เล่อเยว่ฉีนั่งจิบชารออยู่ครู่ใหญ่ เมื่อเห็นหมิ่งจิ้นเหอเดินเข้ามาก็ถอนหายใจยาว คิดว่าตนจะต้องเสียเวลารอทั้งวันเสียแล้ว
“ขอโทษที่ทำให้คอยนาน ว่าเรื่องของเจ้ามาเถอะ”
เห็นใบหน้าคมเข้มดูอารมณ์ดีขึ้น เล่อเยว่ฉีก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถาม หมิ่งจิ้นเหอก็ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง สะบัดให้แขนเสื้อเลิกขึ้นก่อนจะแสร้งยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นจิบ
รอยเล็บและรอยฟันที่ปรากฏให้เห็นบริเวณแขนนั้นทำเล่อเยว่ฉีหัวคิ้วกระตุกในทันใด นี่มัน...จงใจอวดใช่หรือไม่
“ทำไมเงียบไปเล่า” เสียงทุ้มแฝงความโอ้อวดกล่าวถาม
เล่อเยว่ฉีกระแอมหนึ่งทีแล้วจึงกล่าวตอบ “เรื่องที่ข้าถูกเรียกตัวเข้าวัง แม้แต่แม่นางเจียวอิงยังทราบ ท่านอ๋องว่า...มีคนจงใจปล่อยข่าวหรือไม่”
“เจ้ากำลังสงสัยผู้ใด”
เล่อเยว่ฉีนิ่งเงียบ สายตาดูเป็นกังวล “ก่อนหน้านี้ที่จวนข้ามีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น มีคนลอบเข้าไปในห้องหนังสือ รื้อค้นข้าวของจนกระจัดกระจาย ของมีค่าทุกชิ้นยังอยู่ดี แต่มีสิ่งหนึ่งหายไป”
“แผนที่แคว้นเว่ยโจวใช่หรือไม่”
เล่อเยว่ฉีเงยหน้ามองหมิ่งจิ้นเหอด้วยความแปลกใจ “ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไร”
“เพราะข้ารู้ว่าใครเป็นตัวการ” หมิ่งจิ้นเหอตอบเสียงราบเรียบ ทว่าในใจกำลังรู้สึกกระวนกระวายมิน้อย “แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน ขืนลงมือทำอะไรโดยพลการมีแต่จะแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเปล่าๆ เจ้าทำตัวเฉยๆ ไว้ อย่าแสดงพิรุธอะไรออกมา ส่วนที่เหลือไว้เป็นหน้าที่ข้าจัดการเอง”
เจียวอิงสะลึมสะลือลุกขึ้นจากเตียง เหลียวมองรอบตัวไม่เห็นอ๋องจอมบ้ากามก็ถอนหายใจโล่งอก เนื้อตัวหญิงสาวแดงจ้ำซ้ำยังปวดเมื่อยจนแทบจะขยับตัวลงจากเตียงไม่ไหว
เจียวอิงรีบสวมใส่เสื้อผ้าและย่องมายังห้องที่อยู่ติดกับห้องหนังสือ พยายามจะเอาหูแนบผนังเพื่อฟังการสนทนา แต่ผนังนี่หนาเกินไปทำให้นางไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
หญิงสาวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่แล้วก็ตัดใจยอมเดินออกมาจากห้องและตรงไปยังห้องครัว
ด้วยเพราะเสียพลังงานมาก ตอนนี้ท้องน้อยๆ ของเจียวอิงส่งเสียงโครกครากไม่หยุด นางเดินจ้ำเข้ามาหมายจะหาอะไรกินรองท้อง แต่ทันทีที่มือเล็กหยิบหมั่นโถวหอมกรุ่นขึ้นมา เสียงตะเบ็งแหลมสูงก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง
ม่ออี้ สาวใช้ที่เจียวอิงคุ้นหน้าเดินมาแย่งหมั่นโถวไปจากมือ พลางเท้าสะเอวมองค้อนตาเขียว
“พี่ม่ออี้มาแย่งหมั่นโถวของข้าทำไม”
“ของกินของท่านอ๋อง ข้าเตรียมให้ท่านอ๋อง หาใช่เตรียมให้เจ้า!” ม่ออี้ตวาดเสียงดัง
“แต่ท่านอ๋องเคยบอกว่าของกินทุกอย่างภายในจวน ข้าสามารถหยิบกินได้”
“ที่นี่คือจวนอ๋องแปดมีกฎระเบียบที่เจ้าต้องปฏิบัติตาม มิใช่จวนตระกูลหลี่ที่เจ้านึกอยากจะทำอะไรก็ได้” ม่ออี้กล่าวอย่างดูแคลนในชะตาชีวิตที่ตกต่ำของเจียวอิง
“เช่นนั้นนี่ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว งั้นข้าขอ” เจียวอิงยื่นมือออกไปคว้าหมั่นโถวแต่แล้วกลับถูกสาวใช้ผู้ทะนงตัวผลักออกเต็มแรง
“เจ้าฟังไม่เข้าใจหรือไง ข้าบอกว่าข้าเตรียมให้ท่านอ๋อง ไม่ได้เตรียมไว้ให้เจ้า เมื่อตอนบ่ายผิงผิงก็ยกเอาชาและขนมไปให้เจ้าแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมยังตะกละอยู่ได้”
เจียวอิงอยากจะบอกเหลือเกินว่าของว่างเพียงน้อยนิดนั้นยังไม่ถึงครึ่งกระเพาะนางเลยด้วยซ้ำ ชาหรือก็จืดชืด ขนมหรือก็แค่ธัญพืชเม็ดเล็กๆ อย่างกับอาหารหนู
เมื่อคืนถูกหมิ่งจิ้นเหอทรมานจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน กว่าจะลืมตาตื่นก็เป็นช่วงสาย มื้อเช้าไม่ได้แตะต้องอาหาร ส่วนมื้อเที่ยงเจียวอิงได้กินเพียงแผ่นแป้งกับต้มซุปกระดูกหมูเท่านั้น
เจียวอิงมองตามอาหารหลากหลายชนิดที่ยกผ่านหน้าไปก็ร้องโอดครวญ คิดถึงตอนหลบหนีคราวก่อน เจียวอิงหลงทางซ้ำยังถูกฝูงสุนัขจรจัดไล่กัด หญิงสาวจำต้องโยนสัมภาระและของกินทิ้งเพื่อทวงเวลากลุ่มสุนัขหิวโซ นางเอาชีวิตรอดมาได้ แต่ไม่กี่ชั่วยามต่อมาก็เป็นลมล้มพับเพราะความหิว
กลับมาอยู่ในจวนอ๋อง แม้มีที่นอนอบอุ่นปลอดภัยแต่ก็ไม่แคล้วถูกนางมารกลั่นแกล้งให้ต้องอดยาก
เจียวอิงลูบท้องของตนพลางครุ่นคิดอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจเดินตามพวกสาวใช้ออกไป ใช้เสาเป็นที่กำบังตนและขยับจนเข้าใกล้ห้องทานอาหารของหมิ่งจิ้นเหอ
เบื้องหน้าม่ออี้กำลังจัดแจงถ้วยชามประดุจภรรยาปรนนิบัติสามีก็มิปาน เล่อเยว่ฉีที่เห็นยังอดคิดไม่ได้ว่าสาวใช้นางนี้กำลังทำเกินหน้าที่หรือไม่
เจียวอิงเดินเข้าไปเกาะกรอบประตู ปั้นหน้าน่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลิ่นหอมของข้าวอบเกาลัด เป็ดราดน้ำแดง สามชั้นตุ๋นเต้าเจี้ยว และซุปเสฉวน ทำหญิงสาวน้ำลายสอจนเผลอกลืนน้ำลายอยู่หลายรอบ
“นี่เจ้า!” สาวใช้สองนางที่ผ่านมาเห็นพฤติกรรมน่าอายของเจียวอิงรีบปรี่มาดึงนางออกจากบริเวณนั้น
ทว่าความหิวกลับมีอานุภาพรุนแรงกว่าที่คิด มือเล็กเกาะเกี่ยวแน่นปานปลาหมึก ไม่ว่าจะถูกดึงอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
“มีอะไรกัน” หมิ่งจิ้นเหอได้ยินเสียงกุกกักก็ผินหน้ามามอง เห็นเจียวอิงเกาะขอบประตูแน่น ด้านหลังมีสตรีสองนางพยายามดึงเอวและแขนของเจียวอิงอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ฮืออ ทำไมพวกเจ้าใจร้ายนัก ข้าเพียงแค่ขอดมหน่อยเดียวเอง อาหารพวกนั้นไม่สึกหรอเสียหน่อย” เจียวอิงแกล้งบีบน้ำตา
เล่อเยว่ฉีที่หันมาเห็นภาพน่าขันก็งุนงง เอ่ยถามเสียงนุ่ม “ทำไมต้องดมด้วยเล่า หรือเจ้าหิวงั้นหรือ”
“ข้าไม่กล้าหิว” เจียวอิงก้มหน้าต่ำเอ่ยเสียงสั่น
หมิ่งจิ้นเหอปรายตามองครู่หนึ่งก็โบกมือให้เจียวอิงเข้ามา