ตอนที่ 1

1417 Words
เฌอปราง อิสเรศ เด็กสาววัยสิบแปดปีบริบูรณ์ ดวงหน้าขาวเนียนรูปหัวใจ สองพวงแก้มที่ผุดผ่องสดใสจนเห็นเส้นเลือดฝอยภายใน มีลักยิ้มบุ๋มน่ามองยามเจ้าตัวแย้มยิ้ม เรือนร่างอรชรถูกซ่อนเร้นเอาไว้ใต้เสื้อผ้าตัวใหญ่ ความสูงหนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ดเซนติเมตร ทำให้หล่อนดูตัวเล็กมากหากยืนอยู่ใกล้ผู้ชายสูงสง่าอย่าง เคลวิน แม็กคลาเรน เจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือและในประเทศไทย เด็กสาวคือลูกสาวของคนงานในไร่ที่เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ ทำให้เป็นกำพร้า และก็ต้องตกมาอยู่ในการดูแลของเคลวินตั้งแต่อายุสิบขวบ ระยะเวลาแปดปีเต็มที่ผ่านมา ความเอาใจใส่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อที่มีให้นั้น ทำให้เด็กสาวอย่างหล่อนซาบซึ้งใจนัก และมันก็ทำให้หัวใจไร้เดียงสารู้จักคำว่ารักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สนามหญ้าหลังบ้านไม้สักหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงเคลวิน แม็กคลาเรน คือสถานที่ที่หล่อนมักจะมานั่งทอดอารมณ์ และมองดวงอาทิตย์ที่กำลังปีนป่ายขึ้นจากขอบฟ้าเสมอ แต่หลายวันมานี่มันต่างไปจากเดิม เมื่อสนามหญ้าหลังบ้านไม่ได้เป็นที่ส่วนตัวของหล่อนอีกต่อไปแล้ว เรือนกายสูงสง่าล่ำสันของพ่อเลี้ยงเคลวินกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้สีขาวที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะไม้ที่มีลักษณะทรงกลมสีเดียวกัน บนโต๊ะไม้มีขวดเหล้า ถังใส่น้ำแข็ง และแก้วใสทรงสวยที่มีหยาดน้ำสีอำพันเจืออยู่ที่ก้นของมัน หล่อนรู้ตัวว่าควรจะเดินจากไป เพราะมั่นใจว่าเคลวินกำลังต้องการความเป็นส่วนตัว แต่สองขากลับไม่ยอมขยับเคลื่อนไหว ดวงตาจ้องเขม็งไปที่ผู้มีพระคุณด้วยความเห็นใจ หล่อนรับรู้เรื่องราวเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตของเคลวินไม่ต่างจากคนงานทุกคนในไร่ชาแห่งนี้ คุณณิชา คนรักที่เคลวินรักมาก พวกเขาคบหากันมายาวนาน และทุกคนก็มั่นใจว่าพวกเขาจะต้องแต่งงานกันในตอนสุดท้าย แต่ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด เมื่อจู่ๆ คุณณิชาก็ส่งการ์ดแต่งงานมาถึงเคลวิน และบอกว่าจะแต่งงานกับเศรษฐีฝรั่งคนหนึ่งที่เพิ่งเจอกันได้เพียงแค่สองเดือนเท่านั้น หล่อนรู้ดีว่าเคลวินจะต้องช็อกมากๆ และก็คงเสียใจจนแทบเป็นบ้าเป็นหลัง เมื่อผู้หญิงที่เขารักมากดั่งดวงใจมาสะบั้นรักลงกะทันหันแบบนี้ ตอนแรกหล่อนเป็นห่วงมาก กลัวว่าเคลวินจะเสียใจจนเสียผู้เสียคน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่อย่างนั้น เคลวินแสดงความเสียใจให้ทุกคนเห็นก็จริง แต่ภายใต้ความเสียใจนั้น ชายหนุ่มกลับเต็มไปด้วยความคั่งแค้นจนน่ากลัว แกรก... หล่อนขยับเท้า และก็บังเอิญไปเหยียบท่อนไม้แห้งที่อยู่ด้านหลังจนหัก เกิดเสียงดังขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าคนที่นั่งดื่มเหล้ามองแสงตะวันยามเช้าอยู่ต้องได้ยิน เคลวินมองมาที่หล่อน... ร่างเล็กกะทัดรัดของเฌอปรางคล้ายกับถูกคำสาปให้ยืนนิ่งไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้ ดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมายังร่างของหล่อนนั้นมืดลึกและอ่านความรู้สึกไม่ออก หล่อนพยายามตั้งสติ แต่การเผชิญหน้ากับเคลวินมันสร้างความประหม่าให้กับหล่อนเสียทุกครั้ง ตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าตกหลุมรักเขาเข้าเต็มหัวใจ กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง มือเล็กที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวชุ่มชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ หล่อนระมัดระวังการแสดงออกของความรู้สึกตนเองเสมอ ไม่มีวันที่หล่อนจะทำให้เคลวินลำบากใจกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของหล่อนแน่นอน เพราะหล่อนรู้ดีว่าเขาไม่เคยต้องการ... “สวัสดีตอนเช้า เฌอปราง” น้ำเสียงสบายๆ ของเคลวินที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยทำให้เฌอปรางต้องรีบรวบรวมสติ และก้าวเข้าไปหาเขาอย่างไม่มีทางเลือก “สวัสดีตอนเช้าค่ะ พ่อเลี้ยง” เคลวินระบายยิ้มออกมา และมองหล่อนด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากทุกวัน ซึ่งมันก็ทำให้หล่อนทั้งประหม่าทั้งรู้สึกขัดเขินจนเผลอบิดตัวไปมา “นั่งก่อนสิ” “เอ่อ... หนู...” หล่อนกำลังจะปฏิเสธ เพราะการเผชิญหน้ากับเคลวินมันทำให้หล่อนอ่อนแอและอ่อนไหวเหลือเกิน “เดี๋ยวนี้เธอดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะเสวนากับฉันเลยนะ เฌอปราง” “ไม่... ไม่ใช่ค่ะพ่อเลี้ยง” “งั้นก็นั่งลงสิ ฉันคิดว่าเรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน” หล่อนจำต้องหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ ตัวตรงกันข้ามกับเขา หัวใจสาวเต้นแรงระรัว แข้งขาก็อ่อนแรง เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ กับผู้ชายเจ้าของดวงใจ เคลวินหล่อมาก... นี่คือคำจำกัดความเดียวที่หล่อนมอบให้เขาได้ หล่อเถื่อนๆ หล่อแบบมีพลังทำลายล้างสูงลิบ เฌอปรางพยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองไม่ให้หอบกระชั้นจนคนตรงหน้าสังเกตเห็น “นี่ฉันไม่ได้เห็นเธอนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย” “ก็น่าจะ... สองสามอาทิตย์ค่ะ” ซึ่งมันก็คือช่วงเวลาที่หล่อนเข้าไปพักที่หอพักในเมืองเพื่อสอบภาคเรียนสุดท้ายของชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก “ก็ไม่นานนะ ทำไมเธอดูโตเป็นสาวจัง” พวงแก้มนวลแดงระเรื่อ และก้มหน้าหลบสายตาเข้มเป็นประกายของผู้ชายที่หล่อวัวตายควายล้ม ลงมองปลายเท้าของตนเองด้วยความเขินอาย “ก็... หนูสิบแปดแล้วนี่คะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงแผ่วเบา เคลวินหัวเราะในลำคอ พิศมองดวงหน้าขาวผ่องของเด็กสาววัยกำดัด เจ้าหล่อนมีรอยยิ้มสดใสที่ให้ความรู้สึกเหมือนแสงตะวันยามเช้า มันทั้งอบอุ่นและสดใส ริมฝีปากที่อยู่ใต้จมูกโด่งเชิดพองามอวบอิ่มจนดูเหมือนจะหนาเกินไป ไม่ได้เป็นรูปกระจับเหมือนที่สาวๆ นิยมกัน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันดูเย้ายวนเชิญชวนให้ชายลิ้มลอง ดวงตากลมโตสีดำขลับสดใส แววตาของหล่อนไร้เดียงสาไม่ต่างจากเด็กสาววัยแรกรุ่นทั่วไป แต่ทุกครั้งที่นัยน์ตาหวานทอดมองมายังเขา เขาก็สัมผัสได้ถึงความเทิดทูนบูชาจากเจ้าหล่อนได้อย่างชัดเจน และเพราะแบบนี้ไง เขาถึงมีความคิดเห็นแก่ตัวอย่างนี้ขึ้นมาในสมอง “นั่นสินะ เธอมีอายุสิบแปดปีแล้ว” “เอ่อ... เมื่อกี้พ่อเลี้ยงบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับหนูใช่ไหมคะ” “อืม” ใบหน้าหล่อลากไส้ผงกขึ้นลงตอบเพียงสั้นๆ ในขณะที่หล่อนรู้สึกกังวลแปลกประหลาด “เอ่อ... เรื่องมหาวิทยาลัยใช่ไหมคะ” เคลวินเคยบอกกับหล่อนเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ว่าหลังจากที่หล่อนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก เขาจะส่งหล่อนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่หล่อนต้องการเรียนต่อแค่ที่เชียงใหม่เท่านั้น “ไม่ใช่” ดวงตากลมโตของเฌอปรางเบิกกว้างเล็กน้อย และก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ เคลวินยังจะมีเรื่องอะไรคุยกับหล่อนอีกล่ะ ในเมื่อปกติแล้ว เขาไม่ค่อยจะสนใจเสวนากับหล่อนสักเท่าไหร่ “เอ่อ... แล้วเรื่องอะไรเหรอคะพ่อเลี้ยง” ดวงตาสีน้ำตาลของเคลวินจ้องมองมาที่หล่อนนิ่งนาน นานจนหล่อนรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก เคลวินไม่เคยมองหล่อนด้วยสายตาแบบนี้ และไม่เคยมองนานแบบนี้ด้วย “หนูยินดีทำทุกอย่างตามคำสั่งพ่อเลี้ยงค่ะ” หล่อนตัดสินใจพูดออกไป เพื่อให้ผู้ชายตรงหน้ายอมเฉลยสิ่งที่ค้างคาใจเสียที หล่อนเห็นเขาพ่นลมออกจากปากเฮือกใหญ่สองสามครั้ง ก่อนที่จะเริ่มต้นพูดขึ้น “ฉันมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากเธอน่ะ” “ค่ะ” ดวงตากลมโตจ้องมองเขา มองอย่างรอคอยใจจดจ่อ “เธอน่าจะพอรู้มาบ้างแล้วล่ะ เรื่องณิชาน่ะ” “เอ่อ... หนู... พอ... พอทราบค่ะ” หล่อนอึกอักไม่อยากจะพูดออกไปนัก เพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจของผู้ชายตรงหน้า “มันเป็นเรื่องที่น่าบัดซบมากที่จู่ๆ ฉันถูกคนรักที่คบกันมาสิบกว่าปีสลัดทิ้ง แถมยังได้รับการ์ดเชิญแต่งงานมาให้แสลงใจอีก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD