ตอนที่7 ความจริงที่ซุกซ่อน ตัวตนที่ซ่อนเร้น1

1015 Words
ทิศบูรพาแห่งพระราชวังต้าหมิง ลึกเข้าไปภายในตำหนักหมิงเสียงกงของรัชทายาทหมิงเฉิง หน้าประตูบานใหญ่ของห้องชั้นนอก มีขันทีประจำตำหนักยืนรอรับใช้พร้อมนางกำนัลติดตามขนาบข้างซ้ายขวา ทุกคนอยู่ในกิริยายืนนิ่งก้มหน้าคล้ายหุ่นไม้ ถัดออกไปไม่ไกลมีทหารยามยืนนิ่งประหนึ่งศิลาเรียงราย ท่ามกลางความมืดสลัวที่เงียบสงบ ปลายเท้าแผ่วเบาแต่มั่นคงเดินเรียบเรื่อยมาตามทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินสีดำ เจ้าของปลายเท้าเป็นร่างสูงสง่าในอาภรณ์ราชองครักษ์ เขาพาใบหน้าหล่อเหลาเยื้องย่างมาที่หน้าห้องส่วนตัวของรัชทายาทหมิงเฉิง ชายหนุ่มคือคนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของรัชทายาทต้าหมิงผู้นี้ที่ได้รับสิทธิพิเศษให้เข้าห้องต้องห้ามได้ เจ้าของใบหน้างดงามในอาภรณ์ราชองครักษ์หยุดยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทางนิ่งสงบ เพียงครู่ก็เอ่ยปากด้วยเส้นเสียงราบเรียบกับขันทีหน้าห้อง “พวกเจ้าไปพักผ่อนเถิด คืนนี้ข้าจะอยู่รอรับใช้รัชทายาทเอง” ขันทีและนางกำนัลค้อมศีรษะแล้วพากันเดินไปอย่างเงียบเชียบทันที คล้อยหลังบ่าวไพร่ ร่างสูงจึงเปิดประตูแล้วปิดลงแผ่วเบาก่อนจะหายลับไปอย่างเงียบงัน ภายในห้องมืดสลัว เสียงทุ่มต่ำเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด “พระองค์เป็นถึงรัชทายาท เหตุใดชอบไปร่อนเร่ที่กลางป่าเสียหลายวันพ่ะย่ะค่ะ” หมิงเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็หันหน้าไปมองด้วยแววตาเย็นเยียบ เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แล้วเหตุใดองครักษ์เฝ้าวังเช่นเจ้า ต้องยุ่งเรื่องของข้า ไม่ทราบ!” ผู้ถูกตอกกลับนอกจากไม่สะทกสะท้าน ยังมีรอยยิ้มบางเจือจางฉาบทับใบหน้างามสง่า อย่างรู้เท่าทัน ทำให้รัชทายาทต้าหมิงมีสีหน้าทมึงทึงทันที “ทำตามหน้าที่ของตนเองให้ดีก็พอ!” หมิงเฉิงคำรามเสียงลอดไรฟันพลางหมุนกายสูงใหญ่มานั่งลงที่โต๊ะกลมตัวหนึ่งที่อยู่ถัดจากชั้นหนังสือไม่ไกลนัก ราชองครักษ์ผู้นี้ยังเย้าไม่หยุด “ข้าย่อมทำหน้าที่ของตนเองได้ดีพอ ไม่เคยแอบไปตามหาหญิงใดถึงแดนไกล” เขาไม่มีความเกรงกลัวในแววตาต่ออีกฝ่ายที่ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมน่ายำเกรงทุกขณะ หมิงเฉิงยังคงท่าทางเรียบเฉย ไร้อารมณ์อันใดออกมาให้เห็นทางสีหน้ามีเพียงแววตาเย็นชาที่ฉาบทับด้วยไอโทสะร้อนกรุ่น “ข้าไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง! ให้ตาย!” ชายหนุ่มบดกรามเปล่งเสียงทุ้มห้าวออกมาอย่างเดือดดาล นอกจากยังคงไว้ซึ่งสีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้านอันใดทั้งนั้น ราชองครักษ์หนุ่มยังถือวิสาสะ นั่งลงที่โต๊ะตัวเดียวกันกับรัชทายาทหนุ่มแล้วเอ่ยเสียงเบา “เอาน่า! เราสองไม่เคยมีความลับต่อกันมิใช่หรือไร?” หมิงเฉิงยังคงคำรามเสียงขรึม “ข้าให้เจ้าอยู่เงียบๆ มิใช่ให้มาสนใจเรื่องส่วนตัวของข้า อย่าริทำนอกเรื่อง” อีกคราที่ผู้ถูกต่อว่ากลับมิได้นำพาอันใด เขาเพียงยกกาน้ำชาขึ้นมารินใส่ถ้วยแล้วยื่นให้อีกฝ่าย ก่อนจะค้อมศีรษะเล็กน้อยพลางเอ่ยปากเสียงเรียบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “กระหม่อมย่อมทำตามพระประสงค์แห่งองค์รัชทายาท หมิงเฉิงพ่ะย่ะค่ะ” หมิงเฉิงแค่นเสียงต่ำเย็นเยียบในลำคอคราหนึ่งอย่างไม่ถือสาก่อนยกชาขึ้นจิบ ทว่าสายตาคมกริบยังจับจ้องที่วงหน้าหล่อเหลาของชายตรงหน้า ทั้งสองนั่งดื่มชาพลางสนทนาด้วยรูปประโยคที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจ ถึงความรู้สึกและความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างกัน ด้วยรูปการที่เห็นว่ารัชทายาทหมิงเฉิงมีราชองครักษ์คนสนิทที่ปกป้องเขาด้วยชีวิตนั้น แท้จริงแล้วคือรัชทายาทหมิงเฉิงต่างหากที่เป็นฝ่ายปกป้ององครักษ์ของตนเองเสมอมา ศึกรบแต่ละครา กลยุทธ์พิชิตเหล่าศัตรูแต่ละครั้ง ล้วนเป็นหมิงเฉิงที่นำทัพขึ้นหน้าอย่างอาจหาญเปี่ยมพลังเต็มไปด้วยความสามารถไร้ขีดจำกัด เขาเป็นนักรบมังกร เป็นพยัคฆ์คำรามราวราชันย์แห่งขุมนรก ในขณะที่ราชองครักษ์ของเขาผู้นี้ลอบเป็นกุนซือผู้ฉลาดปราดเปรื่องอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ เป็นผู้คุมบังเ**ยนเดินหมากทางการเมืองที่แท้จริง ทั้งสองร่วมรับร่วมรุกเส้นทางสายนี้ ชนิดที่เรียกได้ว่า น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ไม่มีเจ้าย่อมไม่มีข้า มาเนิ่นนาน องครักษ์หนุ่มผู้นี้หรือแท้จริงก็คือ หมิงจิน หมิงจินคือโอรสลำดับที่สี่แห่งต้าหมิง สายเลือดหนึ่งเดียวของเจียงฮองเฮา ย้อนกลับไปเมื่อสิบแปดปีก่อน ยามที่หมิงจินถือกำเนิดจากฮองเฮาเจียงเฟิ่ง เด็กน้อยถูกปองร้ายหมายมาดถึงชีวิตในวันแรกคลอด โชคดีที่นางกำนัลรุ่นใหญ่ที่เป็นแม่นมของหมิงเฉิงแอบล่วงรู้เข้า นางจึงร่วมมือกับหมิงเฉิงลอบตลบหลังสับเปลี่ยนทารกออกมาได้ทันท่วงที ยามนั้นรอบกายไร้คนที่ไว้ใจได้ ทั้งสองไม่กล้าปริปากบอกผู้ใดทั้งสิ้น แม้แต่ฮองเฮาที่ยามนั้นเสียเลือดมากจนหมดสติเพราะคลอดบุตร และฮ่องเต้ที่ราชกิจรัดตัว ในเสี้ยวเวลาแห่งความเป็นความตาย หมิงเฉิงแม้ยังเยาว์วัย หากแต่บุญคุณของฮองเฮาที่ช่วยเลี้ยงดูยามไร้มารดา ทำให้เขาไม่อาจขลาดเขลาแม้พริบตาเดียว เขาจึงอาจหาญเกินวัยมากโข ช่วยชีวิตโอรสน้อยผู้นี้เอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ส่วนแผนการของคนร้ายที่เข้าใจว่าโอรสของฮองเฮาสิ้นชีพไป ก็ปล่อยให้พวกมันเข้าใจผิดคิดว่าลุล่วงด้วยดีต่อไป ทว่าต่อมาข่าวกลับแพร่สะพัดว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะริษยาของหมิงเฉิง ที่ไม่ต้องการให้ฮองเฮามีโอรสที่แท้จริงเป็นของตนเอง จึงคิดกำจัดทารกตัวน้อยอย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานี เพื่อที่ว่าเขาจะได้เป็นโอรสหนึ่งเดียวของฮองเฮาสืบไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD