ตอนที่ 6...

1845 Words
“เชิญครับคุณพิมพ์” ลูกน้องคนสนิทของออสตินก้มหัวเชิญพิมพ์ลภัสให้ขึ้นรถ หลังจากได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้มารับเธอไปทานอาหารเย็น “อุ๊ย! ไม่ต้องก้มหัวค่ะ พิมพ์ไม่ใช่เจ้านายของคุณสักหน่อย” พิมพ์ลภัสตกใจที่จู่ๆ ก็มีคนมาให้ความเคารพเธอขนาดนี้ และเขาก็ดูจะอายุมากกว่าเธอด้วย “ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผม” เขาบอกอีกครั้งก่อนจะผายมือและเปิดประตูรถให้เธอ “พิมพ์นั่งหน้าได้ไหมคะ” แม้เธอจะเกิดมาในครอบครัวที่มีเงินมีทอง แต่เธอก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูแบบคุณหนูมากนัก เธอจึงไม่อยากทำตัวเป็นเจ้านายของใครสักเท่าไหร่ “ไม่ได้ครับ คุณพิมพ์เป็นผู้หญิงของนาย เชิญนั่งข้างหลังเถอะครับ” “ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากขัดใจเจ้านายของคุณ แต่ฉันจะไม่ขึ้นรถ ถ้าคุณไม่ให้ฉันนั่งข้างหน้า ฉันไม่ชอบนั่งข้างหลัง เพราะมันเวียนหัว แล้วถ้าคุณพาฉันไปหาเจ้านายของคุณไม่ทันเวลาล่ะก็ คุณอยากเดือดร้อนใช่ไหมคุณ... คุณชื่ออะไรคะ” “มาร์คครับ” “คุณอยากเดือดร้อนเหรอคะคุณมาร์ค” เธอถามลูกน้องของออสตินที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี “เชิญคุณพิมพ์ครับ” เขาปิดประตูด้านหลัง และเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้พิมพ์ลภัส “ขอบคุณค่ะ” “คุณมาร์คทำงานกับเค้ามานานแล้วเหรอคะ” พิมพ์ลภัสชวนมาร์คคุย เพราะเห็นเขามีท่าทีเกร็งและอึดอัดที่ต้องนั่งอยู่กับเธอ แถมบรรยากาศรถติดกลางใจเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ยังน่าหงุดหงิดเหลือเกิน “เกือบสิบปีแล้ว” เขาตอบโดยไม่หันมาสบตาเธอ “แล้ว... พวกคุณเป็นใครมาจากไหนเหรอคะ” “คุณออสตินเป็นนักธุรกิจครับ นายรับหน้าที่ดูแลธุรกิจทั้งหมดต่อจากคุณสตีฟ พ่อของนายที่เพิ่งเสียไปเมื่อสามเดือนก่อน” “ทำทั้งธุรกิจผิดกฏหมาย และถูกกฏหมายใช่ไหมคะ” “ผมพูดได้ เท่าที่ผมพูดได้ และคุณพิมพ์ก็ควรจะรู้ แค่ในสิ่งที่นายอยากให้คุณพิมพ์รู้นะครับ” มาร์คเตือนเธอด้วยความหวังดี “ดุกันจัง...” พิมพ์ลภัสถอนหายใจอย่างจำยอม เพราะพวกเขาระมัดระวังตัวกันมากเหลือเกิน “งั้นพิมพ์เปลี่ยนเรื่องดีกว่า คุณมาร์คมีแฟนหรือยังคะ” “ยังครับ” “ว่าแล้ว...” มาร์คไม่พูดอะไรต่อ เขาจ้องมองถนนต่อไป จนพิมพ์ลภัสต้องพูดต่อ โดยที่ไม่รอให้เขาถาม “ก็คุณตัวติดกับเจ้านายคุณแทบจะหายใจเป็นจังหวะเดียวกัน จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟน ถูกไหมคะ” “ครับ” “เปิดเพลงฟังได้ไหมคะ” พิมพ์ลภัสตัดสินใจว่าจะใช้เวลาไปกับการฟังเพลงดีกว่า เพราะการผูกมิตรกับมาร์ค เหมือนจะไม่เป็นไปตามที่เธอหวัง “ทำไมวันนั้นคุณพิมพ์ไม่ตอบรับคำชวนของนายครับ” มาร์คถามเมื่อเสียงเพลงจากวิทยุดังขึ้น “เจ้านายคุณสั่งให้มาถามพิมพ์เหรอคะ” “เปล่าครับ ผมอยากรู้เอง เพราะปกติไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธคุณออสติน ผมเลยอยากรู้ว่าความคิดของผู้หญิงแบบคุณพิมพ์เป็นยังไง” “ถ้าคุณมาร์คหมายถึงเรื่องที่ดาดฟ้าวันนั้น ตอนแรกที่คุณเดินเข้ามาหาพิมพ์ พิมพ์คิดว่าคุณมาร์คต้องการรู้จักพิมพ์ด้วยซ้ำ แต่พอคุณเอ่ยปากบอกว่าเป็นเจ้านายของคุณต่างหากที่เชิญพิมพ์ไปนั่งร่วมโต๊ะ พิมพ์เลยคิดว่าพิมพ์ไม่มีความจำเป็นต้องไปค่ะ เพราะถ้าหากเค้าประทับใจในตัวพิมพ์จริงๆ เค้าจะต้องเป็นฝ่ายเดินมาหาพิมพ์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ส่งคนอื่นมาแทน พิมพ์มองว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ลงทุนเลย การจะเริ่มต้นสานสัมพันธ์กับใครสักคน สิ่งที่แรกที่เค้าควรจะทำ คือทำให้พิมพ์ประทับใจด้วยตัวเค้าเองมากกว่า ถ้าคุณมาร์คชอบใคร ก็อย่าทำแบบนี้นะคะ” “ครับ... จะถึงแล้วนะครับ” มาร์คตอบรับคำขอของพิมพ์ลภัส และในใจของเขาก็ประทับใจกับคำตอบที่แสนจะตรงไปตรงมาของเธอไม่น้อย “รีบถึง รีบคุย จะได้รีบกลับ พิมพ์เบื่อเจ้านายคุณจะแย่ นี่เจอกันแค่ไม่กี่วันทำชีวิตพิมพ์ป่วนไปหมด แล้วดูเจ้านายคุณมาร์คสิคะ ยืนรอเป็นยามเลย” มาร์คแอบหันหน้าไปด้านข้าง เพราะทนไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับความน่ารักของพิมพ์ลภัส เท่าที่เขาสัมผัสได้ตอนนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่มีความกล้าหาญอยู่ในตัวไม่น้อย แถมยังขี้โมโหนิดๆ เอาแต่ใจหน่อยๆ จนเขาอยากรู้ว่าถ้าเธอกลายเป็นแมวขี้อ้อน เธอจะน่ารักแค่ไหน “เดี๋ยวผมเปิดประตูให้ครับ” เมื่อรถจอดนิ่งสนิท มาร์ครีบบอกเมื่อเธอกำลังจะลงจากรถด้วยตัวเอง “ไม่เป็นไรค่ะคุณมาร์ค รอดูเจ้านายคุณหน้าแตกดีกว่าค่ะ” เธอมองออสติน ซึ่งกำลังเดินมาเปิดประตูรถด้านหลัง “ฉันอยู่นี่” พิมพ์ลภัสหัวเราะลั่นที่เห็นหน้าเหวอๆ ของออสติน เมื่อเปิดประตูมาไม่เจอใคร คนที่โดนเยาะเย้ย หลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปิดประตูรถเสียงดัง และเดินมาดึงตัวพิมพ์ลภัสที่ยืนรอเขาอยู่แล้ว “ไมค์! พาคุณพิมพ์ไปรอข้างใน ส่วนแกตามฉันมา” เขามองมาร์คด้วยสายตาที่คนถูกมอง รับรู้ได้ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีแน่ ซึ่งมันทำให้พิมพ์ลภัสและไมค์รู้สึกได้เช่นกัน “ถ้าคุณจะลงโทษคุณมาร์คเพราะอายที่เปิดประตูรถมาไม่เจอฉัน ฉันขอรับผิดแทนคุณมาร์คเอง” “นี่คุณมายุ่งอะไรด้วยหะคุณพิมพ์” ออสตินยืนเท้าเอวอย่างอารมณ์เสีย “ก็ฉันต้องยุ่ง เพราะฉันเป็นคนขอนั่งข้างหน้าเอง ฉันไม่ชอบนั่งข้างหลัง” “คุณเป็นคนของผม คุณต้องนั่งข้างหลัง ไม่ใช่ไปนั่งกับคนขับรถ” “ฉันไม่ได้เป็นคนของคุณ ตัวฉันก็เป็นของฉัน แล้วการที่ฉันนั่งข้างหน้ามันผิดตรงไหน ฉันมีอะไรพิเศษกว่าคุณมาร์คหรือไง มือก็มีสองมือเท่ากัน ขาก็มีสองขาเท่ากัน” “คุณพิมพ์!” ออสตินถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “อะไรคะ!” “ผมบอกให้คุณเข้าไปรอข้างใน” เขาบอกเธออย่างอดทนอดกลั้น “ไม่!” “งั้นก็ขอร้องผมสิ ถ้าอยากช่วยลูกน้องผมมากก็ขอร้องผม” ออสตินเดินเข้าหาพิมพ์ลภัสอย่างวางอำนาจ “ถ้าคุณต่อยเค้า ฉันจะกลับ” พิมพ์ลภัสยักคิ้วให้เขา ส่วนมาร์คก็ยืนก้มหน้ารอรับความผิด ไม่มีปากมีเสียงอะไรทั้งสิ้น “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ เบาๆ หน่อยสิ” พิมพ์ลภัสรั้งตัวเองไม่ให้เอนไปตามแรงของออสตินที่จูงมือเธอ “นี่พวกคุณ ช่วยฉันด้วย” เธอหันไปบอกมาร์คกับไมค์ ที่มองมายังลังเล “ห้ามช่วย! ใครช่วย ฉันจะยิงทิ้งตรงนี้แหละ!” ออสตินหันมาตะคอกใส่ลูกน้องทั้งสอง ก่อนจะแบกตัวพิมพ์ลภัสขึ้นบ่า และโยนเธอลงบนรถ “ปล่อยนะคุณ! ปล่อยฉัน!” พิมพ์ลภัสดิ้นสุดแรงเกิด และพยายามเปิดประตูรถอีกฝั่ง เพื่อหนีเอาตัวรอด ป๊าบ! เสียงมือใหญ่ตีลงบนก้นกลมที่ขยุกขยิกอยู่ตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว “ถ้าไม่หยุด ผมจะจูบคุณต่อหน้าลูกน้องผมตรงนี้!” “ขู่อยู่นั่นแหละ เป็นงูหรือเป็นหมาหะ! ไม่ดั่งใจอะไรก็ขู่” “ผมไม่ได้ขู่ ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู” เขาบอกเสียงเข้ม พร้อมหน้าตาที่สื่อว่าเขาไม่ได้พูดเล่น พิมพ์ลภัสตัดสินใจหยุดขยับตัว ให้ออสตินคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ เธอมองเขาที่กำลังเดินอ้อมไปยังอีกฝั่งของรถอย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อเขากำลังจะเปิดประตูรถอีกฝั่ง พิมพ์ลภัสก็ปลดเข็มขัด พร้อมกับวิ่งหนีเขาอย่างสุดชีวิต “ตามไปจับสิวะ! ยืนงงบ้าอะไร!” มาร์คและไมค์สะดุ้งเฮือก พวกเขาวิ่งตามพิมพ์ลภัสไป โดยที่มาร์คถึงตัวเธอก่อน “ต่อยผมครับคุณพิมพ์” เขาแกล้งล็อคตัวพิมพ์ลภัสเอาไว้หลวมๆ “หะ?!” เธองงในสิ่งที่เขาพูด “ต่อยผม เตะเป้าผมก็ได้ แล้ววิ่งหนีไปครับคุณพิมพ์” เขาไม่อยากเห็นเธอโดนออสตินทำร้าย และไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงตัดสินใจทำแบบนี้ “งั้น... งั้นพิมพ์ขอโทษนะคะ” เธอบอกและหันตัวกลับมาถลกกระโปรงยาวให้สูงขึ้น ขาเรียวยกเตะเข้าที่เป้าของมาร์ค เธอไม่รู้ว่าเธอเตะโดนหรือเปล่า แต่มาร์คก็กลิ้งลงไปกองที่พื้นอย่างโอดครวญ ส่วนไมค์ที่วิ่งตามมาติดๆ ก็หยุดมองเพื่อนซี้คู่หูไม่นานด้วยความสับสน ก่อนจะวิ่งไปจับตัวพิมพ์ลภัสเอาไว้ตามคำสั่งของออสติน “เอาตัวมา!” ออสตินหน้าตาดุร้ายอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน หน้าและหูของเขาแดงแจ๋ด้วยความโกรธ “ไอ้ออสติน ไอ้ทุเรศ” ทันทีตัวพิมพ์ลภัสอยู่ในมือของออสติน เขาก็ทำตามที่ขู่เธอไว้ นั่นก็คือจูบเธอในทันที! “ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าผมเอาจริง” เขาพูดจบก็บดขยี้ริบฝีปากเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นชื้นดุนดันปากของเธอที่ปิดกั้นเขา จนลิปสติกสีแดงอ่อนๆ ของเธอเปรอะเปื้อนไปรอบปากของทั้งคู่ ออสตินบุกรุกพื้นที่ปากบางโดยไม่สนใจกำปั้นเล็กๆ ที่ทุบหลังเขา รวมทั้งสายตาของมาร์คและไมค์ที่ยืนมองอยู่เนิ่นนาน และเมื่อเขาสัมผัสได้ว่ามีน้ำใสๆ ไหลอาบแก้มของเธอ เขาก็หยุดการกระทำอันอุกอาจลง “คุณนี่มันเลวจริงๆ” พิมพ์ลภัสมองหน้าออสตินด้วยความโกรธแค้น แต่คนที่โดนด่าอย่างเขาก็ไม่สนใจใยดีต่อคำตำหนิติเตียน ออสตินใช้จังหวะที่ปากบางอ้ากว้างแทรกลิ้นเข้าไปข้างใน ที่ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขาได้ลิ้มรส มันก็ไม่ทำให้เขาเบื่อ และยังทำให้เขาอยากจะกลืนกินมันทุกวี่วัน พิมพ์ลภัสยังคงใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิด ทุบตีหลังเขา แต่ยิ่งเขาตวัดลิ้นกลืนกินโพรงปากของเธอมากเท่าไหร่ เธอก็เหมือนถูกดูดเรี่ยวแรงที่มีไปด้วย “เปิดประตูรถ!” เขาสั่งลูกน้อง พร้อมกับช้อนร่างบางที่หมดสติของพิมพ์ลภัสมาไว้ในอ้อมแขน “นายจะไปคนเดียวเหรอครับ” มาร์คถามเมื่อเห็นออสตินตรงไปยังที่นั่งคนขับ “ใช่! ส่วนมึง กูจะกลับมาจัดการ!” เขาชี้หน้ามาร์คอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเปิดประตูรถดัง ปั้ง! แล้วขับรถออกไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD