...ความเงียบยังคงมีเท่าที่ผู้ชายคนนี้จะทำได้ ซึ่งแปลกไปเพราะปกติเขาไม่เคยต้องข่มอารมณ์กับสิ่งไหนที่ขัดใจ แต่ทำไมกับเธอเขาเธอห่วงใยมากกว่าใคร ๆ ที่เคยเข้ามาในชีวิต
เอม : นี่คุณ !!! ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรือไง (ด้วยความสุดจะทน เพราะคนตรงหน้านั้นเงียบเฉย ไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ ทั้งที่เธอนั้นพร่ำจะถามแต่ก็ไร้วี่แววตอบกลับไป)
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร ได้แต่ลากเธอเดินมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของตัวเอง หญิงสาวถึงแม้จะประท้วงด้วยการยื้อไว้แค่ไหนแต่ก็ไม่เป็นผล แรงเท่ามดแบบเธอเหรอจะหยุดแรงพลังช้างอย่างเขาได้ จึงต้องจำนนให้เค้านั้นลากเธอไปตามอำเภอใจ
เอม : เอาที่สบายใจเลยค่ะ เจ้านายขา (เธอมองหน้าชายหนุ่มจากด้านหลังได้แต่ประชดประชันบ่นในใจ เพราะยังไงก็ฝืนแรงเค้าไม่ได้ ยอมๆ ไปซะเถอะ)
ทันทีที่ชายหนุ่มเปิดประตูห้องทำงานนั้นเข้าไป ทำเอาคนที่อยู่ด้านในอย่างโช ถึงกับตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก
โช : ทะ ทำไม ? (เขาลุกยืนขึ้นมองกรอกตาไป-มา มองคนเป็นนายสลับกับหญิงสาวอย่างงวยงง)
เอม : ฉันโดนบังคับค่ะ (เธอตอบโชหน้านิ่งกับน้ำเสียงที่แสนจะเอือมระอาคนตรงหน้าที่ลากเธอมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย)
ชินกิ : ไม่มีไร โชสั่งข้าวให้ผมที (เขาสั่งคนสนิทเสียงเรียบ)
โช : ได้ครับ คุณชินจะรับอะไรดีครับผมจะได้ไปซื้อให้ถูก
ชินกิ : เอา ^^--------------- ^^ แค่นี้พอ
โช : ครับ (แล้วคนสนิทก็เดินออกจากห้องไป เมื่อได้ฟังในสิ่งที่เจ้านายต้องการ)
เอม : คุณจะกินข้าว แล้วลากดิฉันมาทำไมไม่ทราบคะ เขาไม่ตอบอะไร แต่กลับเดินไปนั่งเก้าอี้หรูอย่างนิ่ง ๆ ปล่อยทิ้งให้เธอนั้นยืนกังขาอยู่คนเดียว ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแต่ต้องเก็บกั้น
เอม : เอ่อ คุณชินคะ
ชินกิ : ว่า .........? (เขานั่งมองจ้องหน้าเธอ มือสองข้างท้าวคางด้วยท่าทีกวน ๆ)
เอม : คุณชินพาดิฉันมาในนี้ทำไมคะ งานดิฉันยังไม่เสร็จต้องรีบเคลียร์นะคะ (เธอถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะอะไรถึงโดนลากมาโดยไม่รู้สาเหตุ)
ชินกิ : ผมรู้ ! พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ
เอม : แต่ดิ....
ชินกิ : จ้องหน้าเธอเขม่ง
เอม : เอมต้องเคลียร์ให้จบวันนี้ค่ะ เพราะเดี๋ยวงานจะไม่ทัน
จากที่ยืนถกเถียงกันอยู่นาน จนเสียงประตูดังจากการเคาะขออนุญาตก่อนจะเผยให้เห็นคนที่มาใหม่ พร้อมของในมือที่พะรุงพะรัง
โช : อาหารที่คุณชินสั่งครับ (คนสนิทของเขาวางของทั้งหมดไว้ที่โต๊ะรับรอง)
ชินกิ : อืม ขอบใจ (เขาตอบกลับคนสนิทก่อนจะหันไปพูดกับเธอ) จะยืนซื่อบื้ออีกนานไหมคุณผู้จัดการสาว
เอม : หืม...(เธอเอียงคอในมุมเฉียง เค้นเสียงในลำคอ เพราะด้วยความงงที่เขานั้นพูดจนต้องย้อนถามกลับไป) เอมเหรอคะ
ชินกิ : แกะซิ
เอม : ค่ะ (เธอเดินไปแกะอาหารให้เจ้านายสุดหล่ออย่างบรรจงถึงแม้จะจำใจก็ตาม) อะไรหกหนาวะ (เสียงบ่นในใจ ที่แทบอยากจะกระโดดกัดคอด้วยความไม่เข้าใจเจ้านาย)
หญิงสาวนั่งแกะทุกอย่างใส่จานโดยที่มีอีกคนนั่งมองเธออย่างไม่ละสายตาในทุกอิริยาบถ พร้อมอมยิ้มอย่างพึงพอใจที่ได้แกล้งเธอ เมื่อเห็นว่ากำลังเงยหน้าจากสิ่งของตรงหน้า เขาก็รีบเปลี่ยนสีหน้าให้นิ่งทันที เพราะกลัวเธอจับพิรุธได้
เอม : เสร็จแล้วค่ะ
ชินกิ : กินซิ
เอม : หืม...เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
ชินกิ : คุณนั่นแหละ ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงไม่ใช่หรอ ?
เอม : ก็ใช่ค่ะ แต่เอมให้ฝ้ายซื้อมาให้แล้ว แค่ลืมกิน
ชินกิ : ลืมกิน !! ก็กินซะ
สำหรับณัฐณิชาแล้ว เมื่อทำอะไรแล้วไม่ชอบค้างคา ทุกอย่างต้องจบทันทีไม่ว่าเรื่องใดก็ตามที่เธอลั่นปากไว้ เธอเป็นคนมุ่งมั่น เฉกเช่นเรื่องงานในวันนี้ก็เช่นกัน
เมื่อเห็นว่าคำสั่งของตัวเองแลจะไม่เป็นผล ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมานั่งตรงข้ามกับเธอ
ชินกิ : ขอข้าวผมด้วยสิ
เอม : จะทานด้วย ?
ชินกิ : ก็ใช่น่ะซิ ทำไม ? ผมทานไม่ได้หรือไง
เอม : ได้ค่ะ แต่เอมเกรงว่ามันจะดูไม่เหมาะสม เอมแค่พนักงานธรรมดา คงไม่อาดเอื้อมร่วมโต๊ะกับผู้บริหารระดับสูงอย่างคุณได้ คนอื่นคงมองไม่ดี (เธอบอกเหตุผลที่ควรจะเป็น แต่สำหรับเขานั้นมันไม่ใช่ แค่ห่วงใยและอยากอยู่ใกล้เธอเท่านั้น)
ณัฐณิชา เธอพึงตัวเองและเจียมตัวเองเสมอในสิ่งที่ป้าของเธอนั้นได้สอนไว้เธอจำขึ้นใจในทุก ๆ คำสอนของคนเป็นป้า เพราะพื้นฐานฐานะทางบ้านของเธอนั้นเป็นอย่างไร ผู้คนที่เคยดูถูกดูแคลนในเรื่องฐานะทางบ้านของเธอนั้นว่าหาเช้ากินค่ำ มันก้องอยู่ในโสดประสาทของเธอ ซึ่งนั่นแหละที่เป็นแรงผลักดันให้เธอพยายามเป็นอย่างมาก ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน เพื่อให้มีเงิน เพื่อลบคำดูแคลนเหล่านั้น ซึ่งมันก็เป็นผลจนเธอนั้นประสบความสำเร็จในวันนี้
ชินกิ : ผมไม่สนหรอกและตอนนี้ทุกคนก็กลับกันหมดแล้ว......ตักข้าวให้ผมเถอะ คุณจะได้กินซักที
ในเมื่อยากที่จะปฏิเสธ เธอจึงต้องจำใจร่วมโต๊ะกับเขา เธอตักข้าวใส่จานใบหรูให้กับเจ้านายของเธอ หญิงสาวจึงลงมือกินข้าวแต่ไม่ค่อยถูกปากกับอาหารตรงหน้า เพราะเธอไม่ค่อยจะได้ทานอาหารระดับภัตตาคารซักเท่าไหร่ เพราะเธอนั้นค่อนข้างเป็นคนติดดิน กินง่าย ไม่เรื่องมาก เธอกระเดือกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่กี่คำ ก็ยกน้ำขึ้นมาดื่ม
ชินกิ ผมมองคนตัวเล็กนั่งกินข้าวที่ผมให้โชไปซื้อมา อาหารระดับภัตตาคารสุดหรูที่ผมชอบทาน ผมมองเธอด้วยความเสน่ห์หา แค่เธอตักข้าวเข้าปากทำไมถึงน่ารักจัง แต่ไม่ใช่แค่การตักข้าว สำหรับผมทุกอริยาบถของเธอทำให้ผมหลงใหลทุกที เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่มีเสน่ห์มากสำหรับผม ผมนั่งมองเธอไปด้วยกินข้าวไปด้วยแต่ผมไม่ค่อยหิวหรอก แค่แอบอ้างที่จะได้นั่งใกล้ชิดกับเธอให้มากที่สุด เพื่อมองหน้าเธอแค่นั้นแหละ เธอกินข้าวแค่ไม่กี่คำก็กินน้ำ ทำไมเธอกินน้อยจังหรือว่าอาหารไม่อร่อย ทำไมผมรู้สึกกังวลเมื่อคนตรงหน้าทานข้าวเพียงน้อยนิด
ชินกิ : อิ่มแล้วหรอ
เอม : ค่ะ......คุณชินใกล้อิ่มหรือยังคะ
ชินกิ : ยัง
เอม : งั้นคุณชินทานต่อเลยค่ะ เอมจะขอตัวไปทำงานต่อให้เสร็จ
ชินกิ : ผมบอกให้มาทำต่อพรุ่งนี้ !! (น้ำเสียงที่พูดกระแทกจนคนฟังนั้นขนลุก สีหน้าที่เขานั้นเหมือนไม่พอใจ แล้วทำไมล่ะแค่เธอบอกจะไปทำงานเขาถึงไม่พอใจขนาดนี้)
เอม : เอมจะเคลียร์ให้เสร็จวันนี้ค่ะ!! เพราะเอมไม่ชอบทำอะไรค้างไว้เพราะนี่ก็เหลืออีกแค่นิดเดียวก็เสร็จแล้ว......../ ขอตัวนะคะ (มีหรือที่เธอจะสนใจจึงตอบกลับไปด้วยประโยคที่ยาวเหยียด
หญิงสาวชี้แจงให้เจ้านายของเธอทราบถึงเหตุผลโดยที่คนเป็นนายยังไม่ได้อ้าปากพูดอะไรออกมาสักคำ เธอก็เดินออกจากห้องนั้นทันที เพราะเธอเดาว่าหากรอให้เค้าอนุญาตนั้นคงยาก เพราะนายเธอมักจะชอบกวน ป่วนประสาทเธอเสมอ ถึงแม้จะได้เจอกันจะๆ แค่ไม่กี่ครั้งก็ตาม
ไม่นานนักหญิงสาวก็เดินมาถึงที่ห้องทำงานของเธอ ซึ่งตอนนี้ในแผนกนั้นมีแค่เธอเท่านั้นที่ยังต้องนั่งทำงานอยู่ ใครจะอยู่ล่ะเพราะนี่ก็ปาไปทุ่มกว่าๆ แล้ว เลยเวลาเลิกงานของพนักงานตั้งนานแล้ว
เอม : สู้เว้ยเอมอีกแค่นิดเดียวก็เสร็จละ หญิงสาวได้แต่พูดให้กำลังใจตัวเอง แล้วตั้งมั่นทำงานต่อ........ จนเสร็จตามที่เธอตั้งใจไว้
20.30 น. เอม : เย้ เสร็จซักที / คิดถึงที่นอนนุ่มๆ จัง(พูดจบเธอจึงหยิบกระเป๋าและสิ่งของสำคัญส่วนตัวของเธอแล้วเดินไปยังประตูห้องทำงานเพื่อกลับบ้านพักผ่อน) แกร๊กกกกกก......กรี๊ด !!! คุณชิน !!!! (เธออุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ) มายืนทำอะไรตรงนี้คะ เอมตกใจหมด หัวใจแทบวาย (มือบางวางทาบอกอย่างตกใจ)
ชินกิ : ก็ผมกำลังจะเข้าไป คุณก็เปิดประตูออกมาซะก่อน
เอม : มีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาหา
ชินกิ : จะกลับหรือยัง
เอม : กำลังกลับค่ะ ... ขอตัวนะคะ (เธอปิดประตูห้องแล้วเดินนำหน้าบอสหนุ่มออกไปหวังจะกลับบ้าน เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นล้าเหลือเกิน)
ชินกิ : ผมไปส่ง
เอม : ไม่เป็นไรเอมเอารถมาค่ะ
ทั้งคุ่เดินขนาบข้างจนมาถึงลานจอดรถบริษัท หญิงสาวก็เดินมุ่งหน้าไปยังรถของเธอที่จอดอยู่ด้านหน้าบริษัททั้ง ๆ ที่บอสหนุ่มของเธอนั้นก็เดินตามมาด้วย เมื่อถึงรถเธอหยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมายังคนที่อยู่ข้างหลังเธอ
เอม : นี่คุณ !!! (เธอตะหวาดบอสหนุ่มเสียงดังด้วยอารมณ์โมโห เพราะเธอนั้นไม่รู้จุดประสงค์ในสิ่งที่บอสหนุ่มนั้นกำลังทำอยู่) ต้องการอะไรจากฉันกันแน่ (เธอตะเบ็งเสียงถามคนตรงหน้าด้วยความหงุดหงิดและข้องใจ)
ชินกิ : …………………..
ชายหนุ่มยืนนิ่งๆ ทั้งท่าทางและสีหน้าก่อนจะตอบหญิงสาวตรงหน้าออกไป ด้วยสีหน้าจริงจัง
ชินกิ : ต้องการคุณเป็นแฟน !!!
ทันทีที่บอสหนุ่มพูดจบประโยค ทำเอาณัฐณิชาถึงกับอึ้ง เบิกตากว้างทันทีด้วยดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วกลับโตขึ้นกว่าเดิม เธอนิ่งและมองหน้าบอสหนุ่มด้วยความงุนงง นิ่งไปนานจนคนตรงหน้าต้องสะกิดเพื่อดึงสติเธอกลับมา
ชินกิ : เอม....
เอม : ..............
ชินกิ : เอม....(จากการเรียกดึงสติครั้งแรก เธอไม่ตอบรับชายหนุ่มจึงเรียกเธออีกครั้งพร้อมเขย่าแขนเธอเบาๆ)
เอม : ขะ คะ เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ
ชินกิ : มันอาจจะดูรวดเร็วเกินไปสำหรับคุณ แต่ผมรู้สึกชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเดินสวนทางกับคุณที่หน้าบริษัทแล้ว
เอม : เดินสวนทางที่หน้าบริษัท ?
ชินกิ : ใช่........แต่คุณคงไม่สังเกตุเห็นผม
เอม :..................
หญิงสาวนิ่งอยู่พักหนึ่ง หลักจากที่บอสหนุ่มพูดจบประโยค เธอรู้สึกดีที่มีคนบอกว่าชอบเธอ ใช่ว่าการที่ไม่มีคนของใจ แต่ก็ใช่ว่าเธอไม่ต้องการ เธอก็เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ต้องการความรักเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ความรักของเธอต้องอยู่บนความเสมอภาคเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่เธอให้คำมั่นต่อตัวเอง แต่ตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอเค้าเป็นถึงลูกเจ้าของบริษัท ซึ่งเธอไม่อาจเอื้อมมือถึงแน่นอน
เอม : คุณชินคะ.......(เธอเรียกชื่อบอสหนุ่มพร้อมกับมองหน้าเขาด้วยแววตาจริงจัง) เอมขอบคุณมากนะคะ ที่คุณมีความรู้สึกดี ๆ ให้ แต่.....เอมคงไม่อาดเอื้อมหรอกค่ะ
ใช่ !! เธอไม่อาจเอื้อมสิ่งที่อยู่สูงกว่าเธอแน่นอนเพราะเธอเจียมตัวเองเสมอ เค้าเป็นใคร ? แล้วเธอเป็นใคร ?
ชินกิ : เพราะอะไร ? (เขาถามกลับเสียงนิ่ง)
เอม : เอมกับคุณต่างกันเกินไป (เธอตอบกลับเสียงอ่อน)
ชินกิ : ต่างกันยังไง ในเมื่อผมก็เป็นคนเหมือนกับคุณ
เอม : เอมไม่ปฏิเสธว่าคุณชินเป็นคนไม่ต่างกับเอม แต่สิ่งที่ต่าง คือ ฐานะค่ะ เอมต่างกับคุณตรงฐานะ คุณชินเป็นถึงเจ้านาย เป็นลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ ส่วนเอมแค่พนักงานธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น เอมคงไม่กล้าตีตนเสมอนาย
ชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออกและแอบยิ้มในใจ ในสิ่งที่หญิงสาวเปรยออกมา ทำไมเธอถึงเป็นคนที่รู้จักเจียมตัวขนาดนี้ เขาชักจะเริ่มปลื้มและชอบเธอมากขึ้นแล้วสิ
ชินกิ : คุณยังไม่ต้องตอบตกลงผมตอนนี้ก็ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเวลา และผมก็เข้าใจเหตุผลของคุณ ...
เอม : ขอบคุณค่ะ ที่เข้าใจเอม
ชินกิ : แต่ผมจะยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้คุณต่อไป เพราะผมเองคงไม่อาจนิ่งความกับรู้สึกของตัวเองได้
เอม : แต่เอมว่า.........
ชินกิ : ขอแค่คุณไม่ปิดกั้นผม และผมจะพิสูจน์ตัวผมให้คุณได้เห็นว่า ผมและครอบครัวไม่ได้มองคนที่ฐานะ ความเท่าเทียมหรือภาพภายนอกเท่านั้น.....แต่ผมและครอบครัวมองคนด้วยหัวใจและการกระทำ... ผมขอแค่นี้คุณให้ผมได้ไหม ? (ชายหนุ่มตอบกลับด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและจริงจัง จนเธอนั้นลังเลและหนักใจ)
เมื่อหญิงสาวได้ยินประโยคนี้ เธอถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจเพราะอะไรเขาถึงต้องตาเธอทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร
เอม : คุณชิน (เธอเอ่ยชื่อบอสหนุ่ม ด้วยเสียงที่โอนอ่อนแต่แววตาของเธอนั้นกลับอมทุกข์อยู่ไม่น้อย)
ชินกิ : ว่าไงครับ (เขายิ้มให้เธออย่างจริงใจด้วยความหวังไว้ว่าเธอจะยอมเปิดใจให้เขาบ้าง ก่อนจะพูดออกไป) / ผมรอฟังอยู่