‘ระหว่างเรามันไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องบนเตียง’
ประโยคทิ่มแทงหัวใจที่ธีทัตเอ่ยกับเธอเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วยังคงดังก้องอยู่ในหู
สองแขนเรียวเสลาโอบกอดร่างแน่งน้อยของตัวเองที่กำลังสั่นสะอื้น เธอร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตาให้ไหล ทว่าความเสียใจกลับไม่แห้งหายเหมือนเช่นหยาดน้ำตา วันนี้บุษบารู้แล้วว่าหนึ่งปีที่เธออยู่ข้างกายเขาไม่มีค่าเลยสักนิด ผิดกับผู้หญิงอีกคนที่เขาทั้งรักและเทิดทูนสุดหัวใจ ทั้งๆ ที่เธอคนนั้นมีเจ้าของแล้ว แต่ธีทัตก็ยังไม่ยอมตัดใจเสียที ยังคอยวนเวียนไปที่ร้านกาแฟของอวัศยาอยู่เรื่อยๆ ราวกับผีไม่มีศาล แสร้งทำเป็นเพื่อนที่แสนดี แต่แท้ที่จริงแล้วในใจคงคิดไม่ซื่อล่ะสิ
ฮึ! แล้วเธอจะยังทนอยู่กับผู้ชายคนนี้ต่อไปทำไม ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นค่า ไม่เคยมีเธออยู่ในสายตา งั้นก็ทางใครทางมันแล้วกัน
บุษบาลุกขึ้นจากเตียง เจ้าหล่อนเดินตรงไปยังกระจกเงาบานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล เธอมองตัวเองในกระจกบานนั้น ยิ่งมองก็ยิ่งรับสภาพไม่ได้ ใบหน้าที่เคยงดงามสดใส ยามนี้ทั้งหมองทั้งโทรม หนำซ้ำดวงตาทั้งสองข้างยังปูดบวมเพราะพึ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“สภาพ!” เธอเดินไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำแล้วกลับมาหยุดยืนที่หน้ากระจกเช่นเดิม หญิงสาวหยิบเครื่องสำอางขึ้นมาแล้วบรรจงแต่งหน้าให้ตัวเอง “อืม.. ใช้ได้” จากศพเดินได้เมื่อครู่กลับกลายเป็นสาวงามในเวลาเพียงไม่กี่นาที
ในเมื่อชีวิตนี้ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง ไม่มีพันธะ แล้วทำไมเธอต้องมาทำตัวแห้งเฉาในห้องชุดแห่งนี้ด้วยล่ะ สู้ออกไปเปิดหูเปิดตาเปิดโอกาสให้ตัวเองไม่ดีกว่าหรือ?
คิดได้ดังนั้นบุษบาก็หยิบกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องนอนทันที
“จะไปไหน”
หากเมื่อครู่ไม่ได้ฟังผิดไป คล้ายว่าน้ำเสียงธีทัตที่เปล่งออกมามีความไม่พอใจแฝงอยู่ด้วย
บุษบากระตุกยิ้ม เธอหันหลังไปสบตากับเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ “ไปเที่ยวค่ะ”
คิ้วเข้มที่พาดผ่านดวงตาคู่คมกระตุกเล็กเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อ้อ”
อ้อ!
แค่เนี้ย?
คนที่หลงดีใจไปว่าชายหนุ่มจะห่วงจะหวงตนบ้าง เมื่อความหวังพังทลาย อารมณ์โกรธระคนน้อยใจที่มีอยู่แล้วในตอนแรกก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
“ไม่คิดจะห้ามกันหน่อยเหรอคะ” รู้หรอกว่าเขาไม่เคยมีเธออยู่ในสายตา แต่อย่างน้อยเราสองคนก็ได้ชื่อว่าเป็นผัวเมียกันทางพฤตินัย นี่เขาไม่รู้สึกอะไรกับเธอสักนิดจริงๆ หรือ
บุษบามองมายังเขาด้วยสายตาตัดพ้อ ซึ่งเธอกำลังทำเกินกว่าสิทธิ์ที่ตัวเองมี หรือบางทีที่หญิงสาวเป็นเช่นนี้ก็เพราะการกระทำของตัวเขาเองที่ทำให้เจ้าหล่อนเข้าใจผิด
“พี่บอกบุษแล้วไงว่าถ้าบุษจะไปจากพี่ พี่ไม่เคยว่า แต่อย่ามาประชดประชันพี่แบบนี้ พี่ไม่ชอบ และที่สำคัญบุษไม่มีสิทธิ์ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน”
คำพูดที่พูดออกไปอาจทำร้ายจิตใจคนฟัง แต่นั่นคือความจริงที่บุษบาควรจำให้ขึ้นใจ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ไร้ซึ่งข้อผูกมัด ไม่มีข้อตกลงอะไรใดๆ ทั้งนั้น
ราวกับถูกลากไปตบหน้าแรงๆ กลางสี่แยกไฟแดงแล้วกระทืบซ้ำ น้ำตาที่เหือดแห้งหายไป ค่อยๆ รินไหลลงมาอาบสองแก้ม กระนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการยืนจ้องหน้าเขาแล้วร้องไห้เงียบๆ ไม่อาจฟูมฟายหรือโวยวาย เพราะที่ธีทัตพูดมานั้นถูกทุกอย่าง เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาไม่ได้เลี้ยงดูเธอในฐานะนางบำเรอ สถานะเราสองคนตอนนี้เรียกว่าคู่นอนที่อยู่ร่วมห้องกันก็คงไม่ผิด ส่วนคำว่าผัวเมียทางพฤตินัยนั้น เธอแค่เข้าใจผิดคิดไปเองฝ่ายเดียว
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เธอพยายามทำดีกับเขาทุกอย่าง เอาใจสารพัด ทำอะไรก็จะคิดถึงเขาเป็นคนแรก ไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือหายใจออกก็มีแต่ธีทัต เพราะคิดว่าสักวันความดีของตัวเองจะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจเขาบ้าง แต่ช่างน่าเสียดาย.. ความอดทนเธอมีไม่มากพอที่จะรอให้ถึงวันนั้น
“หนึ่งปีที่เราอยู่ด้วยกันมา พี่ไนซ์ไม่รู้สึกอะไรกับบุษเลยจริงๆ เหรอคะ”
“บุษก็รู้นี่ว่าพี่รักใคร ที่ผ่านมาถ้าพี่ทำให้บุษเข้าใจพี่ผิด พี่ขอโทษด้วยแล้วกัน” ในวันที่เขาเสียใจ เขามองไม่เห็นใครนอกจากบุษบา เรื่องราวของเราเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่อวัศยากลับไปคืนดีกับณภัทร แล้วทุกอย่างก็เลยเถิดมาจนถึงตอนนี้
เรียวปากอิ่มเหยียดยิ้มหยัน เวลานี้บุษบารู้สึกสมเพชเวทนาตัวเองยิ่งนัก อยากหัวเราะให้ดังลั่น กระนั้นความรู้สึกจุกอยู่ที่อกก็ทำให้เธอทำได้เพียงแค่ก้มหน้ารับความจริงที่ธีทัตพูดตอกหน้า
“โอเคค่ะ บุษเข้าใจแล้ว” เธอยกแขนขึ้นปาดน้ำตาแล้วส่งยิ้มให้ธีทัต .ในเมื่อเขาไม่รัก ต่อให้บังคับยังไง หรือร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด เขาก็ไม่รัก สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือหันกลับมารักตัวเองแล้วก้าวเดินไปข้างหน้า “แล้วนี่พี่ไนซ์จะไปงานวันเกิดคุณเอ๋ยตอนไหนคะ”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันดูปกติเสียจนธีทัตไม่เข้าใจว่ายามนี้บุษบากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน “อีกสักพัก แล้วนี่.. บุษจะไปไหน” วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของอวัศยา เขาตั้งใจไปร่วมงานวันเกิดเธอ ไปอวยพรเธอในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง แต่ลืมไปว่าวันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของบุษบาเช่นเดียวกัน
“ไม่รู้สิคะ คงชวนเพื่อนสักคนไปนั่งฟังเพลงมั้ง” เธอพูดพลางเบนสายตาไปที่กล่องของขวัญสีชมพูซึ่งมีสร้อยคอทองคำขาวเส้นเล็กๆ อยู่ข้างในนั้น “ขอโทษเรื่องของขวัญด้วยนะคะ”
หนึ่งชั่วโมงก่อนเธอกับธีทัตมีปากเสียงกัน ด้วยว่าเธอดันไปแกะกล่องของขวัญแล้วหยิบของข้างในนั้นออกมาใส่ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าธีทัตซื้อมาเซอร์ไพรส์วันเกิดเธอ แต่มันไม่ใช่.. เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอเองก็เกิดวันนี้
ใช่ว่าจะไม่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเผลอตะคอกบุษบาตอนที่ทะเลาะกันเรื่องที่เจ้าหล่อนเอาสร้อยคอที่เขาตั้งใจนำไปให้ อวัศยาออกมาใส่ “พี่ขอโทษนะ บุษอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด เดี๋ยวพี่ซื้อให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” สิ่งที่เธอต้องการไม่สามารถใช้เงินซื้อได้ เพราะมันคือ ‘หัวใจ’ ของธีทัต และเธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอสิ่งนั้นจากเขา
“งั้นเอาอย่างนี้ไหม พี่แวะไปงานเลี้ยงวันเกิดคุณเอ๋ยแป๊บเดียว เสร็จแล้วจะพาบุษไปเลี้ยงข้าว”
สุดท้ายคนที่สำคัญที่สุดและเป็นที่หนึ่งเสมอสำหรับธีทัตก็ยังคงเป็นอวัศยาอยู่ดี ส่วนเธอน่ะหรือ..
เฮอะ! สำรอง
แล้วเรื่องอะไรที่เธอต้องมานั่งจมจ่อมรอเขาอยู่ในห้อง ในเมื่อธีทัตเห็นเธอเป็นเพียงเครื่องระบายความใคร่ แล้วยังมาพูดตอกหน้าอีกว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน งั้นเธอก็ควรเปิดโอกาสให้ชีวิตตัวเองได้พบกับสิ่งใหม่ๆ คนใหม่ๆ
“ขอบคุณนะคะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ไนซ์ไปงานวันเกิดคุณเอ๋ยเถอะ ไม่ต้องห่วงบุษ เดี๋ยวบุษไปหาเพื่อนเอาข้างหน้า รับรองคืนนี้บุษไม่เหงาแน่นอนค่ะ” เธอว่าพลางหยิบลิปสติปสีแดงเลือดนกออกมาปาดบนริมฝีปากตัวเอง
“หมายความว่ายังไง” ดวงตาคู่คมฉายชัดว่าไม่พอใจที่บุษบาพูดเช่นนั้น “จะไปหาเพื่อนที่ไหน อย่าบอกนะว่าเพื่อนที่บอกว่าจะไปหาเอาข้างหน้าคือคนที่ผับน่ะ”
แล้วมันผิดตรงไหนหากเธอจะทำเช่นนั้น ในเมื่อยามนี้ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงอีกแล้ว ไม่มีครอบครัว ไม่มีคนที่รัก บนโลกกลมๆ ใบนี้ สิ่งสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ก็คือตัวเอง
“ก็ไม่เห็นแปลกนี่คะ ใครๆ เขาก็ทำกัน พี่ไนซ์บอกเองว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ต่างคนต่างมีอิสระ อยากจะทำอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้นพี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามบุษถ้าบุษจะทำอะไร”
“บุษ! บอกแล้วไงว่าอย่าประชดพี่”
ประชดงั้นหรือ?
ริมฝีปากอิ่มเหยียดยิ้ม “บุษจะบอกอะไรพี่ไนซ์ให้นะคะ บุษไม่ได้ประชด บุษแค่สร้างทางเลือกใหม่ให้กับตัวเอง พี่เป็นคนบอกบุษเองว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน บุษเลยเปิดโอกาสให้ตัวเอง แล้วพี่ก็บอกบุษว่าพี่ไม่ว่าอะไรถ้าบุษจะไป เพราะฉะนั้นบุษตัดสินใจแล้วค่ะ ในเมื่อพี่ไม่ได้รักบุษ เราสองคนก็ควรแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตใครชีวิตมันสักที เพราะถ้าบุษอยู่กับพี่ต่อ บุษก็คงไม่ต่างจากคนที่ตายทั้งเป็น พรุ่งนี้บุษจะไปหาที่อยู่ใหม่ สัญญานะคะว่าอีกไม่เกินหนึ่งอาทิตย์บุษจะไม่อยู่ให้พี่รำคาญตาอีก”
เธอตัดสินใจแล้ว ในเมื่อเขาไม่ได้รัก ต่อให้ทำดีแค่ไหน หน้าด้านหน้าทนอยู่กับเขาต่อไปนานเท่าไหร่ ธีทัตก็คงไม่เปลี่ยนใจมารักเธออยู่ดี เพราะถ้าเขาจะรัก คงรักไปนานแล้ว
แม้รู้สึกโหวงๆ ในอก กระนั้นก็ไม่คิดจะเอ่ยปากรั้งบุษบาไว้ “ถ้าบุษตัดสินใจดีแล้ว พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
ทั้งสายตาและคำพูดของธีทัต บ่งชัดเหลือเกินว่าชายหนุ่มไม่มีเยื่อใยกับเธอเลยสักนิด บุษบาจุกจนพูดไม่ออก เจ็บปวดไปทั้งหัวใจ อยากจะร้องไห้แล้วกรีดร้องดังๆ กระนั้นก็ทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้ม
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ” ธีทัตเพียงพยักหน้า เขาหยิบกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ให้อวัศยาขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วเดินเข้าห้องนอน ชายหนุ่มเดินไปฉีดน้ำหอมในห้องแต่งตัวแล้วออกไปงานวันเกิดอวัศยาทันทีอย่างไม่คิดจะแยแสเธอสักนิด ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมที่ชวนอ้วกมากกว่าทำให้สาวๆ หลงใหล
น่าแปลก.. แต่ก่อนเธอเคยชอบน้ำหอมกลิ่นนี้ของธีทัต แล้วทำไมวันนี้กลับรู้สึกว่ามันกลิ่นฉุนจัดไม่หอมเหมือนอย่างเช่นเคย
“กลิ่นอะไรเนี่ย ทำไมมันเหม็นขนาดนี้” น้ำหอมที่ธีทัตใช้ล้วนแล้วแต่มาจากเคาน์เตอร์แบรนด์ดังทั้งนั้น แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเธอได้กลิ่นแล้วจึงรู้สึกว่าน้ำหอมที่ชายหนุ่มฉีดทั้งเหม็นทั้งฉุน ชวนให้เวียนหัวจนรู้สึกอยากอาเจียน
พลันอาหารเที่ยงที่รับประทานเข้าไปก็คล้ายว่าจะแล่นไหลขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ บุษบายกมือขึ้นปิดปากแล้วรีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำทันที