แต่ที่เขายังไม่ยอมถอยไปจากนิชานันท์ เพราะเขาอยากจะรอดูว่าครั้งนี้เธอกลับไปคบกับแฟนหนุ่มของเธอ แล้วมันจะไม่เกิดปัญหาเช่นเดิมอีก แต่ปานตะวันก็แปลเจตนารมย์ของเขาผิด และคนอย่างทัพไทก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้เธอเข้าใจ เพราะเขารู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่นั่นเอง
“คุณ....” ปานตะวันเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมาพบชายหนุ่มในสถานการณ์เช่นนี้ เสียงของเธอแผ่วเบาราวกับไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
ทัพไทเหลือบสายตามองเห็นคนที่กำลังรอนำเสนองานอยู่ เขาถึงกับหลิ่วตาแล้วเดินเข้าไปหาหญิงสาวร่างเล็กด้วยความตั้งใจ
“สวัสดีครับคุณปานตะวัน ไม่ได้เจอกันซะนานเลย” ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มจ้องมองที่หญิงสาวด้วยแววตาที่แสดงความเหนือกว่าชัดเจน
“สวัสดีค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวบ่งบอกความตกใจอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเธอจะพยายามเก็บอารมณ์มากเท่าใดก็ตาม
“เรื่องในอดีตนี่มันเอามาตัดสินอนาคตได้เลยนะ คุณว่ามั้ย” ทัพไทยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับหญิงสาว เขารู้ดีว่าเธอนั้นเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่ออย่างถ่องแท้
“ถ้าคนที่เป็นมืออาชีพเขาไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ เขาดูที่งานมากกว่าเรื่องส่วนตัว” ปานตะวันตอบกลับชายหนุ่มแบบเชือดนิ่มๆ เช่นกัน
“แต่พอดีว่ากับคุณผมทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิ เอ๊ะ...ยังไงดีนะ” ทัพไทส่งรอยยิ้มซึ่งยั่วยุโทสะของหญิงสาวเป็นอย่างมาก ยิ่งเธอแสดงออกว่าไม่พอใจเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกสุขใจมากเท่านั้น
“คุณนี่มันเลวจริงๆ” ในที่สุดความอดทนของหญิงสาวก็หมดลง เพราะเธอไม่พอใจเขามาตั้งแต่เรื่องนิชานันท์แล้ว เมื่อได้ยินคำด่าของหญิงสาว แทนที่ชายหนุ่มจะโกรธ เขากลับส่งยิ้มให้กับหญิงสาว ราวกับว่าเขากำลังพอใจกับคำด่าทอของเธอ
“หักคะแนนที่จะนำเสนอผลงานของคุณดีมั้ยนะ เล่นสรรเสริญผมแบบนี้” ทัพไทยังคงเย้าแหย่หญิงสาวอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเห็นเธอแสดงออกถึงความไม่พอใจ เขาก็ยิ่งรู้สึกพอใจขึ้นมาทันที
“คุณจะหักก็หักไปเถอะค่ะ เพราะคุณคงสะกดคำว่าศีลธรรมไม่เป็น” สิ้นสุดความอดทนหญิงสาวจึงเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด เธอคิดว่าโปรเจคนี้ของเธอคงไม่มีโอกาสผ่านแล้วแหล่ะ เพราะคนอย่างทัพไทคงไม่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับงานอย่างแน่นอน งานนี้หญิงสาวคงต้องถูกผู้จัดการคาดโทษ หรือเลวร้ายที่สุดเธออาจจะต้องออกจากงาน เพราะทำให้บริษัทพลาดงานชิ้นสำคัญชิ้นนี้