ดัชนีเคล้าเงาขลุ่ย

2727 Words
" ช่างเป็นเทพกระบี่อันโง่งมนัก เอาแต่ทุ่มเทพลังโจมตีทั้งที่บาดเจ็บภายในอย่างนั้น ไม่ช้าไม่นานมันคงถูกสยบลงแล้ว “! " ปรมาจารบ์พิษวิพากษ์วิจารณ์การต่อสู้แผ่วเบา ขณะสองมือยังประกบหลังชายหนุ่ม เร่งถ่ายโอนพลังการฝึกปรือให้หลิวหงเหินดั่งธารหลั่งเป็นระรอก " ท่านกลัวว่ามันจะเสียทีศิษย์รัก เหมือนท่านใช่หรือไม่ ? " หลิวหงเหินกล่าวเหน็บแนมหน้าเป็น ทั้งที่เห็นด้วยกับปรมาจารย์พิษทุกประการ เพราะที่เห็นอยู่คือการออมแรงถอยหนีของเซียนโอสถ มีเพียงเทพกระบี่ที่ทุ่มเทท่าร่างดุดัน ปราถนาสังหารในทุกกระบวนท่า แต่ไม้เท้าหัวมรกตกลับร้อยเปลี่ยนพันแปร ประเดี๋ยวแกร่งกร้าว ประเดี๋ยวอ่อนหยุ่น จนเทพกระบี่ไม่อาจหักล้างมันได้ดั่งใจ " นายท่านหลิว ท่านนี่ช่างมีความสามารถก่อกวนใจคนเลิศล้ำนัก " " มิกล้ารับ มิกล้ารับ " ชายหนุ่มยังคงยิ้มระรื่นกล่าวยียวนตามต่อ " เสียดายที่ฝีมือของท่านอ่อนด้อยกว่าฝีปากไปหลายเท่าตัว ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว " " ข้าก็เสียดายเช่นกัน ที่มีเล่ห์กลน้อยกว่าท่านหลายขุม มิเช่นนั้นข้าคงไม่ถูกพิษ ไม่ต้องปลดปล่อยเทพกระบี่มรณะ แล้วคงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเช่นนี้ " หลิวหงเหินกล่าวแผ่วเบา พลางหรี่ตามองสองฝ่ามือที่ประกบหลัง คล้ายรังเกียจเดียดฉันท์พลังปราณที่ปรมาจารย์พิษถ่ายเทให้เต็มประดา " ถึงเวลาคับขันเช่นนี้ เจ้าจะมาพิร่ำพิไรอันใด ไม่เห็นรึว่าศิษย์ชั่วข้ามีวิชาหลากหลายต่างแนวทาง จนอยากจะรับมือ ข้าเกรงว่าในตัวมันคงมียอดวิชามากกว่าหอเก็บคัมภีร์ในวัดเส้าหลินเสียอีก " ปรมาจารย์พิษกล่าวหอบๆ พร้อมกับปล่อยมือจากหลังชายหนุ่ม แล้วร่างมันพลันร่วงลงกระแทกพื้นดังโครม !... " ผู้อาวุโส ! " หลิวหงเหินรีบกลับตัวเข้ามาประคองหัวมันขึ้นจากพื้น... นี่นับเป็นรสชาติแปลกประหลาดนัก ชั่วชีวิตหลิวหงเหินพบพานมิตรที่กลับหักหลังกลายเป็นศัตรูอยู่ไม่น้อย พบศัตรูที่แปรเปลี่ยนมาเข้าข้างตนอยู่หลายครั้ง แต่ปรมาจารย์พิษคนนี้กลับเป็นทั้งมิตรและศัตรูในเวลาเดียวกัน หน่ำซ้ำทั้งพิษและพลังปราณของมัน ล้วนหลอมรวมไว้ในกายจนสิ้น...สมควรเรียกมันเป็นผู้มีพระคุณที่แสนชั่วช้าก็คงไม่ผิดนัก !.... " เจ้าตั้งใจฟังข้าให้ชัดถ้อยชัดคำไว้ ข้าคงมีเรี่ยวแรงบอกเคล็ดโคจรพลังปราณได้เพียงคราเดียว " เฒ่าพิษกล่าวแห้งโหยยิ่ง ริมฝีปากมันสั่นระริก พร้อมกับเอื้อมมือดึงชายหนุ่มเข้าใกล้ " วิชาดัชนีของเจ้านับว่าไม่เลวนัก เสียแต่พลังปราณของเจ้าต่ำต้อยเกินไป ซ้ำกระบวนท่ายังแฝงแต่ความล่อลวง หาได้หมดจรดเที่ยงแท้ ความสำเร็จในวิชาจึงเป็นได้แค่แมวสามขาเช่นนี้ ! " " เอ !....ท่านผู้อาวุโส เคล็ดโคจรลมปราณของท่าน เหตุใดฟังดูคล้ายคำติเตียนเลย "... " ข้ายังไม่ได้สอน...แค๊ก แค๊ก แค๊ก. " เฒ่าพิษตวาดเสียงดุ จนไอแห้งๆขึ้นหลายครา " ข้าเพียงบอกพื้นฐานของเจ้าเพื่อปรับเปลี่ยนให้ถูกทาง " " อ้อ อ้อ...ไหนท่านว่ามีเวลาไม่มาก เหตุใดจึงฟุ้มเฟื้อยวาจานัก " " เจ้านะเจ้า หากที่นี่มีใครอีกสักคน ข้าจะไม่มาเปล่าเปลื่องลมปราณให้คนวาจาลามปรามอย่างเจ้าแน่ ! " " เช่นกันท่านผู้อาวุโส นี่นับเป็นครั้งแรกที่เรามีความคิดเห็นตรงกัน " มันยิ้มเย้ยหยันเสียจนเฒ่าพิษต้องหุบปากเม้มด้วยความอึดอัดใจ " รีบนั่งขัดสมาธิ แล้วโคจรลมปราณตามที่ข้าบอกทุกถ้อยคำ "... สุดท้ายปรมาจารย์พิษต้องกัดฟันกล่าวรวบรัด ก่อนจะเปล่าเปลื่องเวลาไปมากกว่านี้... ปรมาจารย์พิษร่ายเคล็ดวิชาเชื่องช้า ชัดถอยชัดคำ มีบางประโยคแฝงเร้นความหมายลึกซึ้ง ผู้เฒ่าก็อธิบายเสริมได้หมดจรดจะแจ้ง จนหลิวหงเหินโคจรลมปราณได้ปลอดโปร่งไปทั่วร่าง ประหลาดที่เคล็ดวิชาของเฒ่าพิษ กลับรวมหลอมเข้ากับพื้นลมปราณเดิมของมัน ราวกับเป็นแนววิชาเดียวกัน ยิ่งเพิ่มพลังปราณที่เฒ่าพิษถ่ายทอดมา ทั่วกายมันพลันร้อนผ่าวราวไฟรุม แล้วชั่วอึดใจกลับสลับเยียบเย็นปานน้ำแข็ง กระทั้งร้อน เย็น อ่อน แข็ง ผนึกรวมเป็นความเวิ้งว้างว่างเปล่า สรรพสิ่งคล้ายจะมอดดับลงฉับพลัน หลิวหงเหินรูสึกราวกับลอยล่อง ว่างเปล่าราวไร้ตัวตน ...นี่คือพลังปราณพิษพิสุทธ์อย่างนั้นรี ?..... ระหว่างที่หลิวหงเหินเคลิบเคลิ้มไปกับพลังปราณแปลกใหม่ที่ได้รับ สองยอดยุทธหาได้ลอยละล่องตามมันแม้แต่น้อย ทั้งเซียนโอสถและเทพมรณะล้วนปะทะกันดุเดือด ราวฟ้าถล่มดินทลาย ไม้เท้าหัวมรกตแปรเปลี่ยนไปสิบหกวิชา จนเทพมรณะงงงันไม่อาจจับทิศทางการโรมรันแน่ชัด ทั้งวิชาพลองแปดทิศของเส้าหลิน ทั้งวิชาทวนท่องนทีของแชเซี่ย ทั้งวิชากระบี่พรากนภา ล้วนถูกเซียนโอสถใช้ออก สลับไปมา อย่างที่เทพกระบี่ไม่เคยพบเจอ ผ่านไปสามร้อยกว่ากระบาวนเพลง เทพมรณะเริ่มปรวนแปรจากอาการบาดเจ็บภายใน พลังปราณมันเริ่มถดถอย ท่วงท่ามันกลับยิ่งมายิ่งเชื่องช้า เทอะทะ อาการเพลี่ยงพล้ำย่อมไม่อาจรอดพ้นสายตาเซียนโอสถได้ มันกระหยิ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะปลดปล่อยไม้เท้าพุ่งไปกระทบผนังหิน ไม้เท้าพลันกระเด้งสะท้อนผนังจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย สลับไปมาสามสี่ครั้งรบกวนทิศทางการฟังเสียงของชายพิการ จนมันเริ่มสับสนตำแหน่งที่ยืนของคู่มือ ชั่ววูบนั้นเซียนโอสถได้สะบัดฝ่ามือใช้ออกด้วยวิชากรงเล็บมังกร ตรงเข้าตะปบข้อมือเทพมรณะไว้อย่างมั่นเหมาะ มันพลิกฝ่ามือด้วยกระบวนท่ามังกรม้วนปฐพี บิดสะบัดข้อมือเทพมรณะ จนกระดูกแหลกคามือ อ๊ า ก ก ก ก ก.... เทพมรณะร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มันไม่คาดคิดว่าจะเสียมือขวาไปในบัดดล แต้แล้วมันต้องเจ็บปวดซ้ำสอง เมื่อมือซ้ายของเซียนโอสถ ตั้งเป็นท่ากรงเล็บอินทรีตรงเข้าคว้าจับแขนซ้ายมันไว้ แล้วบิดหักเนื้อหนังมนุษย์ด้วยลมปราณทรงพลัง ก ร๊ อ บ บ บ บ .... เสียงกระดูกแขนหักสะบั่น พร้อมเพรียงกับตัวชายพิการถูกจับเหวี่ยงให้ละลิ่วลงไปกระแทกกับพื้นสุดเจ็บปวด... ... " ไม่มีเวลาฝึกปรือแล้วนายท่านหลิว รีบลงมือเถิด ! "...ปรมาจารย์พิษร้องเสียงแหบพร่า ผสานเข้ากับเสียงโอดครวญของเทพมรณะที่อยู่ไม่ไกล ฉับไหวเท่าความคิด หลิวหงเหินกระโจนร่างขึ้นจากพื้น พร้อมพรั้งด้วยพลังปราณเต็มเปี่ยม ถึงมันจะไม่มั่นใจว่าจะใช้พลังดัชนีไร้รูปลักษณ์ได้ดั่งปรมาจารย์พิษ แต่มันไม่เสียเวลาครุ่นคิดสักน้ยนิด สองดัชนีของหลิวหงเหินร่ายกระบวนท่า สอดสัมพันธ์กับลมปราณแปลกประหลาดที่ได้รับ พลันนั้นมันต้องเบิกตาโพลง ร้องเสียงหลงอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อพบพลังปราณอุ่นละอุถูกปลดปล่อยเป็นสายออกจากปลายนิ้วมัน... โ ค ร ม.... ผนังหินทลายเป็นช่องเมื่อพลังปราณมันพุ่งกระทบ สร้างความแตกตื่นแก่เซียนโอสถ จนต้องรีบดึงไม้เท้าเข้ามากวัดแกว่งป้องกันตัว หลิวหงเหินก็แตกตื่นไม่ยิ่งหย่อนกว่ามันนัก ...นี่คือการบรรลุวิชาถึงขั้นไร้รูปทำลายลักษณ์อย่างไม่คิดไม่ฝัน.... " จอมยุทธหลิวเจ้าระวังไว้ ! อย่าได้หลงกลอาจารย์ข้าพเจ้า ที่มันถ่ายทอดพลังปราณให้เจ้า ย่อมไม่มีกุลศลจิตนัก " เซียนโอสถร้องปรามด้วยสีหน้าหวาดหวั่นยิ่ง เมื่อมันปะติด ปะต่อเรื่องได้โดยพลัน ว่าเกิดเหตุพิสดารใดขึ้นกับชายหนุ่ม " อ้อ .... ขอบคุณท่าน ที่ห่วงใยเสมอมา "... วาจาประชดประชันร่ายระเริงไปกับกระบวนเพลงดัชนีนารีเป็นอื่น ปล่อยพลังปราณฝ่าอากาศตรงเข้าใส่เซียนโอสถซ้ำซ้อนเป็นสิบสาย จนไม้เท้าหัวมรกตควงหมุนต้านรับเป็นระวิง เซียนโอสถรนรานอย่างไม่เคยพบพาน เพราะหลิวหงเหินยิ่งลงมือยิ่งพลิกแพลงพิสดาร... ชายร่างระหงระเริงเล่นวรยุทธที่รุดหน้าราวเด็กได้ของเล่นใหม่ จากวิชาหลอกล่อเพื่อจี้สกัดจุด กลับกลายเป็นพุ่งทะลวงจู่โจมโดยไม่อาจคาดเดาทิศทางได้ บางครั้งมันจี้พุ่งคราเดียวกลับแยกเป็นสายพลังไปสี่ทิศทาง บางครั้งเห็นว่าตรงกลับเลี้ยวลดโจมตีไปด้านข้าง พลันนั้นหลิวหงเหินได้เข้าถึงแก่นแท้แห่งวิชาดัชนีอย่างที่ไม่เคยเข้าถึง มันท่องแท้ในเคล็ดวิชานารีเป็นอื่นราวกับเปิดประตูจากห้องอันมืดมิดสู่แสงสว่าง... ... กับเคล็ดวิชาที่ว่า จิตใจสตรีเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่สุดในแดนดิน นางดลบันดาลความสุขสันต์รื่นรมย์ ไปพร้อมกัยบีบคั้นให้ทุกข์ระทม ใจนางแปรปรวน รวนเร กลับไปกลับมา ไม่อาจหาความเที่ยงแท้ ยิ่งคว้าจับนางยิ่งพรากจาก ยิ่งอยากถ้อยห่างนางยิ่งตามติด....นี่คือวิถีแห่งความเป็นเช่นนั้นเอง ที่ไม่อาจเข้าใจแต่สามารถเข้าถึงได้ เมื่อถึงภาวะจิตใจอิสตรี โลกทั้งใบจะไร้พรมแดนกางกั้น จะทอดน่องไปบนฟ้าอย่างเสรี... หลิวหงเหินเข้าถึงวิถีนั้นในชั่วอึดใจ... มันใช้ออกด้วยดัชนีไร้ทิศทาง ไร้เป้าหมาย ไร้รูปลักษณ์ เพียงร่ายไหวไปตามสภาวะใจ จนเซียนโอสถรู้สึกตึงมือกว่าการเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่เคยพบพาน แม้ในตัวเซียนโอสถจะมีวิชา80-90วิชา ยังไม่อาจโต้ตอบสักกระบวน เซียนโอสถล่าถอยไปหลายสิบก้าว กว่าจะพบทางรอดตรงกองหินระเกะระกะที่เกลื่อนกลาดพื้น มันเร่งตวัดไม้เท้าหัวมรกตไปสามสี่ครา เหล่าเศษหินน้อยหินใหญ่ต่างลอยละล่องตามแสงเขียวขจี พุ่งเข้าใส่หลิวหงเหินราวลูกศรร้อยสาย โว้ ว โว้ ว ว ว ว... ชายหนุ่มร้องลั่นด้วยความตื่นตตระหนก พลางใช้วิชาตัวเบาเลี่ยงหลบไปได้อย่างหวุดหวิด ในอึดใจนั้นเซียนโอสถเห็นจังหวะมั่นเหมาะที่จะพลิกสถานการณ์ จึงเผ่นโผนสู่ทางเข้าม่านไข่มุก มุ่งตรงไปยังเก๋งน้อยอย่างรวดเร็วยิ่ง " ผิดท่าแล้ว ! " หลิวหงเหินเห็นความเปลี่ยนแปรของเซียนโอสถ ที่มีเจตนาไม่ดีต่สองแม่ลูกในเก๋งน้อยนั้นแน่ ร่างระหงรีบโลดแล่นติดตามไปสุดกำลัง .... ปล่อยทิ้งให้ปรมาจารย์พิษอยู่กับซากชีวิต ที่กำลังร้องครวญสุดน่าเวทนา ปรมาจารย์พิษคลืบคลานเข้าหามัน ด้วยร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับพริ้มเต็มใบหน้า พลางกล่าวแหบแห้งโรยรา " เทพกระบี่มรณะ เจ้าไม่คิดปกป้องนางในดวงใจแล้วรึ " " เจ้าคิดซ้ำเติมข้ารึ จอมพิษเฒ่า !...สภาพข้าเป็นเช่นนี้จะปกป้องใครได้ ! "...มันกู่ร้องโหยหวน ครวญครางด้วยความเจ็บปวดทั้งกายใจ " ข้าไม่ได้ซ้ำเติม ที่กล่าวเพราะข้ามีวิธีช่วยเหลือแม่นางเฝิงหวง ซ้ำยังสามารถดลบันดาลให้นางพบเจอเจ้าอีกด้วย มันขึ้นอยู่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ ? "... ปรมาจารย์พิษเน้นเสียงเชื่องข้าที่ละคำ ขณะคลานเข้าใกล้ตัวมัน " เจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า !.. " มันตวาดแว๊ดด้วยโทสะ แต่แล้วมันกลับต้องแตกตื่นจากความอบอุ่นที่เส้นชีพจรตรงข้อมือ เมื่อมีมือเหี่ยวแห้งคว้าจับมันไว้มั่น แล้วแสงสว่างเจิดจ้ามาจากท้องน้อยปรมาจารย์พิษ พร้อมแผดเสียงอันเหี้ยมอำมหิต " จงมาอยู่ในร่างกายข้าเถิดผู้พ่ายแพ้ในความรัก แล้วข้าจะทำให้แรงปราถนาของเจ้าเป็นจริง "... ………………. .... แสงเขียวขจีสาดส่องไปทั่วเก๋งน้อย เมื่อร่างชราพุ่งตรงเข้ามาดุจลูกศรออกจากแหล่ง แววตาเซียนโอสถวาวโรจณ์ เมื่อไม้เท้ามรกตของมันจ่อใกล้แม่นางเฝิงหวงเข้าไปทุกขณะ ทว่ามันกลับต้องเบี่ยงไม้เท้าไป เมื่อมีลมปราณกล้าแกร่งมากับเสียงขลุ่ยหวีดหวิว เซียนโอสถตีลังกาวกกลับหลัง แต่แล้วมันต้องลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้น เพื่อเลี่ยงหลบพลังดัชนีที่ปรี่พุ่งมา โ ค ร ม ..... กระถ่างดอกไม้พลันระเบิดกระจาย พร้อมเพรียงกับเงาร่างเด็กสาวที่กระโจนออกจากเรือนเก๋งน้อย เจินจีซีล่อนร่างลงมายืนข้างกระถ่างแตก พลางร้องด้วยความตื่นเต้นยินดี เมื่อเห็นหลิวหงเหินพุ่งทะยานเข้าใกล้ " โฮ้ !...เจ้าคนโฉดชุดคราม เหตุใดพลังปราณเจ้ารุดหน้าถึงเพียงนี้ ? " นางกล่าวแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่หลิวหงเหินพรั่งพรูคำพูดเมื่อพบนาง " แม่นางน้อย ! เจ้าเป็นปกติแล้วรึ ? " " เอะ !...เจ้าคนโฉดนิ! ...เหตุใดไม่ตอบคำ กลับมาถามข้าอีก ! " หลิวหงเหินได้แต่เบิกยิ้มกว้าง จนเห็นซีกฟันขาวราวไข่มุก ก่อนจะหันไปมองเซียนโอสถที่กำลังยันกายขึ้นจากพื้น " เจ้าจะถกเถึยงกับข้า หรือจะคลี่คลายปัญหาตรงหน้าก่อนดี ? " เด็กสาวหันมองตามสายตาชายหนุ่มไปยังเซียนโอสถ ด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่ง " ย่อมต้องฟาดคนมดเท็จสักไม้สองไม้ก่อน ประเดี๋ยวจะกลับมาถกเถียงกัยเจ้าต่อ " นางกล่าวรวบรัดพลางเผ่นพริ้วเข้าหาเซียนโอสถ ที่ตั้งหลักยืนตระเตรียมไม้เท้ารับมือ เพลงกระบี่เคลื่อนดาราจักรของนาง ร่ายลมปราณไปพร้อมเสียงขลุ่ยอ่อนหวาน สยายเข้าโอบล้อมเซียนโอสถไว้ทุกทิศทาง...จนมันหวั่นเกรงปะปนกับความประหลาดใจสุดประมาณ เพียงดัชนีของหลิวหงเหินก็ยากรับมือแล้ว นี่ยังมีเพลงกระบี่สุดล้ำลึกของนางอีก...เซียนโอสถเหลือหนทางอยู่เพียงหนึ่งเดียว... มันเร่งผนึกลมปราณ ปิดทวารทั้งหมด ใช้ออกด้วยวิชาระฆังทองคลุมกาย ป้องกันศาสตราวุธไม่ให้ระคายเคือง... ถึงกระนั้นพลังปราณของเด็กสาวก็กระทบกระทั้งร่างมัน จนเคลื่อนไหวโอนเอน " ตาเฒ่าคิ้วขาว เจ้าใช่วิชาประหลาดใดกัน " นางร้องถาม ทั้งที่ยังเคลื่อนขลุ่ยร่ายเพลงกระบี่ไม่หยุดยั้ง " เป็นวิชาทึกทนของแพะชรา ทั่วกายจะคงกระพันฟันแทงไม่เข้า จะมีเพียงตำแหน่งเดียวในกายที่สยบมันลงได้ ! "... หลิวหงเหินร้องบอกขณะก้าวเข้าไปสมทบนาง " น่าเล่นยิ่ง !.. เจ้าห้ามแย่งข้าหาจุดตายมันเด็ดขาด "... นางเร่งเร้าเพลงกระบี่แผ่ไปทั่วร่างเซียนโอสถ ก้องกระจายไปกับเสียงขลุ่ยเร่งจังหวะขึ้น ในทำนองเพลงวสันต์พรางพรมอันกระหน่ำหนักหน่วง... หลิวหงเหินหรี่ตามองชายชราอย่างไม่วางใจนัก เพราะเซียนโอสถย่อมไม่ยืนสงบนิ่งตั้งรับเพียงฝ่ายเดียวแน่ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่ชายหนุ่มคาดคิด เมื่อไม้เท้าหัวมรกตพลันเรืองสว่างมาพร้อมแสงเจิดจ้าจากจักรกาลบนกระหม่อมมัน แสงนั้นวูบวาบบาดตาจนเด็กสาวพร่าเลือนเป้าหมาย กระบวนท่าเชื่องช้าไปชั่ววูบ เป็นเหตุให้เฒ่าเจ้าเล่ห์พุ่งไม้เท้าจู่โจมใส่นาง ดั่งสายฟ้าสีเขียวฟาดกระหน่ำหา " แม่นางน้อยระวังตัวด้วย ! ".. เสียงร้องเตือนพรั่งพรูไปกับพลังดัชนี อันพวยพุ่งลมปราณเข้าผสานกับปราณไร้รูปที่ลอยคลอในเสียงขลุ่ย ก่อเกิดเป็นกระแสพลังเวียนวนรอบเด็กสาว... ทำให้ไม้เท้าที่พุ่งใส่ถูกแรงสะท้อนกลับจนปลิวกระเด็นไป ! ทันทีนั้นหลิวหงเหินเคลื่อนกายไปตามกระแสพลัง พร้อมกับใช้กระบวนท่า 'สามวันจากนารี ชายเป็นอื่น ' ส่งพลังปราณกระแทกกระทันเป็นสองทาง จนร่างเซียนโอสถลอยสูงขึ้นจากพื้น6เซียะ " จุดใต้ฝ่าเท้ามัน ! " เด็กสาวยิ้มร่ายินดี เมื่อได้ยินคำร้องบอกของชายหนุ่ม ก่อนนางจะไถลตัวไปตามพื้น แล้วส่งขลุ่ยจี้สกัดตรงจุดคงมิ่นใต้ฝ่าเท้าอย่างแม่นยำ พลังปราณจี้แปลบจนชายชราร้องลั่น... แล้วร่างมันพลันควงหมุนไปตามแรงขึ้นเบื้องบน พร้อมเพรียงกับที่หลิวหงเหินลอยตัวตามติด ตรงเข้าสกัดจุดที่หัวไหล่ หน้าอก ชายโครง ต้นคอ สยบเซียนโอสถไว้จนสิ้น ร่างมันร่วงลงกระแทกกับพื้น นอนด้าวดิ้นเคล้าคลอไปกับเสียงโอดครวญในคอ เด็กสาวเร่งรีบตามไปใช้ขลุ่ยจี้ลงตรงหน้าอกมัน ระบายยิ้มร่าอย่างผู้มีชัย “ เฒ่าคิ้วขาว เลิกเล่นแล้วรึ...? ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD