เจียวอิงค้นพบว่านอกจากเรื่องกินจะเป็นเรื่องที่ตนช่ำชองแล้ว การปลอมตัวเป็นบุคคลอื่นก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวชำนาญมากเช่นกัน
ที่ว่าถูกกักขังไร้ซึ่งอิสระนั้น เป็นสิ่งที่เจียวอิงคิดไปเองทั้งนั้น หากจะพูดถึงสตรีที่มีอิสระกระทำสิ่งใดได้ตามใจชอบแล้ว เจียวอิงเองก็คงเป็นหนึ่งในสตรีเหล่านั้น
หากเจียวอิงอยากจะออกไปเล่นข้างนอกจวน หมิ่งจิ้นเหอก็มิเคยห้าม หนำซ้ำยังให้ตั๋วเงินกับนางไว้ใช้จ่ายตามใจต้องการ หากสิ่งของใดมีราคาที่สูงเกินก็ให้ทางร้านลงบัญชีไว้และมาเรียกเก็บที่จวนอ๋องทีหลังได้
เพราะเหตุนี้เจียวอิงจึงเป็นเสมือนลูกค้าน้ำงามของบรรดาพ่อค้าแม่ขาย ไปที่ใดมีแต่คนเรียกหาอยากให้นางช่วยอุดหนุนซื้อของ
วันนี้เจียวอิงแวะมาที่ร้านตัดชุดร้านประจำ เจ้าของร้านเป็นสตรีวัยกลางคนหน้าตายิ้มแย้มดูเป็นมิตรน่าคบหา
“แม่นางเจียวอิงคนดีคนงามของข้ามาได้ถูกจังหวะเชียว เมื่อวันก่อนมีผ้าไหมเนื้อดีถูกส่งมา สีสันงดงามเหมาะกับแม่นางมากนัก”
เจียวอิงยิ้มทักทายเจ้าของร้าน พลางหันมองไปทางกลุ่มผู้ติดตามทางหลัง นอกจากตั๋วเงินที่หมิ่งจิ้นเหอมอบให้แล้ว กลุ่มบุรุษที่ตามอารักขาก็ถูกส่งมาคุ้มกันนางเช่นกัน
เจียวอิงเดินนำผิงผิงเข้าไปในร้าน ส่วนกลุ่มผู้คุ้มกันยืนประจำการอยู่ด้านนอกร้าน กันไม่ให้คนนอกเข้าและตรวจยามคนในออก เพราะรู้ว่าเจียวอิงเป็นพวกลื่นดั่งปลาไหล หากไม่จับตาดูให้ดี ไม่แคล้วคงได้วิ่งไล่ตามหากันจนค่ำแน่
เจียวอิงดึงมือเจ้าของร้านมากระซิบบอก “วันนี้ข้าต้องการชุดสั่งตัดพิเศษ”
ชุดสั่งตัดพิเศษ เป็นเสมือนรหัสลับที่รู้กันเพียงสองคน
“ครั้งนี้แม่นางจะปลอมเป็นใครอีกเล่าเจ้าคะ”
“ขันที”
เจ้าของร้านเลิกคิ้ว กล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ “คราวนี้เป็นคนของวังหลวงหรือ แม่นางเล่นใหญ่ไปหรือเปล่า ปลอมเป็นขันทีโทษถูกโบยร้อยทีเลยกระมัง”
“ครั้งนี้ข้าทำเพื่อท่านอ๋องนะ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง”
เจ้าของร้านครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพาเจียวอิงไปที่หลังร้าน เบื้องหน้าตัดชุดธรรมดาทั่วไป แต่เบื้องหลังเป็นที่รู้จักอย่างดีในกลุ่มสายลับและองครักษ์เงา ผู้ที่ต้องการไปสืบข่าวหรือแฝงตัวเข้าไปสืบราชการลับ
เจียวอิงมองชุดบุรุษสีน้ำเงินเข้มในมือก็พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปกระซิบบางอย่างกับเจ้าของร้านและหันไปส่งยิ้มให้ผิงผิงที่ยืนทำหน้าเหมือนคนกำลังสำลักน้ำลาย
ใช้เวลาหนึ่งชั่วธูป[2] สตรีนางหนึ่งก็เดินออกมาจากร้าน นางสวมใส่เสื้อคลุมเสื้อดำปิดบังใบหน้า ก้มหน้าก้มตาเดินตรงไปที่รถม้า แต่ยังไม่ทันจะก้าวขึ้นรถ หนึ่งในผู้ติดตามพลันร้องทัก
“เดี๋ยว! แม่นางเจียวอิงไยต้องปิดหน้าปิดตาด้วย แล้วสาวใช้ของท่านอยู่ที่ใด”
“เอ่อ... คือว่านาง” หญิงสาวภายใต้เสื้อคลุมกล่าวเสียงอู้อี้ดูมีพิรุธยิ่งนัก
ทันใดก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากทางด้านหลัง “ประตูหลังร้าน!! แม่นางเจียวอิงวิ่งหนีออกไปแล้ว!”
เหล่าผู้คุ้มกันรีบเร่งวิ่งไปตามเสียงตะโกนทันที หญิงสาวใต้เสื้อคลุมกระตุกยิ้ม ถอดเสื้อคลุมของตนโยนไปบนรถม้าและวิ่งหนีไปอีกทาง
ปล่อยพวกนั้นวิ่งตามเหยื่อล่ออย่างผิงผิงไปก่อน ส่วนตนก็หาหนทางกลืนไปกับกลุ่มคนที่ยืนต่อแถวเข้าวังอยู่เบื้องหน้า
เพราะเป็นงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหนึ่งปี มีผู้คนจากหลากหลายพื้นที่มาร่วมแสดงความยินดี ไหนเลยจะของขวัญที่ถูกส่งมาบรรณาการองค์จักรพรรดิ และบรรดาแขกต่างแคว้นที่ได้รับเชิญ
แม้ไม่ต้องมีป้ายชื่อขันที แต่เจียวอิงก็มั่นใจว่าตนจะสามารถแฝงตัวไปกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้
“นี่!!! เดินไม่ดูทางเช่นนี้ อยากมีเรื่องหรือไง!”
“ใครกันแน่เดินไม่ดูทาง เป็นเจ้าเองที่เดินมาชนข้า”
เจียวอิงมองฝ่ากลุ่มคนหนาแน่น เห็นบุรุษสองคนตั้งท่าอวดเบ่งเด็กชายอายุประมาณสิบหรือสิบเอ็ดปีเห็นจะได้
“ไม่รู้ละ อย่างไรเจ้าก็ต้องจ่ายข้าเสียหายให้ข้า”
อ้อ... พวกรีดไถนี่เอง
“พวกเจ้าเห็นข้าเป็นเด็กจึงคิดจะรังแกกันได้ง่ายหรือ ไม่รู้หรือว่าข้านั้น...”
“เจ้าจะเป็นลูกผู้ดีชนชั้นใหญ่มาจากไหนไม่สำคัญ พวกข้าสนใจเพียงเงินที่เจ้าจะต้องจ่ายมา! หรือไม่ก็เข็มขัดทองบนเอวเจ้า ถอดออกมาให้พวกข้าเสียดีๆ”
เจียวอิงกลอกตามองบน นางกำลังรีบอยู่แท้ๆ แต่หากจะให้เมินเฉยต่อเรื่องอยุติธรรมเช่นนี้ เห็นทีจะทำไม่ได้เช่นกัน
“พวกเจ้าๆ หยุดเลยนะ” เจียวอิงดัดเสียงทุ้ม เดินออกมาเผชิญหน้ากับสองชายนักเลง ยืดอกวางท่ายิ่งใหญ่เต็มที
“เจ้าเป็นใคร ขันทีหรือ?”
“ขันทีอย่างเจ้าอย่ามายุ่งดีกว่า ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ถอยไปไกลๆ”
เจียวอิงยิ้มยียวนอย่างไม่รู้สึกกลัวในคำขู่ เอ่ยเสียงเรียบ “พอดีข้าหาใช่ขันทีธรรมดา แต่เป็นคนของอ๋องแปด”
การยกเอาชื่อหมิ่งจิ้นเหอออกมาพูดถือว่าได้ผลชะงัด ชายสองคนหันมองกันด้วยสีหน้าตื่นกลัว แต่แล้วแสร้งเอ่ยว่าตนไม่กลัวอ๋องแปด
“เช่นนั้นก็ดี เพราะบุคคลท่านนี้เป็นแขกคนสำคัญของท่านอ๋อง ข้าได้รับคำสั่งให้มาพาตัวเขาเข้าวัง แต่หากพวกเจ้า...อยากจะรั้งตัวไว้ ข้าก็คงต้องนำไปรายงาน...”
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นก่อน เอ่อ...หากเป็นคนสำคัญของอ๋องแปด พวกข้าก็จะยกโทษให้สักครั้ง”
“ใช่ๆ เห็นแก่ท่านอ๋อง พวกข้า...พวกข้าไม่เอาเรื่องแล้ว”
กล่าวจบก็พากันวิ่งฝุ่นตลบหายไปอย่างรวดเร็ว