พ่อตัวดี

1117 Words
บนถนนสายหลักเมืองหลวงของประเทศไทย ร่างสมส่วนเกินมาตรฐานชายไทย ในชุดสูทราคาแพงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด กับการจราจรบนถนนสายหลัก เฮริค มิลลส์ตัล วัย 32 ปี นักธุรกิจหนุ่มเลือดร้อน หรือในวงการเดียวกันตั้งฉายาไว้ว่า ‘เสือร้ายนัยน์ตาสีฟ้า’ กำลังเร่งรีบเดินทางเคลียร์ปัญหาธุรกิจที่เขามีหุ้นส่วนดูแลอยู่ “เมลสัน หากนายขืนช้าไปกว่านี้ ฉันจะให้นายออกไปวิ่งแข่งกับรถเลยนะ” ความไม่ได้ดั่งใจ เฮริคจึงพาลเอากับคนสนิท อีกฝ่ายส่งยิ้มเจื่อนๆ ผ่านกระจกหลัง “จะให้ผมทำไงล่ะครับก็รถมันติด ” คนตัวโตแต่ใจเย็นเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ “เออน่า ทนรับไปหน่อยสิ แล้วคำว่าครับเลิกพูดได้มั้ย อยู่กันสองคน จะครับทำไม” เมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าธารกำนันคนอื่นๆ เฮริคต้องการให้เพื่อนรักกึ่งบอดี้การ์ดอย่างเมลสัน ปฏิบัติตัวให้เป็นปรกติ นาย/ฉัน เท่านั้น แม้มีบ้างบางครั้ง เพื่อนสนิทคนอื่นๆถามถึงความเป็นมา ระหว่างที่คบหาเพื่อนคนละระดับ เขาเลือกให้คำตอบไปว่า ‘เพื่อนจริง คือเรากำหนดไม่ได้ ว่าเขาจะมีฐานะและภูมิหลังยังไง ฉันรู้แค่ว่า ตอนนี้ เขาซื่อสัตย์และพร้อมสู้อุปสรรคไปกับฉันตลอดไปก็พอ’  “ติดได้ติดดี...” น้ำเสียงเขายังคงหงุดหงิด พร้อมมือจัดการลดกระจกด้วยความอึดอัด “เรื่องปรกตินี่ครับ ไม่ชินอีกหรือ?” น้ำเสียงติดขำ ของบอดี้การ์ดที่เคยมีใบหน้าเหี้ยมเป็นนิจเอ่ยเย้า ทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าฝ่ายนั้นตั้งใจกวนเขา “คนร้อนใจ” เขาว่าให้ พร้อมทิ้งสายตาไปยังคนขับอย่างเสียไม่ได้ แม้ไม่ใช่ลูกครึ่งไทยอังกฤษอย่างคนเป็นนาย แต่เมลสัน แมคคอน วัย 32 ปี สมุนมือขวามาเฟียหนุ่มพูดคุยสำเนียงไทยชัดเจน เพราะใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยมานาน             แผ่นหลังกว้างเอนพิงเบาะหลัง สีหน้ายังเต็มไปด้วยความกังวล สิ่งที่สะกิดใจดึงดูดให้ฝ่ามือหนาขยับล้วงหยิบจับบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทราคาแพง กล่องกำมะหยี่สีแดงสด หากเป็นสิ่งที่เขาต้องการได้ จากใจจริงคงไม่เป็นปัญหา... มือเรียวที่ไม่เคยหยิบจับงานหนัก กดลงบนกล่องกำมะหยี่บรรจงเปิดออกช้าๆ ความหนักใจตีแผ่บนใบหน้าหล่อเหลาดังเทพบุตรตามมา แสงส่องสะท้อนวาววับของประกายเพชรวูบวาบจับตายามกระทบแสง ทำให้เมลสันอดใจไม่ไหว มองผ่านกระจกด้านหลัง ด้วยความชื่นชมไปด้วยอีกคน “สงสัย มาดามต้องการได้ลูกสะใภ้เต็มแก่” เขาแกล้งเย้า เท่าที่รู้มา ว่ามาดามหรือแม่ของเจ้านายได้ส่งแหวนพร้อมกับคำสั่ง... หาเจ้าสาวไว้รอท่าน “ใครบอก!” เสียงทุ้มเอ่ยขัดทันควัน ทำเอาคนที่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ขมวดคิ้วหนาเป็นปม             “ไม่เห็นจะยาก” เมลสันบอกสั้นๆ เรียกสายตาคมเข้มที่กำลังเหม่อมองสองข้างทาง ให้หันเข้ามามองด้านในทันที “อะไร ของนายเมลสัน อะไรยากอะไรง่าย?” เฮริคถามเพื่อนรักกึ่งบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่อยู่ประจำกับตัวเองมาหลายปีอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าเรียบแฝงไปด้วยความจริงจังเป็นครั้งแรกที่ไม่ใช่เกี่ยวกับธุรกิจ เรียกรอยยิ้มจากเพื่อนสนิทอย่างเมลสันได้เป็นอย่างดี “เมียไง นายมีผู้หญิงในสต็อกตั้งมากมาย เลือกเอาสักคนสิ คนปัจจุบันที่นายกำลังไปเจอไง ยอมสละเวลาไปหาทั้งที่มีเรื่องอื่นต้องเคลียร์รออยู่อีกเยอะ มันต้องมีดีอยู่บ้างสิน่า” เพื่อนกึ่งบอดี้การ์ดเอ่ยแนะอย่างรู้ดี เพราะคู่ขาที่เจ้านายหรือเพื่อนรักของตน เคยควงบ่อยๆ มีทั้งนางแบบ ลูกสาวนักการเมือง และไฮโซโนเนมทั้งหลายแหล่รอคิวให้เรียกใช้ 24 ชั่วโมง “เฮ้ย!! จะบ้าหรือไง” แม้ประโยคที่เมลสันได้แนะนำออกมา จะทำให้เฮริคตกใจอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็เรียกรอยยิ้มและนัยน์ตากรุ้มกริ่มของเขาไปได้ชั่วครู่ เพราะสาวสวยที่เขาเลือกควง เป็นสิ่งเรียกความกระชุ่มกระชวยยิ่งกว่าบรั่นดีที่หมักไว้แรมปีเสียอีก แต่ผู้หญิงคนปัจจุบันที่เพื่อนเอ่ยถึง เขาไม่คิดจะยกตำแหน่งนี้ให้หล่อนเลย แม้แต่ความต้องการทางร่างกายอย่างชายหญิงเขาก็ไม่มีให้เธอ...             เมลสันห่อปาก เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “... อย่างนั้นก็หาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นแม่ศรีเรือนให้ ชั่วคราวสิ” คำแนะนำที่ได้ยินทำเอาเฮริคหนุ่มไฟแรงหยุดชะงัก ละสายตาจากของในมือ มองสบตาคนแนะนำอย่างต้องการความกระจ่างอีกนิด “ชั่วคราว...” เฮริคเอ่ยเบาๆ พลางคิดตาม แล้วตาลุกโพลงขึ้นอย่างเห็นด้วย “ความคิดเข้าท่า แต่จะหาแบบนั้นได้ที่ไหน” “เอ่อ... อันนี้... ก็ไม่รู้” นาทีนี้คนเสนอแนะทำหน้าเหลอหลา เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าจะหาผู้หญิงแบบนั้นได้ที่ไหน หากแต่ความคิดของเฮริคเป็นอันต้องสะดุดลง เมื่อรถที่นั่งเหวี่ยงเหมือนหักหลบอะไรบางอย่างด้านหน้ากะทันหัน จนผิดจังหวะ “อะไร?...” เฮริคที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยร้องถาม โดยที่ตัวเองเกือบหัวคะมำไปด้านหน้า เกือบเสียบไปตรงกลางระหว่างเบาะ ดันตัวเองให้กลับมานั่งจุดเดิมที่เลื่อนออกไป ก่อนจะขยับเสื้อสูทราคาแพงเข้าที่ ใบหน้าฉงนคิ้วหนาผูกปมจนนูนสูง             “เฮ้ย...! แย่แล้ว...” “อะไร?!” เฮริคถามซ้ำ เมื่อเมลสันยังคงอุทานออกมาโดยไม่บอกกล่าวอะไรออกมาเสียที  เมลสันยังคงอ่ำๆอึ่งๆ หน้าซีดเหงื่อแตกซิบๆ กับการละสายตาจากท้องถนน ไม่กี่วินาทีก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นร่างของใครคนหนึ่งในระยะกระชั้นชิด พร้อมเสียงกระแทก ในจังหวะที่เขาแตะเบรกให้รถหยุดอย่างกะทันหัน             “ไม่น่าเล้ย!” เมลสันเริ่มสบถออกมาอีกครั้ง และนั้นทำให้คนที่นั่งอยู่เบาะหลังเริ่มหมดความอดทนกับการรอคอยคำตอบ “หากนายไม่ตอบฉันมาอีกคำเดียว ฉันเตะนายแน่ ตกลงเกิดอะไรขึ้น?!” “เอ่อ สงสัยชนใครเข้าแล้วล่ะ...” เมลสันหันมารายงาน ใบหน้าจืดเจือน “หือ...ลงไปดูหน่อยสิว่าเป็นอะไรหรือเปล่า!!”  เฮริคสั่งทันที พร้อมโน้มตัวไปด้านหน้าเพื่อดูเหตุการณ์ แต่ก็มองเห็นไม่ถนัด จึงตัดสินใจ เปิดประตู ลงไปดู
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD