คนจากแคว้นเว่ยโจวหรือ? ในนิยายบอกว่าการก่อกบฏลอบสังหารฮ่องเต้เกิดขึ้นระหว่างประพาสต่างเมือง หรือจะคือแคว้นเว่ยโจว!
เจียวอิงแทบอยากจะทุบกะโหลกหนาๆ ของตนนัก ทำไมตอนอ่านนิยาย ‘ช่วงชิงบุปผางาม’ นางไม่จดจำรายละเอียดให้มากหน่อยนะ อ่านเอาแค่พอรู้เรื่องแต่รายละเอียดปลีกย่อยกลับจำอะไรไม่ได้สักอย่าง น่าโมโหตัวเองจริงเชียว
“แม่นางเจียวอิง”
เจียวอิงคุ้นกับเสียงนุ่มละมุนของอีกฝ่ายดีจึงไม่มีท่าทีตกใจ นางยืดหลังตรงแล้วค่อยๆ หมุนตัวกลับมายิ้มทักทายแขกประจำของจวนอ๋อง
“คุณชายเล่อ ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ”
เล่อเยว่ฉีที่เพิ่งมาถึง เห็นเจียวอิงก้มๆ เงยๆ พลางเอาหูแนบประตูห้องหนังสือก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้ามาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ตรงนี้”
“ขะ...ข้า ข้า ข้ามาแอบฟังเจ้าค่ะ” แก้ตัวเสียเวลา บอกความจริงเลยง่ายกว่า
เจียวอิงขยับตัวเข้าใกล้เล่อเยว่ฉี บอกให้บุรุษโน้มหน้าลงมาและกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู “มีแขกจากแคว้นเว่ยโจวมาขอพบท่านอ๋อง ข้าว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล... เกี่ยวกับฮ่องเต้”
เล่อเยว่ฉีตาเบิกกว้างรีบยกมือปิดปากหญิงสาวโดยไว เมื่อหันมองรอบตัวไม่เห็นใคร เขาก็รีบลากตัวเจียวอิงเข้าไปคุยที่ห้องรับรองที่อยู่ติดกัน
“เจ้าอย่าพูดไป หัวจะหลุดจากบ่าเอาได้”
เจียวอิงยิ้มเจ้าเล่ห์ “คุณชายเล่อ ท่าทางของท่านก็ดูมีพิรุธนัก มีอะไรอยากปรึกษาข้าหรือไม่”
“ปรึกษาเจ้า? ทำไมข้าต้องปรึกษา”
“ข้ามองเห็นอนาคตนะ”
เล่อเยว่ฉีนิ่งอึ้ง กะพริบตาสองสามครั้งแล้วร้อง “หะ”
“จริงๆ นะเจ้าคะ ข้ามองเห็นอนาคต และรู้ด้วยว่าท่านอ๋องวางแผนจะก่อกบฏชิงราชบัลลังก์ แล้วท่านซึ่งเป็นสหายจำต้องให้ความร่วมมือด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เล่อเยว่ฉีอ้าปากค้าง ครั้นรวบรวมสติได้ก็ส่ายหน้าพรืด “ไร้สาระๆ เจ้าไปความคิดอันตรายเช่นนี้มาจากไหน แม้ฮ่องเต้กับท่านอ๋องจะไม่ค่อยลงรอยกัน แต่ท่านอ๋องเองหาใช่คนโหดเหี้ยมถึงขนาดจะสังหารพี่น้องของตนได้”
เจียวอิงทำหน้ามุ่ย “แต่เป็นเรื่องจริงนะ”
“อย่าได้กล่าวเรื่องที่ไม่มีมูลเช่นนี้อีก เจ้าไม่รู้อะไร พูดเช่นนี้ออกมา ท่านอ๋อง...เขาจะเสียใจ”
ประโยคสุดท้ายเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันเบาจนฟังไม่ได้ศัพท์ ทว่าแววตาเศร้าหมองนั้น บ่งบอกอารมณ์ของผู้เอ่ยชัดเจน
ระหว่างฮ่องเต้กับอ๋องแปด จะต้องเคยมีอดีตที่เจ็บปวดร่วมกันแน่
เรื่องในอดีตเอาไว้เจียวอิงค่อยตามสืบทีหลัง จัดการกับอนาคตที่จะมาถึงก่อนดีกว่า
“ข้าเห็นมีเทียบเชิญส่งมาจากวังหลวง จะมีงานเลี้ยงใช่หรือไม่ คุณชายเล่อ ท่านก็จะไปด้วยใช่ไหมเจ้าคะ”
จู่ๆ เจียวอิงพูดเปลี่ยนเรื่องฉับพลัน เล่อเยว่ฉีถึงกลับปรับอารมณ์ไม่ถูก แต่เพราะคิดว่าเจียวอิงคงเห็นตนโกรธจึงอยากปรับเปลี่ยนบรรยากาศกระมัง
“ใช่ งานเฉลิมฉลองขององค์ฮ่องเต้”
“ทว่าหาใช่วันเกิดที่แท้จริงไม่ วันเกิดของฮ่องเต้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ที่เลือกจะจัดงานฉลองในเดือนนี้ก็เพราะ...”
“เจียวอิง!” เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมบานประตูที่ถูกผลักออก บุรุษสูงสง่าก้าวเดินเข้ามาอย่างเร็ว สายตาคมปราบจ้องเจียวอิงก่อนกล่าวเสียงดุ “เจ้าชักจะยุ่งเกินไปแล้ว กลับไปที่ห้องตัวเองเดี๋ยวนี้”
“ตะ...แต่ข้า”
“เดี๋ยวนี้!”
ท่าทีของหมิ่งจิ้นเหอดูโกรธจัดจนใบหน้าขึ้นสีแดง เจียวอิงไม่กล้าดึงดันต่อ รีบก้มหน้าและวิ่งออกไปทันที
คล้อยหลังสตรีไปแล้ว หมิ่งจิ้นเหอก็ถอดหายใจ เดินไปทิ้งตัวนั่งกับเก้าอี้กลางห้อง รินน้ำชาใส่ถ้วยและยกขึ้นดื่ม และรินชาอีกครั้งและดื่มอีก ทำเช่นนั้นวนไปจนจิตใจเริ่มสงบลง
เล่อเยว่ฉีลอบสังเกตท่าทีของหมิ่งจิ้นเหออย่างระวัง เมื่อเห็นสีหน้าบุรุษเริ่มดีขึ้น จึงค่อยเอ่ย “ท่านอ๋องคงไม่ได้บอกแม่นางเจียวอิงกระมัง ว่าวันที่จัดงานฉลองนั้น แท้จริงเป็นวันเกิดของท่าน”
หมิ่งจิ้นเหอส่ายหน้า “ไม่รู้ว่านางไปรู้มาได้อย่างไร”
“แม่นางเจียวอิงเป็นคนฉลาด เรื่องพวกนี้อาจไม่ยากเกินความสามารถของนาง”
“หึ! ฉลาดหรือสอดรู้กันแน่ ข้าละกลัวเหลือเกินว่าบุคลิกที่ไม่เหมือนสตรีใดของนางจะนำภัยมาถึงตัว”
“ท่านอ๋องอย่าคิดมาก ใครๆ ต่างก็รู้ว่าท่านครอบครองนางอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายนางแน่นอน”
หมิ่งจิ้นเหอผงกศีรษะ ก่อนนัยน์ตาจะค่อยๆ กลับมาสงบดังเดิม “เมื่อครู่สายสืบที่ข้าส่งไปแคว้นเว่ยโจวเพิ่งกลับมารายงานความคืบหน้า มีคนจากในวังวางแผนการชั่ว ต้องการจัดฉากว่าขบวนเสด็จประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง”
“หรือกลุ่มคนไม่ประสงค์ดีผู้นั้นจะเป็นกลุ่มโจรกลุ่มเดียวกับที่บุกปล้นบ้านข้า”
“อือ มิผิดแน่ พวกมันต้องการแผนที่เพื่อวางเส้นทางลอบทำร้ายฝ่าบาท และตระกูลเล่อของเจ้าเป็นตระกูลเดียวที่มีแผนที่ที่ว่า”
ตระกูลเล่อไม่เพียงสืบเชื้อสายมาจากขุนนาง แต่บรรพบุรุษหลายคนก็ได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์ผู้เลื่องชื่อ การจดบันทึก คัดลายมือ หรือเขียนแผนที่ของแคว้นต่างๆ นับเป็นเรื่องที่ชำนาญการนัก
การจะเดินทางไปแคว้นเว่ยโจวจำต้องผ่านเส้นทางที่ทุรกันดารพอสมควร เต็มไปด้วยหน้าผาและหุบเหวลึกมากมาย เหมาะนักสำหรับกระทำการลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิ
“และไม่แน่ว่าอาจเกี่ยวพันกับตระกูลหลี่ของเจียวอิง พวกมันต้องการปิดปากพวกที่รู้เรื่อง กลบฝังหลักฐานไม่ให้ผู้ใดสาวถึงตัว เลวบัดซบจริงๆ” หมิ่งจิ้นเหอสูดหายใจลึก สุ้มเสียงกราดเกรี้ยวมากขึ้น “ข้าขอเอาชื่ออ๋องแปดเป็นเดิมพัน อย่างไรก็ต้องเอาคืนพวกมัน จะลากคอไอ้ชั่วที่ใส่ความผู้บริสุทธิ์มาลงโทษให้จนได้!”
หลังจากได้รับรายงานเรื่องแผนการก่อกบฏ หมิ่งจิ้นเหอก็ยุ่งอยู่กับการปรึกษาหารือกับบรรดาพันธมิตรและเหล่าองครักษ์ ไม่มีเวลาว่างไปเย้าแหย่เจียวอิงเหมือนเคย กระทั่งถึงวันที่บุรุษต้องเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงในวัง