งานแต่งงานระหว่างนิชานันท์และนิรุตน์
ปานตะวันได้รับหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวให้กับนิชานันท์ร่วมกับเพื่อนสนิทอีกสองคน ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังนั่งสนทนากับเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างสนุกสนานอยู่นั้น พลันสายตาของหญิงสาวก็มองเห็นร่างสูงของคนที่เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าโผล่มาที่งานนี้
หญิงสาวถลันตัวลุกขึ้น ก่อนจะสาวเท้าด้วยความเร็ว เข้าไปหาชายหนุ่มร่างสูงสง่างามนามว่าทัพไท
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง กลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่ามาก่อกวนงานแต่งงานของเพื่อนรักฉัน” ปานตะวันคว้าข้อมือแกร่งของชายหนุ่ม ก่อนจะลากร่างสูงเข้าไปในบริเวณที่ลับตาคน
“ผมก็มาแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวนะสิ คุณเป็นอะไรอยู่ดีๆ ลากผมออกมาจากงานทำไม” ร่างสูงเริ่มมั่นใจแล้วว่าหญิงสาวคงไม่ทราบว่าพวกเขาได้ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว
“คนเจ้าเล่ห์อย่างคุณมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย ฉันขอร้องล่ะนะ คุณจะให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอม” ปานตะวันยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้วิวาห์ในฝันของเพื่อนต้องล่มกลางคัน
“แน่ใจนะว่าจะยอมทำทุกอย่างตามที่ผมขอ” ทัพไทยกยิ้มเล็กน้อย แววตาของชายหนุ่มตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เขากำลังอยากจะแกล้งคนตัวเล็ก ดูท่าแล้วว่าเธอเชื่อไปแล้วว่าเขาเป็นคนเลวที่พร้อมจะทำลายงานแต่งงานของคนอื่น
“แน่ใจสิ คุณคงไม่ขออะไรพิเรนทร์หรอกว่ามั้ย” เธอเริ่มไม่ค่อยมั่นใจกับท่าทางเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่ม แต่เมื่อได้รับปากใครไปแล้วหญิงสาวจะไม่มีวันคืนคำเด็ดขาด
“ก็ไม่แน่หรอกนะ แต่ยังไงดีล่ะ ถ้าคุณไม่ขอร้องผมอาจจะพังงานแต่งงานครั้งนี้ก็ได้นะ” ชายหนุ่มยังคงเล่นตามเกมของหญิงสาว เขากำลังจะรอดูว่าเธอจะทำอย่างไรกับเขา
“ไม่รู้แหล่ะ เป็นไงเป็นกัน วันนี้ฉันต้องปกป้องงานแต่งงานของนันท์ให้ได้ คุณต้องการให้ฉันทำอไรก็ว่ามา” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เธอจะเอ่ยออกมาด้วยความลำบากใจ
“เป็นแฟนกับผมหนึ่งเดือน ไม่อย่างนั้นงานวันนี้จบแน่นอน” ชายหนุ่มกล่าวอย่างถือไพ่เหนือกว่าชัดเจน และยิ่งเมื่อได้ยินข้อเสนอของชายหนุ่ม ร่างบางยิ่งหน้าซีดด้วยความตกใจ
“เป็นแฟนหลอกๆ น่ะเหรอ” เธอเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเสียจนแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์
“ใช่ และคุณต้องเข้าไปพบพ่อแม่ผมด้วย แสดงให้เนียนล่ะอย่าให้พวกท่านจับได้” ที่ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอเช่นนี้เพราะเขากำลังถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่มารดาหาให้
“เพื่ออะไร” เสียงของหญิงสาวยังคงเต็มไปด้วยความงุนงง
“ผมมีเหตุผลของผลก็แล้วกัน คุณมีหน้าที่แค่แสดงตัวเป็นแฟนผมเท่านั้น หนึ่งเดือนหลังจากนี้คุณจะเป็นอิสระทันที ว่าไงจะยอมรับเงื่อนไขของผมมั้ย หรือจะให้ผมเข้าไปป่าวประกาศในงาน แล้วก็ล้มงานแต่งงานครั้งนี้ซะ” ทัพไทได้ทีเริ่มข่มขู่หญิงสาวมากขึ้น ตอนนี้เธอกลัวเหลือเกินว่าเขาจะทำเช่นนั้นจริงๆ ถึงจะไม่อยากจะรับปาก แต่เธอก็จำเป็นต้องรับปากเพื่อเพื่อนสนิทของเธอ
“ตกลง ฉันหวังว่าคุณจะพูดคำไหนคำนั้นนะ รับปากแล้วอย่าคืนคำแล้วกัน” ชายหนุ่มหญิงสาวต่างจดจ้องเข้าไปในแววตาของกันและกัน นาทีนี้ต่างไม่มีใครยอมหลบสายตาซึ่งกันและกัน ราวกับว่าใครหลบตาก่อนคนนั้นแพ้ สงครามย่อมๆ ระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว