ตอนที่ 2...

2505 Words
“ป๋า! พิมพ์มาแล้วค่ะ” พิมพ์ลภัสส่งเสียงดังมาก่อนตัว ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปหาชายสูงวัยที่ยืนอยู่กลางห้องพัก “คิดถึงป๋าไหม” ดิเรกละสายตาวางวิวอันสวยงาม ก่อนจะอ้าแขนรอผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิต “คิดถึงมากค่ะ” พิมพ์ลภัสโผเข้ากอดดิเรกไว้แน่น “แต่พิมพ์ไม่ชอบที่อยู่ดีๆ ป๋าก็มาหาพิมพ์แบบนี้เลยค่ะ” “ทำไมล่ะ หืม? เดี๋ยวนี้พ่อจะแวะมาหาลูกสาวบ้างไม่ได้หรือไง” เขาลูบผมลูกสาวคนเดียวอย่างเอ็นดู “มาได้อยู่แล้วค่ะ แต่ทุกครั้งที่ป๋ามาหาพิมพ์ ป๋าไม่ได้มาแต่ตัวน่ะสิคะ มีงานใหญ่มาให้พิมพ์ทำทุกทีเลย” “ครั้งนี้ก็ด้วยนะ” เขายิ้มให้ลูกสาวที่เริ่มทำหน้ามุ่ย “อีกแล้ว...” “จำที่หนูสัญญากับป๋าได้หรือเปล่า ว่าหลังจากหนูเรียนจบหนึ่งปี หนูจะต้องเรียนรู้งานของครอบครัวเรา” “จำได้ค่ะ” พิมพ์ลภัสหุบยิ้มทันที แต่เมื่อเธอสัญญากับผู้เป็นพ่อไว้แล้ว ว่าเธอจะช่วยดูแลธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่งของครอบครัว แม้ว่าเธอจะขอทำงานที่เธอรัก นั่นก็คืออาชีพมัณฑณากรเป็นเวลาหนึ่งปีก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้บริหาร และเวลาของความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนเวลาล่วงเลยมาเกือบสองปี พ่อของเธอจึงทวงถามคำสัญญาขึ้น... “แล้วหนูเลือกได้หรือยัง ว่าจะหนูจะเลือกบริษัทไหน” “โรงแรมค่ะ อย่างอื่นให้พี่ชายภูมิกับพี่พลจัดการดีกว่า อย่างน้อยงานโรงแรมก็ยังมีอะไรที่เกี่ยวกับการออกแบบอยู่บ้าง ขืนให้พิมพ์ดูแลบริษัทขนส่งหรือไปดูแลงานนำเข้ารถยนต์ มีหวังบริษัทที่ป๋าดูแลมาเป็นสิบปีได้เจ๊งภายในสามวันแน่” “ดีมากลูกพ่อ แค่หนูทำตามที่สัญญาไว้ พ่อก็ดีใจมากแล้ว” “แล้วพิมพ์ต้องเริ่มงานวันไหนคะ” “พรุ่งนี้เลย พ่อสั่งคุณนิดให้ดูแลหนูเรียบร้อยแล้ว” “พรุ่งนี้เลยเหรอคะ” “พรุ่งนี้เลย ไม่เริ่มตอนนี้จะเริ่มตอนไหน แล้วไม่ต้องมาอ้างเรื่องเวลาด้วย แค่กดลิฟต์ลงไปจากห้องนี้ไม่กี่ชั้นก็ถึงห้องทำงานแล้ว หวังว่าจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังนะพิมพ์” ดิเรกยิ้มใจดี แต่น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยคำสั่ง “ค่ะ” พิมพ์ลภัสตบปากรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่มือผู้เป็นพ่อเดินออกจากห้องพักสุดหรูของเธอไป เธอมองไปรอบห้องอย่างเหนื่อยใจ แต่ยังไงก็ต้องทำงานที่พ่อของเธอมอบหมายให้ เพราะถ้าไม่มีพ่อของเธอ ชีวิตของเธออาจจะไม่ได้สุขสบายอย่างทุกวันนี้ เธออาจจะตกระกำลำบากอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลก แทนที่จะอยู่ในสถานที่ดีๆ แบบนี้ “พี่ภูมิ! มาทำอะไรเนี่ย ไม่ต้องทำงานเหรอ” พิมพ์ลภัสทักทายภัครภูมิ พี่ชายคนโตของเธอ ที่ทำหน้าที่ดูแลธุรกิจขนส่งสินค้าของครอบครัว “ก็มาหาพิมพ์นั่นแหละ มีเรื่องให้ช่วย” “ให้พิมพ์ช่วยเนี่ยนะ? พิมพ์จะช่วยอะไรที่ภูมิได้? พิมพ์ทำงานวันแรก พี่ภูมิก็หางานให้พิมพ์ทำเพิ่มซะแล้ว” “พอดีพี่มีหุ้นส่วนคนใหม่ของบริษัท เค้าต้องการที่อยู่ เพราะต้องอยู่ดูแลงานที่นี่อีกหลายเดือน พอจะมีห้องว่างที่โรงแรมสักห้องหรือเปล่า” “เค้าต้องการห้องแบบไหนล่ะคะ ถ้าห้องพักธรรมดาก็มีแน่นอนค่ะ แต่ส่วนที่เปิดให้เช่าเป็นที่อยู่ถาวร พวกคอนโดกับห้องสวีท เหลือไม่กี่ห้องค่ะ” “เดี๋ยวพิมพ์คุยกับเค้าเองเลยดีกว่า มานู่นแล้ว” “สวัสดีครับคุณออสติน นี่พิมพ์ลภัส น้องสาวผมครับ เธอดูแลธุรกิจโรงแรมของครอบครัว พิมพ์ นี่คุณออสติน หุ้นส่วนใหม่ของบริษัทพี่” ภัครภูมิแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน “สวัสดีค่ะ” พิมพ์ลภัสยกมือไหว้เขาตามมารยาท เพราะตอนนี้เขามีสถานะเป็นลูกค้าของเธอ “สวัสดีครับ” ออสตินรับไหว้เธอตามวัฒนธรรมไทย พร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ให้หญิงสาวที่ปฏิเสธเขาเมื่อคืนนี้ “วันนี้พิมพ์จะเป็นคนดูแลเรื่องที่พักตลอดเวลาที่คุณออสตินพักที่เมืองไทยนะครับ อยากได้ห้องแบบไหน วิวแบบไหน หรือต้องการอะไรเพิ่มเติม สอบถามพิมพ์ได้เลยนะครับ น้องสาวผมอาจจะยังมือใหม่อยู่บ้าง เพราะเพิ่งเข้ามาดูแลที่นี่ได้ไม่นาน แต่ไม่ทำให้คุณออสตินผิดหวังแน่นอนครับ” “ขอบคุณมากครับ” “งั้นผมขอตัวกลับไปดูแลงานที่บริษัทก่อนนะครับ” “ครับ” ออสตินตอบรับก่อนจะหันกลับมามองพิมพ์ลภัสอีกครั้ง “ฝากด้วยนะพิมพ์ พี่ไปละ ศุกร์นี้เจอกันที่บ้าน” เขาตบบ่าน้องสาว ก่อนจะเดินออกไป “สวัสดีครับคุณพิมพ์ เจอกันอีกแล้วนะครับ” “สวัสดีอีกครั้งค่ะ คุณจัสตินใช่ไหมคะ” พิมพ์ลภัสทำหน้าสงสัย แต่ก็ยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร “ออสตินครับ ไม่ใช่จัสติน” ออสตินเหวอไปเล็กน้อย ก่อนจะแก้ชื่อของตัวเองให้ถูกต้อง “อ๋อ ขอโทษด้วยนะคะที่จำชื่อคุณผิดไป พอดีฉันต้องเจอคนที่หน้าตาคล้ายๆ กับคุณไม่เว้นวันเลยค่ะ เลยสับสนนิดหน่อย” “ไม่เป็นไรครับ หวังว่าต่อไปจะจำไม่ผิดนะครับ” “แน่นอนค่ะ คุณจัส... เอ้ย คุณออสติน เราไปคุยเรื่องห้องพักกันเลยดีไหมคะ” ออสตินได้ฟังก็รู้ว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นลืมชื่อเขา เขานับหนึ่งถึงสิบในใจ เพื่อระงับอารมรณ์โกรธของตัวเองที่ถูกเธอหักหน้าต่อหน้าลูกน้อง ส่วนพิมพ์ลภัสก็ส่งยิ้มใสซื่อให้เขา ก่อนจะเดินนำเขาไปที่ห้องทำงาน และสั่งให้เลขานำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้แขกคนสำคัญ เพราะเขาเป็นถึงหุ้นส่วนของพี่ชาย และกำลังจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเธอด้วย “พิมพ์ขออนุญาตสอบถามข้อมูลคร่าวๆ หน่อยนะคะ ว่าคุณออสตินต้องการห้องพักแบบไหนคะ เนื่องจากทางโรงแรมมีห้องพักหลายรูปแบบ หลายสไตล์ พิมพ์จะได้แนะนำให้ถูกค่ะ” พิมพ์ลภัสเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่โหมดทำงาน เธอมีท่าทีจริงจัง และไร้พิษสงกับเขาต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง “คุณพิมพ์ลองเดาสิครับ ว่าผมชอบแบบไหน” เขานั่งไขว่ห้างและกอดอกเท่ๆ โดยไม่สนใจรูปภาพห้องพักที่พิมพ์ลภัสจัดวางไว้ให้เขาดู “ได้ค่ะ แต่พิมพ์ไม่ใช่หมอดูนะคะ อาจจะเดาใจคุณไม่ถูก” “ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณสำรวจผมได้ทุกซอกทุกมุม เผื่อว่าจะเป็นคำใบ้ให้คุณได้บ้าง” เขาปล่อยมือที่กอดอก แล้วถอดเสื้อสูทราคาแพงพาดไว้ที่โซฟา ก่อนจะนั่งท่าเดิมอีกครั้ง “ค่ะ... พี่ชายพิมพ์บอกว่า คุณออสตินจะต้องทำงานที่เมืองไทยหลายเดือน ดังนั้นพิมพ์ขอแนะนำเป็นห้องสวีทห้องนี้นะคะ ห้องนี้อยู่ชั้นเจ็ดสิบห้าของตึก มีลิฟต์สำหรับใช้งานส่วนตัว ภายในห้องตกแต่งสไตล์โมเดิร์น แต่ก็ยังคงแฝงไปด้วยความเรียบหรูของเฟอร์นิเจอร์สีดำและเทา ที่ตัดกับความทันสมัยอย่างลงตัว ในส่วนของห้องนอนใหญ่ ผนังหนึ่งด้านเป็นกระจกใสคุณภาพดี ทำให้สามารถมองเห็นวิวเมือง และแม่น้ำเจ้าพระยาโดยที่ไม่มีอะไรบดบัง มีสระว่ายน้ำส่วนตัวที่ระเบียงด้านนอก มีสวนย่อมขนาดเล็ก และยังมีห้องนอนเล็กอีกสองห้อง ห้องอ่านหนังสือ ห้องดูหนัง ห้องครัวที่แบ่งเป็นครัวไทยและครัวแบบฝรั่งค่ะ” “ห้องสวยๆ แถมยังตกแต่งครบครันขนาดนี้ ทำไมไม่มีคนซื้อล่ะครับ” “เราไม่ได้เปิดขายค่ะ เป็นห้องที่เราเปิดให้เช่าชั่วคราว ส่วนที่ทำรายได้หลักให้กับเรา คือส่วนของคอนโดมิเนียม พื้นที่เช่าร้านขายสินค้าหลากหลายประเภท ร้านอาหาร และห้องประชุมต่างๆ ค่ะ” “คุณมีเหตุผลเพิ่มเติมอะไรไหม ที่แนะนำห้องนี้ให้ผม” ออสตินอยากรู้ความคิดของพิมพ์ลภัสมากขึ้น จึงเอ่ยถามเธอไปตรงๆ “ห้องสวีทนี้เหมาะกับคุณดีค่ะ เพราะมีพื้นที่ครอบคลุมชั้นเจ็ดสิบห้าทั้งชั้น นั่นหมายความว่า จะไม่มีใครรบกวนความเป็นส่วนตัวของคุณ มีห้องพักแยกสำหรับเพื่อนร่วมงานอีกสองคนของคุณที่ยืนรออยู่ด้านนอก ไม่มีตึกสูงใดๆ บดบัง นั่นก็หมายความว่า คุณจะรอดพื้นจากการถูกซุ่มยิง และถ้าเกิดคุณพาสาวๆ มาดินเนอร์ที่ห้องพักด้วย บรรยากาศก็โรแมนติกดีนะคะ วิวจากแสงไฟ วิวแม่น้ำ และลมพัดเย็นๆ ผู้หญิงของคุณต้องชอบแน่นอนค่ะ” “นี่คุณมองไปถึงวันที่ผมพาผู้หญิงมานอนด้วยเหรอ” “ใช่ค่ะ ก็คุณบอกให้ฉันลองเดาใจคุณนี่คะ” “ผมขอดูสถานที่จริงได้ไหม ส่วนเรื่องราคาผมไม่เกี่ยงอยู่แล้ว ถ้าห้องพักถูกใจ ผมยินดีจ่ายค่าเช่าตลอดสัญญาทันที” “ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลย” พิมพ์ลภัสพาออสตินมาถึงห้องพักที่เธอแนะนไ ก่อนจะพาเขาสำรวจพื้นที่ต่างๆ อย่างรู้จริง เพราะเธอเป็นคนออกแบบและตกแต่งห้องนี้เอง “วิวสวยจริงๆ ด้วย” เขายืนทอดสายตาเมื่อยืนอยู่ในห้องนอน เบื้องหน้าของเขาเมื่อมองผ่านกระจกก็คือแม่น้ำสายยาวที่ไหลผ่านบ้านเรือนและตึกสูงทั้งสองฝั่ง รถราที่วิ่งอยู่บนถนน เมื่อถึงยามค่ำคืน แสงไปจากมันคงจะสวยงามไม่น้อย “ขอตัวสักครู่นะคะ” พิมพ์ลภัสขัดจังหวะการดื่มด่ำบรรยากาศของว่าที่ลูกค้ากระเป๋าหนัก เพราะเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น “เชิญครับ” เขาผายมือตอบเธอ พร้อมจะแกล้งเดินสำรวจส่วนต่างๆ ของห้อง แต่ความจริงแล้ว เขาตั้งใจเดินตามเพื่อแอบฟังเธอคุยโทรศัพท์นั่นเอง... “พิมพ์ไม่แน่ใจว่าจะปลีกตัวไปได้ตอนไหนเลยค่ะ พิมพ์ต้องอยู่ดูแลลูกค้าก่อน เดี๋ยวพิมพ์ส่งรหัสเข้าห้องไปให้ รบกวนพี่นิดดูแลแทนพิมพ์หน่อยนะคะ พิมพ์ไม่อยากให้ช่างมาเสียเที่ยวค่ะ ส่วนงานที่ช่างต้องทำ พิมพ์แจ้งรายละเอียดไว้เค้าไว้แล้วค่ะ ขอบคุณพี่นิดมากนะคะ” พิมพ์ลภัสวางสายจาก นิดา หรือ นิด ผู้เป็นเลขาของเธอ “อุ๊ย!” พิมพ์ลภัสสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อหันมาเจอออสตินยืนห่างจากตัวเพียงแค่สองเมตรเท่านั้น “ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจ” เขาบอกก่อนจะเดินผ่านเธอไปสำรวจส่วนต่างๆ ของห้อง “ผมชอบห้องนี้นะครับ แต่มันก็ยังรู้สึกไม่ใช่ยังไงก็ไม่รู้ มีห้องอื่นอีกไหมครับ” “มีค่ะ แต่จะมีขนาดเล็กกว่าห้องนี้เกือบครึ่ง ส่วนความเป็นส่วนตัวก็อาจจะน้อยกว่า เพราะต้องใช้ลิฟต์ร่วมกับอีกห้องที่อยู่ชั้นเดียวกันค่ะ” “หนึ่งชั้น มีสองห้อง?” ออสตินทำหน้าสงสัย “ใช่ค่ะ แต่เราไม่ได้ปล่อยเช่านะคะ เราขายอย่างเดียว ตอนนี้เหลือสามห้อง จากชั้นเจ็ดสิบ หกสิบแปด และหกสิบเจ็ดค่ะ ถ้าคุณสนใจ ฉันจะพาไปชมค่ะ” “งั้นถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ผมขอดูทุกห้องเลยนะครับ” “พี่นิด!” พิมพ์ลภัสตกใจที่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็เจอเลขาและช่างที่เธอให้มาซ่อมโทรทัศน์ให้เธอ ออสตินมองตัวเลขที่ลิฟต์ก็รู้ว่าเธอต้องพักอยู่ที่ชั้นนี้แน่นอน เพราะเมื่อครู่นี้เขาได้ยินเธอคุยโทรศัพท์... ชั้นเจ็ดสิบ “สวัสดีค่ะ” นิดายกมือไหว้ออสติน ก่อนจะหันมาพูดกับพิมพ์ลภัส “เรียบร้อยแล้วนะคะคุณพิมพ์ ช่างบอกว่าสัญญาณไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ แค่ปลั๊กที่เชื่อมต่อสัญญาณกับทีวีมันหลุดค่ะ” นิดากระซิบบอกเธอเบาๆ เพราะกลัวเธอจะขายหน้า “อ๋อ... ขอบคุณมากค่ะ” เธอลากเสียงยาวอย่างเขินอาย เพราะเมื่อคืนโทรทัศน์ของเธอดูไม่ได้ เธอจึงคิดเอาเองว่ามันเป็นเพราะกล่องสัญญาณทีวีดิจิตอลที่เธอเพิ่งติดตั้งไปเมื่อไม่นานมานี้ “ค่ะ พี่ลงไปส่งช่างก่อนนะคะ” “ค่ะ ขอบคุณพี่ช่างด้วยนะคะ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลาค่ะ” พิมพ์ลภัสรู้สึกผิดและอับอายในความโง่ของตัวเองเหลือเกิน แต่บทสนทนาทั้งหมดก็ไม่สามารถปิดกั้นการได้ยินของออสติน จนเขาเผลอยิ้มออกมา เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกข้อ นั่นก็คือ พิมพ์ลภัส ไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยีเอาซะเลย “ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะคะ เชิญทางนี้ค่ะ” เธอเดินนำเขาไปที่ห้องสวีทอีกห้อง ที่อยู่คนละฝั่งกับห้องของเธอ ออสตินทำเป็นเดินสำรวจห้องเงียบๆ เพราะเขาตัดสินใจตั้งแต่ยืนรอพิมพ์ลภัสแล้วว่า ไม่ว่าห้องนี้จะตกแต่งยังไง สไตล์ไหน ราคาเท่าไหร่ เขาก็ไม่สนใจ เขาสนใจแค่ว่ามันอยู่ชั้นเดียวกับห้องพักของพิมพ์ลภัสเท่านั้น “ผมซื้อห้องนี้” ออสตินพูดทำลายความเงียบ ถึงเขาจะไม่ถูกใจห้องนี้เท่ากับห้องแรก แต่ยังไงเขาก็จะอยู่ห้องนี้เท่านั้น “ไม่ชมสองห้องที่เหลือก่อนเหรอคะ” พิมพ์ลภัสรู้สึกกังวล ที่ต้องอยู่ร่วมชั้นกับเขา ในหัวของเธอแอบคิดไปว่า ที่เขาเลือกห้องนี้ เพราะเขาได้ยินเธอคุยโทรศัพท์แน่ๆ “ไม่ล่ะ ผมชอบห้องนี้” “แต่...” “ขอหนังสือสัญญาให้ผมด้วยครับ ผมต้องการย้ายเข้าวันนี้” “ได้ค่ะ เชิญที่ห้องรับรองเลยค่ะ” พิมพ์ลภัสเลิกเซ้าซี้ เพราะเขาคือลูกค้ากระเป๋าหนักและการเซ็นสัญญาซื้อการก็เสร็จสิ้นภายในหนึ่งชั่วโมง “ขอบคุณมากนะคะ” พิมพ์ลภัสยกมือไหว้ออสติน “ยินดีครับ” “นี่เป็นรหัสเข้าห้องค่ะ คุณออสตินสามารถเปลี่ยนเป็นตัวเลขที่ต้องการหรือจะใช้ระบบแสกนนิ้วมือควบคู่ไปด้วยก็ได้ เพื่อความปลอดภัยของคุณค่ะ” “ครับ” “เดี๋ยวดิฉันให้พนักงานไปส่งคุณที่ห้องพักนะคะ” “ไปทานข้าวเที่ยงกันไหมครับคุณพิมพ์” เขาเปลี่ยนเรื่องทันที “ขออนุญาตเสียงมารยาทนะคะ ฉันไม่ไปค่ะ” พิมพ์ลภัสตกใจกับคำชวนที่แสนจู่โจม แต่ก็พยายามรักษาอาการเอาไว้ “โอเคครับ ไม่ไปก็ไม่ไป” ออสตินเดาไว้แล้วว่าต้องได้รับคำตอบนี้ เขาก็แค่ลองเสี่ยงดูสักหน่อย “ขอบคุณค่ะ” “ขอตัวนะครับ” เขายิ้มให้เธอ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับรอง พร้อมกับลูกน้องอีกสองคนของเขาที่เดินตามเขาไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD