพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ ซึ่งเวลาที่ประคองสติก็ทำได้ดีเลยทีเดียว เพียงแต่เวลาที่อยู่กับเพื่อนมันได้ปลดปล่อยเท่านั้นเอง
“เอ่อ เดินไหวไหมวะเฮ้ย ให้พาไปไหม” นิลพัฒน์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้อง ฉันเดินเองไหวน่าเพื่อน” เซดริกพยุงตัวลุกอย่างมั่นคง ก่อนจะโบกมือให้เพื่อน ๆ เล็กน้อย จากนั้นก็กวาดตามองหาทางที่จะเดินเข้าห้องน้ำ ซึ่งมีป้ายไฟบอกทางเอาไว้เรียบร้อย ภายใต้แสงไฟสลัวเขาก็เดินช้าๆ ใช้สติให้มั่นคง ทว่าความหล่อก็ส่งออร่ากระจาย จากความเป็นลูกครึ่งของเขาทะลุความสลัวของแสงไฟ จนทำให้เป็นที่สนใจของสาว ๆ หลายคนที่เพิ่งเข้ามาถึงผับหรูแห่งนี้ใหม่ ๆ หลายโต๊ะหันมามองเขาเป็นตาเดียว ส่วนเขาก็โปรยยิ้มให้ท่ามกลางความมืด กระทั่งเดินมาจนเกือบจะถึงทางเข้าห้องน้ำซึ่งแยกออกเป็นสองฝั่งชายและหญิง จังหวะที่เขาเดินผ่านเข้าไปก็ปะทะเข้ากับร่างบางอย่างแรง
“อุ้ย! โอ๊ย!” เสียงอุทานของหญิงสาวดังขึ้น พร้อมกับร่างของเธอเซเกือบจะหงายหลังล้ม ด้วยความตกใจเขาก็คว้าเอวเธอเอาไว้ และตวัดเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอถูกดึงตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเซดริกโดยอัตโนมัติ ระยะห่างของใบหน้าก็ไม่ถึงคืบเสียด้วยซ้ำ
“ขอโทษทีครับ! เป็นอะไรมากไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เขาถามอย่างสุภาพระคนด้วยความเป็นห่วง พลางมองหน้าเธอให้ชัด ๆ แม้จะมืดแต่ก็เห็นว่าเธอสวยมาก
“เอ่อ ก็เจ็บนิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวตอบพลางจ้องหน้าเขากลับเช่นกัน และพยายามมองว่าเขามีหน้าตาอย่างไร สูงแค่ไหน เพราะมันใกล้มากแม้ในความมืด แต่เมื่อเห็นว่าเขาหล่อมาก จนทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นก็ต้องเรียกสติ แล้วดันตัวออกห่างทันที ส่วนเขาก็รีบปล่อยมือจากเอวคอดกิ่วเช่นกัน
“เอ่อ... ขอโทษอีกครั้งครับผมไม่ทันมอง” เซดริกบอกพร้อมกับปรับน้ำเสียงให้นุ่มน่าฟังขึ้น หากแสงสว่างสักนิดเธอก็คงเห็นดวงตาวาววามของเสือร้าย เพราะทันทีที่เห็นความสวยของเธอเขาก็ออกลายทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็เหมือนกัน จะเข้าห้องน้ำใช่ไหมคะ เชิญค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างขัดเขินพร้อมกับผายมือแล้วเปิดทางให้เขาแยกเข้าห้องน้ำ
“เอ่อ คือ เอ่อ” ให้ตายสิ เขาไม่อยากจะแยกจากเธอ อยากจะคุยกันต่อ และอยากเห็นหน้าให้ชัดเจนกว่านี้ ทว่าไม่รู้จะบอกอย่างไรดีนี่สิ
“ขา?” ดูเหมือนเธอจะขานรับ เพื่อตั้งคำถามในอาการของเขาที่ดูอ้ำอึ้ง อึกอักชอบกล
“คือผม ขอตัวนะฮะ แล้วเอ่อ... หวังว่าจะได้ออกมาเจอกันอีกครั้ง” เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ พร้อมกับรอยยิ้มหวาน เธอก็ยิ้มรับไม่ได้ตอบหรือปฏิเสธ จากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว จะว่าไปแล้วกะจะไปล้างหน้าล้างตาเพื่อให้สร่างเมา ทว่าเวลานี้สร่างเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับหัวใจที่เต้นตูมตาม น่าแปลกใจเหลือเกิน
ส่วนหญิงสาวแปลกหน้าที่ทำให้เซดริกใจเต้น เธอคือ เมรินทร์ ศิริยวัฒน์ เธอถูกเพื่อน ๆ ลากมาเที่ยวหาความสนุกเพื่อให้ลืมความเครียด และความอัดอั้นจากปัญหาทางบ้าน พอได้ปลดปล่อยความสนุกออกมามันก็ดีเหมือนกัน อีกอย่างคือมีอาหารตาหล่อ ๆ ให้มองอีกต่างหาก และแน่นอนเธอเพิ่งเห็นนี่แหละ ผู้ชายแปลกหน้าหล่อเหลาคนนั้นมันทำให้เธอยิ้ม เพราะความมีเสน่ห์ในตัวของเขาเอง แต่ให้ตายสิทำไมต้องนึกถึงหน้าเขาด้วยนะทั้งที่ไฟสลัวมาก เธอคิด ระหว่างที่กำลังเดินกลับมาหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะพร้อมกับอาการขัดเขินที่แสดงออกบนใบหน้า