มื้ออาหารที่แสนอบอุ่นสำหรับหญิงสาวได้จบลงไป แต่คุณทิพวรรณยังไม่ยอมปล่อยตัวหญิงสาวกลับไป เธอยังพาปานตะวันมานั่งสนทนาต่อที่ห้องนั่งเล่น โดยที่ทัพไทก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับผู้เป็นมารดาของเขา หญิงสาวเครียดเสียจนกลัวว่าจะหลุดให้คุณทิพวรรณจับได้ในหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็รอดไปได้ทุกครั้งไป
“หนูปานจ๊ะพ่อแม่ของหนูทำงานอะไรเหรอจ๊ะ” คุณทิพวรรณถามด้วยความเมตตา ท่านไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกคนที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ ไม่ว่าจะมาจากฐานะไหน ถ้าบุตรชายของท่านรัก ท่านก็พร้อมจะยอมรับเสมอ
“ป๊ากับม๊าเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ยอดขายไม่ดีเท่าไหร่ เพราะว่ามีร้านสะดวกซื้อมาเปิดใกล้ๆ” ปานตะวันเอ่ยตามความจริง เพราะต้องการให้คุณทิพวรรณเห็นความแตกต่างของฐานะระหว่างเธอกับเขา ท่านจะได้ไม่ต้องการเธอเป็นลูกสะใภ้ เธอจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดไปมากกว่านี้
“อยู่แถวไหนนะ เดี๋ยววันหลังม๊าจะแวะไปเยี่ยม” คุณทิพวรรณฟังเรื่องราวจากเรียวปากเล็กด้วยความสนใจ
“จรัญสนิทวงศ์ค่ะ” ปานตะวันตอบอย่างเสียไม่ได้ เธอคิดว่าคุณทิพวรรณไม่น่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ
“บอกที่อยู่มาเลยดีกว่าว่ามั้ยครับม๊า” ทัพไทสำทับมารดา ทำให้หญิงสาวได้ส่งสายตาเขียวปั๊ดไปให้ นี่ไม่ห้ามแล้วก็ยังจะยุอีก เกิดมารดาของเขาไปที่บ้านของเธอจริงๆ เธอจะทำยังไง
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ไว้หนูปานพร้อมเดี๋ยวหนูปานก็บอกเองแหล่ะ” คุณทิพวรรณเอ่ยอย่างใจเย็น ไม่ใช่ว่าท่านไม่อยากรู้ว่าว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ที่ไหน แต่เรื่องแบบนี้ท่านให้นักสืบจัดการง่ายนิดเดียว เพราะท่านมีบางอย่างต้องตกลงกับบิดามารดาของหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะม๊า” ปานตะวันเอ่ยด้วยความรู้สึกโล่งใจ แต่เธอไม่รู้เลยว่ามรสุมลูกใหญ่กำลังใกล้เข้ามา
การสนทนายังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลาเกือบสามทุ่ม คุณทิพวรรณจึงยอมปล่อยตัวปานตะวันกลับบ้าน และเมื่อออกมาได้ หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในขณะที่ชายหนุ่มได้แต่มองหน้าเธอด้วยความขบขัน
“ฉันขอยกเลิกภารกิจนี้ได้มั้ย ฉันรู้สึกสงสารม๊าคุณ ฉันไม่อยากโกหกท่านอีกแล้ว ท่านเมตตาฉันเหลือเกิน” ปานตะวันเอ่ยออกมาเสียงเครียด
“ไม่ได้หรอก ถ้าสงสารท่านก็ทำให้เรื่องโกหกนี่เป็นเรื่องจริงซะทีสิ” ทัพไทเอ่ยอย่างไม่ยี่หระกับสิ่งที่เกิดขึ้น