บทที่ 3 ตอนที่ 1

1498 Words
"พี่อาร์มปล่อยจันทร์เจ้าเถอะค่ะ จันทร์เจ้าขอโทษ..." หล่อนพยายามเกะมือใหญ่ที่เหนียวหนึบซึ่งจับแขนอยู่ออกแต่ไร้ผล ปากก็พลางพร่ำขออิสรภาพจากเขาพร้อมกับหายใจเหนื่อยหอบจากการต้องวิ่งตามให้ทันความเร็วของคนตัวใหญ่กว่า สายตาของหล่อนกวาดมองโดยรอบหวังให้ใครสักคนผ่านมาเห็นและช่วยเหลือจากน้ำมือมารร้ายตนนี้ได้ทันก่อนที่หล่อนจะถูกประหัตประหารไปมากกว่านี้ แต่ก็เห็นเพียงร่างเลือนรางอยู่ไกลๆ ตรงสถานที่จัดงานซึ่งมีต้นไม้ประดับบดบังมองไม่ชัดเต็มตา นั่นก็หมายความว่าคงไม่มีใครสังเกตมองมาทางนี้หรอก ทุกคนคงยุ่งอยู่กับการให้บริการแขกเหรื่อของคุณหญิง "ใสหัวจากบ้านฉันซะ! แล้วไม่ต้องกลับมาอีกที่นี่ไม่ต้อนรับกาลกิณีที่มีเลือดชั่วๆ อย่างเธอ" "พี่อาร์ม...ปล่อยนะคะพี่อาร์มเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันดึกแล้วจะให้จันทร์เจ้าไปไหนคะ" หล่อนรู้ดีว่าเขาพูดจริงทำจริง ใจดวงน้อยแปลบปลาบหวิวเหมือนจะหลุดลอยไปตามแรงลากดึง อุตส่าห์หลบลี้หนีหน้าไม่ออกไปให้เขาเห็นวายยังถูกตามรังควาญจนได้ และที่สำคัญเขากำลังผลักไสหล่อนออกไปทิ้งข้างถนนหน้าบ้าน "อย่ามาเรียกฉันว่าพี่...ฉันไม่เคยคิดจะนับญาตินับเชื้อกับผู้หญิงกาลกิณีอย่างเธอ อย่าคิดว่ามีคุณแม่ให้ท้ายแล้วจะตีเสมอเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งได้นะ เพราะต่อไปนี้เธอ! ไม่ต้องเข้ามาเหยียบบ้านฉันอีกแล้ว จะไปไหนก็ไป!!" ปัง! "ว้าย! พี่อาร์ม!!" ร่างเล็กถูกเหวี่ยงจนกระเด็นติดประตูรั้วที่ยังปิดสนิท แล้วยืนเท้าสะเอวถมึงทึงจ้องหล่อนราวเป็นสัตว์เดรัจฉานน่ารังเกียจนักหนา "ออกไปซะ...ไม่มีเธอสักคนที่นี่คงสงบสุขมากขึ้น อีกหน่อยฉันจะแต่งงานพาเมียมาอยู่ที่นี่! ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องเลี้ยงลูกเมียน้อยอย่างเธอไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไม" พรพระจันทร์น้ำตาไหลทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ หัวอกของหล่อนแน่นจุกกับคำถาถางด่าทอต่างๆ นานา ที่เขาสรรหามาพ่นพูด ชายหนุ่มจะรู้บ้างไหมว่าหล่อนก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ ถ้าเลือกได้หล่อนคงไม่อยากมีชีวิตอยู่เป็นภาระ เป็นตัวปัญหาของใครหรอก มือเล็กยกปาดเช็ดน้ำตาที่เปื้อนพวงแก้มซีดขาว พยุงตัวให้ลุกขึ้นด้วยสองขาที่สั่นเทา ไม่กล้าเหลือบมองเขาแม้แต่ปลายหางตา การไปจากบ้านหลังนี้เป็นความต้องการในก้นบึ้งหัวของหล่อนอยู่แล้ว หากแต่มีบุญคุณของคุณหญิงกัญญาค้ำหัวค้ำตัวอยู่ หล่อนจึงไม่อาจจากไปด้วยความไม่เต็มใจของท่าน มันเหมือนเป็นการเนรคุณไม่เห็นแก่ข้าวแดงแกงร้อนที่ราดหัวมาตั้งแต่แบเบาะ พอเริ่มปีกกล้าขาแข็งก็บินจรหลงลืมพื้นเพที่มาของตัวเอง ดั่งคำที่ว่าเป็นวัวลืมตีน มือเล็กยกพนมขึ้นไหว้ขอความเห็นใจทั้งน้ำตา...หล่อนไม่ถือว่านี่เป็นการเสียศักดิ์ศรีอะไรหรอก ด้วยชายหนุ่มก็อายุห่างกันถึงสิบสี่ปี อีกอย่างเขาเป็นลูกของผู้มีพระคุณล้นเกล้าของหล่อน "คุณอาร์มคะ...จันทร์เจ้าขอร้อง จันทร์เจ้าจะไปจากที่นี่แน่ๆ ค่ะแต่ขอกราบลาคุณหญิงก่อนได้ไหมคะ" มือเล็กสั่นเทายังยกพนมค้างอยู่อย่างนั้น ใบหน้าโศกก้มงุดไม่กล้าสบตากับเขาในขณะที่กำลังขอความเห็นใจ "หึ...ฉันดูโง่มากรึไง ถ้าขืนปล่อยให้เธอไปประจบสอพลอมารยาสาไถยต่อหน้าคุณแม่...คิดเหรอว่าคนดีๆ อย่างคุณแม่จะให้เธอออกไปง่ายๆ อย่างเธอมันต้องเจอกับฉันนี่ยายกาฝาก! มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ!!" สายตาคมเข้มดูแคลนไม่ลดละ มองร่างเล็กหยามเหยียดไม่นึกเวทนาสักนิด ภาพหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นน้ำตานองหน้ามันทับซ้อนภาพใครบางคนที่บิดาของเขาแลกกับทุกอย่างในชีวิตเพื่อให้ได้ไปสมสู่กัน เขายังจำได้...ไม่เคยลืม "ออกไปได้แล้ว...ถ้าที่นี่มีฉันมันจะต้องไม่มีเธอ! ฉันทำใจไม่ได้หรอกถ้าต้องอยู่ร่วมโลกกับลูกของผู้หญิงที่สร้างความวิบัติให้กับครอบครัวของฉันจนย่อยยับไม่มีชิ้นดี ไปซะ!" เขาเดินดิ่งไปเปิดประตูรั้วโดยไม่ได้ใช้รีโมท แล้วดึงแขนเล็กลากเหวี่ยงออกไปนอกอาณาบริเวณบ้าน เด็กสาวใช้มือปิดปากกั้นเสียงสะอื้นที่สะท้อนอยู่ในหัวอกไม่ให้เสียงโฮร้องก้องออกมาประจานตัวเองไปมากกว่านี้ เพราะมันไม่มีประโยชน์...ต่อให้หล่อนร้องจนขาดใจตายอยู่ตรงนี้ฏสินตร์ก็ไม่มีวันแลเห็นความทุกข์ใจของหล่อนในขณะนี้ได้หรอก หัวใจของเขาถูกความเคียดแค้นชิงชังบังบอดเอาไว้จนหมดสิ้นเสียแล้ว "ตาอาร์ม! นั่นทำอะไร จันทร์เจ้า! เกิดอะไรขึ้น เผลอไม่ได้จริงๆ เลย!" ร่างสะโอดสะองของคุณหญิงกัญญาวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในขณะที่เหตุการณ์กำลังตกอยู่ในสภาวะเลวร้ายนั้นพร้อมกับคนอื่นๆ อีกสองสามคน "คุณแม่!" ฏสินตร์หันขวับไปมองมารดาด้วยสายตาไม่พอใจ ด้วยรู้ว่านางจะต้องเข้ามาขัดขวางการกระทำของเขาเป็นแน่แท้ "ลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ จะให้จันทร์เจ้ามันไปอยู่ที่ไหน! ตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่แต่ที่นี่ ญาติพี่น้องคนรู้จักหรือก็ไม่มี จะปล่อยให้ไปตายเอาดาบหน้าหรือไง"คุณหญิงกัญญามาหยุดยืนจับแขนลูกชายเอาไว้ หายใจหอบโยนด้วยความเหนื่อย แม่บ้านสองคนวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อดูแลพรพระจันทร์ที่ยืนสะอื้นไห้ตัวโยน "อ้ายอีตัวไหนมันคาบข่าวไปฟ้องคุณแม่ครับ...ผมก็แค่อยากสั่งสอนให้เขารู้ว่าคนอาศัยต้องทำตัวยังไง ถ้าขี้เกียจตัวเป็นขนก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ เพราะเราไม่ใช่มูลนิธิช่วยคนอนาถาไร้ญาติไร้บ้าน และมันไม่ใช่ธุระอะไรของเรานะครับที่ต้องดูแลเลี้ยงดูลูกเมียน้อยนี่ให้อยู่ดีกินดีในบ้านของเรา คุณแม่ทำได้ยังไง...ลืมไปแล้วเหรอครับว่าแม่ของเด็กคนนี้ทำอะไรกับพวกเราไว้บ้าง" "แม่ไม่เคยลืม...แต่มันไม่เกี่ยวกับจันทร์เจ้า แม่ก็ส่วนแม่ ลูกก็ส่วนลูก...ณีพาจันทร์เจ้าเข้ามาเถอะ อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลยตาอาร์ม ญาติพี่น้องก็มาเต็มบ้านอายเขาเปล่าๆ" คุณหญิงออกปากเตือนสติบุตรชาย เขาถอนหายใจด้วยความขุ่นเคืองแต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรอีก สายตาคมดุมองร่างเล็กที่เดินตัวลีบผ่านหน้าเขาไปด้วยความชิงชัง "พาเธอไปทำงานครับป้าณี ถ้าจะอยู่ที่นี่ก็ต้องทำงานให้เหมือนคนอื่น ไม่อย่างนั้นก็ใสหัวออกไปซะ" เขาเอ่ยลอยๆ ตามหลังสองร่างที่เดินจากไปจนทั่งคูต้องหยุดชะงัก "จันทร์เจ้าไม่สบายค่ะ เลยไม่ได้ออกไปช่วยในงาน พอกลับมาจากมหาวิทยาลัยก็ตัวร้อนไข้ขึ้น อิฉันก็เลยให้กินยาแล้วนอนพัก ปกติจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ขี้เกียจหรอกค่ะ ช่วยทำงานในบ้านทุกอย่าง" ป้าณีช่วยแก้ต่างในขณะที่คอยประคองร่างเล็กของเด็กสาวที่นางก็มีส่วนในการเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย "สำออยสิไม่ว่า..." "เดี๋ยวหนูไปช่วยในงานก็ได้ค่ะป้าณี" พรพระจันทร์เอ่ยตัดปัญหา หล่อนยกมือปาดเช็ดน้ำตา แล้วหันกลับมาทางคุณหญิงกัญญากับฏสินตร์ "หนูขอโทษนะคะคุณหญิงที่ทำให้เกิดเรื่องในคืนสำคัญคืนนี้" มือเล็กยกพนมไหว้คุณหญิงกัญญาซึ่งนางก็พยักหน้ารับทราบ ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายแล้วรีบดึงจูงร่างใหญ่ของบุตรชายเดินกลับไปยังงานเลี้ยงต้อนรับ ทิ้งให้ป้าณีและพรพระจันทร์ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้น "ทนเอาหน่อยนะจันทร์เจ้า...รีบๆ เรียนให้จบซะจะได้มีงานทำแล้วไปจากที่นี่เสียที" "ค่ะป้าณี...หนูจะพยายามระวังตัวให้มากขึ้น" หล่อนน้อมรับ เช็ดหน้าที่เปรอะเปื้อนด้วยสองมือ "รีบไปเปลี่ยนผ้าซะ ป้าจะล่วงหน้าไปก่อนเดี๋ยวคุณอาร์มไม่เห็นจะโมโหเอาอีก" ก่อนจากไปแม่บ้านใหญ่ยังเตือนและให้คำแนะนำ พรพระจันทร์พยักหน้าแล้วรีบเดินกลับไปยังบ้านพักของตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุดเสียใหม่ที่เหมาะสมกว่า เพราะหล่อนยังอยู่ในชุดนอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD