บทที่ 1 ตอนที่ 1

2130 Words
ครบรอบสิบปีของการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แฟนคลับที่ยังคงคิดถึงดาราสาวผู้ล่วงลับอย่างเหนียวแน่น แห่กันไปทำบุญ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ซูเปอร์สตาร์ซึ่งเป็นที่รัก เพื่อเป็นการระลึกถึงว่าเธอจะเป็นขวัญใจของประชาชนไปตลอดกาล ดาวพรายสไลด์หน้าจอมือถือ กวาดสายตามองภาพบรรยากาศงานระลึกถึงดาราสาวขวัญใจมหาชนผู้ล่วงลับไปแล้วหลายปี พลางถอนหายใจแล้วเก็บมือถือใส่กระเป๋าเป้ ซึ่งวางอยู่บนหน้าตัก แม้จะเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่เธอกับจันทร์พราวกลับต่างกันลิบลับ นอกจากอายุที่อ่อนเยาว์กว่าสิบห้าปีเพราะเป็นลูกหลงแล้ว เธอก็ไม่มีอะไรเทียบจันทร์พราวได้เลย “เรือจะทอดเทียบท่าแล้ว ทุกคนเตรียมตัวลงเรือได้เลย” เสียงตะโกนของลูกเรือทำให้ผู้โดยสารทุกคนขยับลุกไปต่อคิวรอ แต่ดาวพรายไม่รีบ เธอนั่งมองรอบๆ ตัวด้วยความแปลกใจ แม้จะรู้มาบ้างว่าเกาะหมอกแห่งนี้มีความพิเศษพิสดารไปจากเกาะแก่งอื่นๆ แต่เธอก็ไม่อยากเชื่อสายตาว่ามันจะแตกต่างกันมากจริงๆ ก่อนเรือจะแล่นเข้ามาในเขตเกาะหมอก ยังคงมองเห็นทุกอย่างชัดเจน จากนั้นเธอก็เห็นกลุ่มควันคล้ายเมฆก้อนใหญ่มหึมา ปกคลุมโดยทั่วอยู่เบื้องหน้า เมื่อเรือตรงเข้าไปในกลุ่มควันขาวปุยนั้น ทัศนวิสัยทุกอย่างก็มองไม่เห็นโดยสิ้นเชิง นี่คือความมหัศจรรย์ของเกาะหมอกที่เล่าลือ เพราะมันเป็นเกาะที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ต้องขับเรือฝ่ากลุ่มหมอกควันเข้าไปหลายกิโลเมตร กว่าจะมองเห็นภาคพื้นดินของเกาะแห่งนี้ ซึ่งต้องใช้ผู้ชำนาญเส้นทางเดินเรือโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นอาจพลัดหลงไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งอันตรายมากๆ ว่ากันว่า มีน้ำวนขนาดใหญ่อยู่ใต้ทะเลแถบนั้น และพัดให้เรือจมหายไปนักต่อนัก ชาวประมง หรือนักเดินเรือต่างรู้กันดี นอกจากคนในพื้นที่แล้ว รัฐบาลกำหนดไม่ให้เรืออื่นๆ ใช้เส้นทางบริเวณเกาะหมอกนี้ ในการสัญจร เกาะหมอกจึงกลายเป็นเกาะลับแล หนึ่งในหมู่เกาะช้างของจังหวัดตราด ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก เนื่องจากเป็นเกาะส่วนตัวด้วย จึงไม่ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไป แม้จะมีรีสอร์ตและร้านอาหารอยู่ด้วยก็ตาม แต่ลูกค้าจะเป็นกลุ่มเล็กๆ ระดับมหาเศรษฐี ซึ่งจะติดต่อโดยตรงกับเจ้าของเกาะเท่านั้น เมื่อเรือแล่นผ่านม่านหมอกหนาทึบเข้ามาด้านใน ดาวพรายก็ต้องเบิกตามองด้วยความตะลึงใจ ช่างงดงามสมเป็นแดนลับแลโดยแท้... หาดทรายขาวละเอียดทอดยาวไปตามแนวชายหาด น้ำทะเลใสเหมือนกระจก จนมองเห็นพื้นล่างของทะเล ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหินน้อยใหญ่ ฝูงปลานานาชนิด ปะการัง หอยเม่น และพืชน้ำเค็ม จำพวกดอกไม้ทะเลหลากสี และสาหร่าย ที่เติบโตได้ในบริเวณน้ำไม่ลึกมากนัก แต่กะจากสายตาก็คงเกินสิบเมตร เป็นความตื่นตาตื่นใจอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน มันไม่ใช่แค่เป็นจุดใดจุดหนึ่ง แต่ผืนน้ำทั้งรอบๆ เท่าที่ตาจะมองเห็น เป็นเช่นนั้นทั้งหมด ที่นี่คงเป็นแหล่งอนุรักษ์อย่างเข้มงวดเลยทีเดียว จึงคงรักษาธรรมชาติเอาไว้ได้อย่างงดงามเหนือจินตนาการเช่นนี้ เมื่อเรือแล่นใกล้แผ่นดินเข้าไปเรื่อยๆ เธอหันมองด้านหลังก็พบว่ามีม่านหมอกปกคลุมโดยรอบ ไม่อาจมองเห็นภายนอกเสียแล้ว “คุณผู้หญิง...ถึงแล้ว ไม่ลงเหรอครับ” “อ๋อ...ค่ะ แล้วฉันจะพบคุณทับทิมได้ที่ไหน” เธอได้สติจากอาการตื่นตาตื่นใจ แล้วเหวี่ยงกระเป๋าสะพายหลัง จัดแจงลากกระเป๋าผ้าอีกใบเดินลงจากเรือ พลางเอ่ยปากถามถึงจุดหมายที่ตนต้องไป “เดี๋ยวไอ้เข้มมันจะพาคุณไปหาคุณทับทิมที่รีสอร์ตครับ โน่นไง มันเดินมาแล้ว” ดาวพรายหันมองตามที่เด็กเรือบอก ก็เห็นชายหนุ่มอีกคนยิ้มร่าเข้ามาช่วยรับกระเป๋า แล้วกล่าวทักทายเธอ หญิงสาวยิ้มรับ จากนั้นก็ตามเข้มไปที่โรงแรม ซีมิสต์รีสอร์ตตั้งอยู่บนเนินเขา ไล่ระดับขึ้นไปเป็นชั้นๆ ตัวรีสอร์ตและการตกแต่งเป็นสไตน์ยุโรป เน้นโทนสีขาว สวนหย่อมและตามทางเดินโดดเด่นไปด้วยดอกกุหลาบที่เลื้อยพันชูช่อออกดอกบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่ตรึงใจนัก เมื่อเดินตามขั้นบันไดสูงขึ้นมาเรื่อยๆ สองด้านข้างจะเป็นทางแยกไปยังห้องพักหลังเล็กๆ ตลอดทาง นับเป็นรีสอร์ตที่ใหญ่โตไม่น้อย แน่ล่ะ...ก็มันมีเพียงแห่งเดียว และรองรับเฉพาะลูกค้ามีเงินทั้งนั้น เข้มพาดาวพรายไปยังด้านบนสุด ซึ่งเป็นอาคารไม้หลังใหญ่ และบอกให้เธอนั่งรอตรงโต๊ะรับรอง ด้านหน้าของประชาสัมพันธ์ เธอจึงถือโอกาสเดินไปที่ระเบียง ซึ่งทอดยาวออกไปเพื่อให้มองเห็นวิวในมุมกว้าง ด้านบนนี้สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน มันสวยกว่าตอนที่มองขึ้นมาเสียอีก ลมเย็นพัดโชยหวิว นำพาเอากลิ่นกุหลาบละมุนโอบล้อมรอบกาย เธอหลับตาพริ้ม ริมฝีปากเผยอยิ้มอย่างลืมตัว เหมือนกำลังหลับละเมออยู่ในดินแดนนิมิตที่ไหนสักแห่ง ไม่อยากเชื่อเลย...ว่าที่แบบนี้มันจะมีอยู่จริงๆ “เธอไม่ควรมาที่นี่...ออกไปซะ!” เสียงประกาศกร้าวทำให้ทุกอย่างยุติฝันหวานกลางวัน เธอใจเต้นระรัวก่อนที่จะหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นเสียอีก “คุณ...คือฉัน...” ดาวพรายไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ชายหนุ่มร่างใหญ่ผิวเข้ม ใบหน้าเหี้ยมเกรียม กัดฟันเดินเข้ามาถึงตัวเธอเสียก่อนแล้ว เขาลากกระเป๋าของเธอมาด้วย แล้วโยนโครมจนมันไหลไปติดขอบระเบียงไม้ “คุณข่านคะ...คุณดาวพรายเป็นพนักงานใหม่ที่คุณทับทิม...” “ใครถาม ใครอยากรู้...” ประชาสัมพันธ์สาวที่เข้ามาช่วยอธิบาย จำต้องก้มหน้าเงียบ ไม่กล้าปริปากพูดต่อ ดาวพรายกวาดตามองเลิ่กลั่ก “ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ...เราไม่เคยรับคนนอกเข้าทำงาน กลับไป!” “แต่คุณทับทิม...เรียกตัวฉันมานะคะ” “ไม่ต้องพูดมาก มาจากที่ไหนก็กลับไปที่ของเธอ” แววตาของเขาดุดันขึงขัง จ้องเธอเขม็งราวโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน “ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ เลยคือ เดี๋ยวค่ะคุณ!! นั่นกระเป๋าฉัน!” ดาวพรายกระวีกระวาดยื้อแย่งกระเป๋าลากที่กำลังถูกยกโยนจากชั้นระเบียง เธอสู้แรงเขาไม่ไหว ได้แต่มองข้าวของทุกอย่างร่วงละลิ่วลงสู่เบื้องล่าง “ต้องให้ฉัน ส่งเธอตามกระเป๋าลงไปใช่ไหม...” “คุณข่าน! เกิดอะไรขึ้นคะ ใครเป็นอะไร” เสียงหวานระคนตกใจแทรกดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างเล็กในชุดเดรสสีชมพูอ่อนๆ วิ่งตรงเข้ามาในสถานการณ์ซึ่งกำลังขับขัน “ทับทิม คุณไปรับคนเข้าทำงานสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง” เขาชี้เป้าไปยังผู้มาเยือน ออกอาการไม่พอใจจนหน้าตาเครียดแดงก่ำ “คุณข่านใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ทับทิมขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้ แต่น้องดาวเป็นนักศึกษาฝึกงานของโรงแรมในเครือ คุณพ่อเห็นว่าทำงานดี แล้วที่นี่ก็ขาดคนอยู่ ก็เลยส่งให้มาช่วยงานทับทิม” “น้องดาวจะมาเป็นผู้ช่วยของทับทิมค่ะ ทับทิมพยายามสอนงานคนที่เกาะแล้ว แต่คุณข่านก็ทราบดีนี่คะ พวกเขาทำได้แค่งานทั่วไป อะไรที่มันซับซ้อน หรือเกิดเหตุฉุกเฉินก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้เลย แล้วนี่เกาะปิดนะคะ หาคนมาทำงานด้วยก็ยาก คนพื้นที่ก็ไม่มีความรู้” ทับทิม หรือพลอยทับทิมให้เหตุผล เธอถอนหายใจด้วยความเครียดเมื่อเห็นสิ่งที่ชายหนุ่มทำกับพนักงานคนใหม่ “หาคนอื่นมาไม่ได้แล้วเหรอ เอาที่เป็นผู้ชายน่ะ” ชายหนุ่มยังไม่ยอมลดราวาศอก แม้เขาจะไม่ได้เป็นหุ้นส่วนในรีสอร์ตแห่งนี้ด้วย แต่ก็เป็นเจ้าของที่ซึ่งให้เฉพาะพลอยทับทิมเท่านั้นที่เช่าทำธุรกิจได้ เพราะเขากับเจ้าหล่อนเป็นเพื่อนสนิทกันนั่นเอง “ไม่มีเลยค่ะคุณข่าน ขนาดเสนอเงินเดือนสูงๆ ยังไม่มีใครอยากมา เพราะที่นี่มันไม่สะดวกสบายเหมือนในเมือง จะไปไหนก็ลำบาก ห้างร้านก็ไม่มี ทางโรงแรมของเราจำเป็นต้องรับน้องดาวเข้ามาช่วย หวังว่าคุณข่านจะเข้าใจ เอาอย่างนี้นะคะ...ตอนนี้เป็นหน้าไฮซีซั่นด้วย เราต้องการคนจริงๆ ทับทิมขอให้น้องดาวทำงานไปก่อนนะคะ ถ้าไม่ผ่านโปรฯ ค่อยส่งน้องดาวกลับ” หญิงสาวต่อรอง ดาวพรายแอบลอบมองทั้งคู่ รู้สึกอึดอัดชอบกล มาเหยียบที่นี่ไม่ถึงสิบนาที เธอก็เจอดีเข้าแล้ว และดูเหมือนจะเป็นตัวพ่อเสียด้วย “ผมจะเห็นแก่คุณ...” เขาลับริมฝีปาก แล้วยังกวาดสายตาเข้มมองดาวพรายเขม็ง ก่อนจะกล่าวต่อ “และผมให้เวลาแค่สามเดือน จะผ่านโปรฯ หรือไม่ผมไม่สน หมดไฮซีซั่น ผมหวังว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเด็กคนนี้อีก” แล้วเขาก็กระทืบเท้าจากไป... ทุกคนมองตามหลังร่างใหญ่เป็นสายตาเดียวกัน ออกอาการงุนงงปนระแวง ต่างหายใจหายคอไม่ใคร่จะทั่วท้อง “กระเป๋าน้องดาวล่ะ...โธ่เอ๊ย!” พลอยทับทิมรีบตรงไปเกาะระเบียง แล้วก้มมองผลงานของผู้จากไป ด้านล่างเป็นซุ้มเถากุหลาบ ที่บัดนี้มีเสื้อผ้า และของใช้ของดาวพรายหล่นเกลื่อนดารดาษ เธอเอามือทาบอก แล้วหันไปสั่งการคนงานให้รีบลงไปเก็บ ส่วนตัวเองจะรีบพาดาวพรายขึ้นไปห้องพักพนักงาน “พี่ต้องขอโทษแทนคุณข่านด้วยนะ ปกติคุณข่านก็ไม่ได้ไร้เหตุผลแบบนี้หรอกค่ะ พี่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น” พลอยทับทิมยกเครื่องดื่มขึ้นจิบเบาๆ พลางส่ายหน้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ห้องพักของดาวพรายอยู่บนด้านบนของตึกที่คนงานพาเธอเข้ามาในตอนแรก การตกแต่งเรียบง่าย โทนสีขาว ด้านหน้าไม่มีระเบียงแต่กำแพงเป็นกระจกแบบวันเวย์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอก แต่ไม่ว่ามองจากมุมไหน ที่นี่ก็งดงามสมแล้วที่เป็น ‘ของหวง’ “คุณทับทิมลำบากใจหรือเปล่าที่ดาวมาทำงานที่นี่...ดาวขอโทษนะคะ” เธอยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าด้วยความนอบน้อม รู้สึกผิด แต่ก็ถอยไม่ได้... “เรียกพี่เถอะ อย่ามาพิธีรีตองเลย...ที่นี่เราทำงานกันเหมือนครอบครัว เพราะพนักงานส่วนมากก็เป็นคนในเกาะทั้งนั้น คงมีแต่ระดับผู้บริหารที่มาจากสำนักงานใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ถาวร ไปๆ มาๆ แล้วแต่งาน เดี๋ยวน้องดาวก็คงได้เจอ ส่วนเรื่องคุณข่าน ไม่ต้องไปคิดมาก...เดี๋ยวพี่หาวิธีจัดการเอง” ทับทิมยิ้มให้กำลังใจ “แล้วถ้าครบสามเดือนล่ะคะ หมดหน้าไฮฯ ดาวก็ต้องกลับออกไปจริงๆ เหรอคะ” “ที่เกาะหมอก พอหมดหน้าไฮฯ ก็จะเข้าหน้ามรสุม ฝนตกหนัก มีพายุ ถ้าน้องดาวมั่นใจว่าอยู่ได้พี่จะหาทางคุณกับคุณข่านเอง จริงๆ แล้วคุณข่านไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรีสอร์ต แต่เราเป็นเพื่อนกัน และเขาก็เป็นเจ้าของเกาะ เรื่องบางเรื่องพี่ก็ต้องปรึกษาเขาก่อน” “แต่ดาวกลับไม่ได้นะคะ ดาวอยากทำงานที่นี่” ดาวพรายแสดงความกระตือรือร้น เพราะเงินเดือนที่เธอได้รับ สูงกว่าภายนอกมากถึงสามสี่เท่า แม้การใช้ชีวิตดูจะยุ่งยาก แต่มันก็คุ้ม “เอาจริงๆ นะดาว พี่เองยังไม่แน่ใจเลยว่าดาวจะไหวไหม เรื่องงานพี่มั่นใจว่าไม่มีปัญหา แต่ดาวต้องปรับตัวหลายอย่าง ที่นี่เหมือนโลกอีกโลก ไม่มีอะไรเหมือนข้างนอกที่ดาวจากมาเลย เอาเป็นว่าอยู่ไปก่อนนะ ถ้ามั่นใจจริงๆ และดาวทำงานดี ถึงตอนนั้นคุณข่านก็คงใจอ่อนลงแล้วล่ะ” “ขอบคุณค่ะคุณ...เอ่อ พี่ทับทิม” เธอยกมือไหว้พลอยทับทิมอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “วันนี้น้องดาวพักผ่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยมาเริ่มเทรนงาน” “ค่ะพี่ทับทิม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD