“อย่าคิดว่าผมไม่รู้ อย่าคิดว่าคนอย่างผมจะโง่เง่าให้ผู้หญิงอย่างคุณมาตลบหลังได้ จะบอกให้ว่าผมไม่เคยแน่ใจและไม่ไว้วางใจอะไรทั้งนั้นถ้ามันเกี่ยวกับคุณ...หึ...คริสต์กำลังจะแต่งงานแต่เขายังสลัดคุณออกจากสมองโง่ ๆ ของตัวเองไม่ได้ แต่ผมรู้ว่าควรต้องจัดการยังไง”
“คุณก็เลยคิดจะซื้อฉัน...อย่างนั้นสินะคะ”
เขาไหวไหล่ “สำหรับผมแล้วเงินซื้อได้ทุกอย่าง”
“ถ้าอย่างนั้นคุณน่าจะเก็บเงินของคุณไว้หาหมอโรคจิตเพราะเรื่องที่คุณกำลังคิดเป็นเรื่องที่คนดี ๆ เขาไม่ทำ”
“ถ้าคนรวยใช้เงินซื้อของที่อยากซื้อเป็นโรคจิต แล้วไอ้พวกที่ไม่มีเงินซื้อของที่ตัวเองอยากได้แต่พยายามดิ้นรนอยากจะมีเหมือนคนอื่นจนต้องเอาตัวเข้าแลกนี่เรียกว่าอะไร”
“นิโคลัส!”
“แต่โดยปกติคุณไม่ได้ยี่หระกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ มิสภิณไลย์ญา หรือว่าไอ้ตัวเลขที่ผมเสนอให้มันน้อยเกินไป ถ้าอยากได้มากกว่านั้นผมก็มีข้อเสนออย่างอื่นให้อีกนับไม่ถ้วน”
“เก็บข้อเสนอบ้า ๆ ของคุณไว้เถอะค่ะ! ถ้าคิดจะเอาเงินฟาดหัวให้ฉันไปจากชีวิตของคริสต์ เก็บเงินของคุณไว้ทำอย่างอื่นเถอะนะคะ เพราะมันไม่มีค่ากับฉันแม้แต่นิดเดียว”
“ไม่เกินสัปดาห์นี้คุณจะได้เห็นค่าของมัน!”
เสียงห้าวดุดันทำให้หญิงสาวที่กำลังจะหันหลังให้ชะงักกึก ภิณไลย์ญาหันกลลับมามองเขาอีกครั้ง จ้องหน้าจอมมารที่ดวงตาวาวโรจน์เป็นประกายกล้าแข็ง หากแต่นิโคลัสไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธออกมาใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มร้ายกาจอาบด้วยความเหยียดหยาม เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น
“พนันกันไหมล่ะว่าคุณต้องยอมรับข้อเสนอของผม”
“ไม่มีทาง!”
“ผมชอบคำตอบแบบนี้จัง เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด”
ชายหนุ่มเลิกริมฝีปากขึ้นขณะร่างแน่งน้อยหันหลังเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างไม่คิดจะเหลียวกลับมาอีก และเมื่อภิณไลย์ญาไปแล้วร่างสูงใหญ่จึงเอนหลังพิงเก้าอี้พลางถอนใจเบา ๆ สันกรามแกร่งนูนขึ้นเป็นสัน นัยน์ตาสีทองแดงเข้มวาววามดิบดันขณะจ้องมองเช็คที่พริตตี้สาวขว้างมันลงพื้นอย่างไม่แยแส นิโคลัสเหยียดริมฝีปาก ผู้หญิงคนนั้นอวดดีจนเขาอยากลงโทษเธอให้สาสม เขาจะกีดกันเธอออกจากชีวิตของน้องชายคนเดียว ทำให้เธอสำนึกในท้ายที่สุดว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีวันเอาชนะคนอย่างเขาได้
ทว่าชั่ววาบของความคิดเขากลับนึกถึงบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบริมฝีปากที่บดเบียดมันลงบนกลีบปากนุ่มฉ่ำเมื่อครู่ รสชาติหวานหอมยังตรึงอยู่ที่ปลายลิ้น เขาแลบเลียริมฝีปากตัวเองก็ยังรู้สึกถึงรสชาตินั้นอยู่ มันหวานละมุนเหมือนวานิลลา แต่แล้วทิฐิแรงกล้ากลับกลบเกลื่อนทุกอย่างที่กำลังพรายพร่าในความคิดของเขาออกเสียสิ้น
หึ...ก็แค่รสชาติที่ปรุงแต่งขึ้นสำหรับพวกผู้หญิงขายเรือนร่าง มันไม่ได้มีความหมาย แค่เอาไว้ยั่วยวนผู้ชายก็เท่านั้น!
“เนเน่...นี่ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ อีกไม่ถึงชั่วโมงงานจะเริ่มแล้วนะ”
เสียงของ บี ปลุกพริตตี้สาวสวยที่ยังนั่งกุมโทรศัพท์นิ่งหน้ากระจกในห้องแต่งตัวภายในตึกหรูกลางกรุงคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ลอสแองเจลิส ให้ตื่นจากภวังค์ สาวผิวสีแห่งบี เกิร์ล โปรดัคชั่น เอเยนซี่ผู้จัดหาสาวสวยประจำงานออโต โชว์เดินดุ่ม ๆ เข้ามาภายในห้องที่มีเพียงภิณไลย์ญาคนเดียวเท่านั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ฉันรู้ว่าเธอกังวลใจเรื่องน้องชายมาก แต่พยายามทำตัวให้สดชื่นสำหรับวันนี้ อย่าลืมซีจ๊ะว่าเธอต้องทำงานเพื่อหาค่ารักษาเขา”
“ค่ะ บี”
ภิณไลย์ญาพยักหน้า นัยน์ตาคู่สวยเหม่อมองตัวเองในกระจกเงาที่สะท้อนภาพหญิงสาวในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นใบหน้าอิโดรยเพราะหลับไม่เต็มตื่นมาหลายคืน เธอยังคงเป็นกังวลกับอาการของพิทย์ทั้งที่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้วและเธอไม่กล้าบอกแม่ที่เป็นโรคหัวใจอ่อน ๆ ว่าน้องชายอาการหนักแค่ไหน บอกแค่ว่าพิทย์ยังต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพบำบัดทั้งที่เขายังไม่รู้สึกตัว แต่เหนืออื่นใดคือค่าผ่าตัดสูงลิ่วเกินกว่าประกันน้องชายทำแบบถูก ๆ เอาไว้ทำให้เธอต้องรับงานออโต โชว์ในลอสแองเจลิสทั้งที่อยากคอยเฝ้าดูแลใกล้ชิดน้องชายให้มากกว่านี้ สักครู่บีก็พูดขึ้นว่า
“พยายามหน่อยนะแม่สาวคิวทอง ฉันรู้ว่าเธอต้องรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายอีกเยอะก็เลยจัดคิวตารางงานไว้แน่นเอี๊ยด”
“ใจจริงฉันอยากรับงานในช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะไม่รู้ว่าอาการของพิทย์หลังจากนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
“อย่างน้อยเขาก็พ้นขีดอันตรายแล้วนี่ไม่ใช่เหรอจ๊ะ แล้วเธอยังต้องกังวลอะไรอีก”
“ฉันยังไม่ไว้วางใจอาการของเขาสักเท่าไหร่ หมอบอกว่าเขายังไม่ฟื้นเพราะกะโหลกร้าว เลือดคั่ง...โอ...บีคะ...อาการเขาหนักมากจริงๆ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า พระเจ้าจะคุ้มครองเขา”
ภิณไลย์ญาจำต้องพยักหน้าทั้งที่ความคิดของเธอสับสนอึงอนด้วยความปริวิตก หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วหันไปที่ราวแขวนชุดที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อใส่โชว์คู่รถหรู เธอนิ่วหน้าเมื่อเห็นชุดแสกสั้นสีดำคอกว้างและเว้าด้านหลังแถมยังเว้าด้านข้างไม่เหมือนชุดเรียบหรูที่เธอเคยใส่โชว์ตัวประจำ
“บี...ไหนชุดของฉันล่ะคะ”