บทที่ 1 ตอนที่ 1

1228 Words
หล่อนถูกตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อย มีชีวิตอยู่ท่ามกลางความเกลียดชังของเขาตลอดมา ถูกยัดเยียดทุกความเลวร้ายจนหัวใจบอบช้ำแหลกสลาย เพียงเพราะความเจ็บปวดของหล่อนคือความสุข...คือสิ่งเดียวที่จะมาเยียวยาความสูญเสียของเขาได้ ================================       ยามเย็นย่ำตะวันทอแสงรำไรใกล้จะลาลับเส้นขอบฟ้าในอีกไม่ช้านี้แล้ว สีแดงแสดเปล่งนวลไปทั่วบริเวณ ลมเย็นพัดเฉื่อยฉิวกระทบยอดไม้ใบหญ้าปลิวสะบัดไปตามแรงของสายลม อุณหภูมิเริ่มต่ำลง...พร้อมๆ กับความมืดมิดที่กำลังคืบคลานย่างกรายมาเยือน            ร่างเล็กเดินเร่งฝีเท้าไปตามทางเดินเข้าสู่บ้านหลังใหญ่ซึ่งอยู่เบื้องหน้า วันนี้ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมทำให้หล่อนกลับบ้านช้ากว่าปกติ และเมื่อมาถึงก็ต้องรีบมาพบกับเจ้าของบ้านผู้อุปการะเลี้ยงดูส่งเสียหล่อน ท่านอาจเรียกใช้งานการใดสักอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนร้อนใจเนื่องจากกลัวว่าท่านจะเสียงานเพราะความล่าช้าของตัวเอง            "มาแล้วเหรอจันทร์เจ้า คุณท่านรออยู่บ้างบนน่ะ รีบไปสิ ท่านรอตั้งนานแล้ว"            "ค่ะป้าณี...หนูเพิ่งจะเลิกเรียน พอทราบว่าท่านเรียกหาก็รีบมานี่แหละค่ะ" หล่อนตอบแม่บ้านซึ่งเดินลงบันไดมาพอดี ป้าณีคนนี้เป็นแม่บ้านคนสนิทของคุณท่าน ซึ่งหล่อนให้ความเคารพนับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเช่นกัน            "อืม...ไปเถอะจะได้กลับมาทำอย่างอื่นต่อ" ป้าณีกล่าวน้ำเสียงทุ้มนุ่มแล้วเดินผ่านหน้าเด็กสาวออกไปด้านนอก ส่วนหล่อนก็ไม่รีรอที่จะขึ้นไปด้านบนเพื่อพบกับผู้มีพระคุณ            พรพระจันทร์หรือจันทร์เจ้า เด็กสาวผู้อาศัยใบบุญของคุณหญิงกัญญามาตั้งแต่จำความได้ หล่อนรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติตัวเองผ่านลมปากของผู้อื่นโดยไม่เคยมีโอกาสได้รับทราบความเป็นจริงอย่างถ่องแท้ จิตใต้สำนึกย่อมโหยหา และคลางแคลงใจในชาติกำเนิด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อ...ชะตาชีวิตได้กำหนดให้เป็นไปแบบนี้แล้ว            สิ่งที่หล่อนต้องทำคือก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมนั้นเสีย...            "คุณหญิงคะ...หนูเองค่ะ จันทร์เจ้า" พรพระจันทร์หยุดยืนอยู่ตรงประตูห้องแล้วเรียกบอกคุณหญิงกัญญาให้ท่านได้รับทราบการมาของหล่อน            "เข้ามาสิ..." เสียงคุ้นเคยด้านในตอบรับ ประตูห้องจึงเปิดออกพร้อมๆ กับร่างเล็กที่เยื้องกรายผ่านธรณีประตูเข้าไปด้านใน เด็กสาวยกมือไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่กว่าแล้วนั่งพับเพียบลงกับพื้น ในขณะที่คุณหญิงนั่งอยู่บนโซฟากำลังจัดการกับเอกสารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหน้า            "คุณหญิงมีอะไรจะใช้หนูเหรอคะ พี่พิศบอกว่าคุณท่านเรียกหาตั้งแต่บ่ายแล้ว"            "อืม...ฉันไม่รู้ว่าหล่อนยังไม่กลับ ปกติบ่ายๆ ก็เห็นร่อนอยู่ในครัว..." น้ำเสียงของคุณหญิงเรียบเฉย และไม่ได้มองให้ความสนใจเด็กสาวนัก ทำให้พรพระจันทร์โล่งใจที่ท่านคงไม่ได้มีธุระสำคัญ เพราะไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของคุณหญิงกัญญา หล่อนคงถูกตำหนิบ้างแล้ว            "วันนี้มีกิจกรรมที่คณะค่ะ...เลยกลับช้า คุณหญิงมีธุระด่วนจะใช้หนูเหรอคะ"            "ก็ไม่สำคัญอะไรหรอก...อาทิตย์หน้าตาอาร์มจะกลับจากเมืองนอกแล้ว อยากให้เราระวังตัวเอาไว้หน่อย คราวนี้คงกลับมาอยู่ที่บ้านเลย รายนั้นเกลียดแรงชังแรง...เดี๋ยวจะเดือดร้อนเอาอีก"            "ค่ะ..." พรพระจันทร์ก้มหน้าต่ำมองพื้นทันทีเมื่อได้ยินชื่อนั้น หล่อนแขยงใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหรอก แทบอยากไปจากที่นี่ให้พ้นๆ ก่อนวันนั้นจะมาถึง            "เราก็อยู่ส่วนเรา...เขาก็อยู่ส่วนเขา มันก็ไม่มีปัญหา เห็นว่าจะพาคู่หมั้นมาด้วยคงไม่มีเวลารังควานเรามากนักหรอก"            "ค่ะคุณหญิง..." พรพระจันทร์น้อมรับทราบ...หล่อนกำมือเข้าหากันแน่น ลอบถอนหายใจให้กับความยุ่งยากอัดอัดที่กำลังจะเกิดขึ้น            "เดี๋ยวขึ้นไปจัดห้องให้จัดอะไรให้หน่อยก็แล้วกัน...จัดไว้สองห้องนะเผื่อคู่หมั้นเขาจะแยกกันนอน อ้อ...ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วล่ะจันทร์เจ้า" คุณหญิงกัญญาจับขาแว่นขยับเล็กน้อยในในขณะที่เหลือบมามองเด็กสาวในปกครองของตน            "สิบเก้าย่างยี่สิบค่ะคุณหญิง..."            "เวลา...มันช่างผ่านไปเร็วจริงนะ แป๊บๆ หล่อนก็โตเป็นสาวแล้ว" พูดเท่านั้นคุณหญิงก็หันกลับไปให้ความสนใจกับเอกสารที่กองตรงหน้าของท่านต่อ            พรพระจันทร์แปลกใจเสมอในท่าที่นิ่งเฉยสงบเย็นของคุณหญิงซึ่งมีต่อหล่อน หากในความเป็นจริงแล้วท่านควรรังเกียจเดียดฉันท์เสียมากกว่ากับความเป็นมาที่น่าอัปยศของหล่อน            เพราะเหตุนี้แหละ...หล่อนถึงได้รักและเคารพคุณหญิงเอาไว้เหนือเกล้า ด้วยได้ท่านอบรมเลี้ยงดูมา หล่อนถึงได้มีชีวิตรอดอยู่อย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจจนถึงบัดนี้            หากไม่มีท่านแล้วไม่รู้เหมือนกันว่าบัดนี้จะไปตกระกำลำบากอยู่แห่งหนตำบลได หรืออาจจะอดตายข้างถนนไปแล้วก็ได้ เพราะแม้แต่พ่อแม่แท้ๆ...ก็ยังทิ้งขว้างไม่ไยดีในตัวหล่อนเลย            "คุณหญิงให้หนูไปอยู่หอพักได้ไหมคะ" เด็กสาวตัดสินใจขออนุญาต แม้จะดูเป็นการเอาตัวรอดอย่างเห็นแก่ตัวไปหน่อยก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่อยากอยู่เผชิญปัญหาหากลูกชายของท่านกลับมาตั้งรากปักฐานอยู่ที่นี่จริงๆ            อย่างไรเสียหล่อนก็เป็นคนนอก...อย่างไรเสียก็เป็นคนที่เขาเกลียดเขาชังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ด้วยข้อหาตัวซวยตัวกาลกิณีของครอบครัวเขา ไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องโผผินบินจากที่ซุกหัวนอนตรงนี้อยู่ดี            "โตแล้ว...ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่"            "หนูไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะคุณหญิง...หนูขอโทษค่ะ หนูแค่...ไม่อยากทำให้คุณหญิงต้องเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะพี่อาร์มเกลียดหนูมาก...ถ้าหนูอยู่เขาก็คงไม่สบายใจ"            "เขาก็อยู่ส่วนของเขา...เราก็อยู่ส่วนของเรา ฉันไม่อยากให้ใครมากล่าวหาเอาได้ว่ารังแกเด็กกำพร้าตาดำๆ เพราะอคติส่วนตัว เลี้ยงดูกันมาแล้วก็คงต้องส่งให้ถึงฝั่งถึงฝา ออกไปได้แล้วล่ะอย่าลืมไปจัดห้องให้ไว้ให้ด้วย"            คุณหญิงกัญญาตอบน้ำเสียงเรียบเฉยคาดเดาไม่ได้ถึงอารมณ์และความคิด หากแต่คำพูดบางคำมันเชือดเฉือนใจคนฟังยิ่งนัก            พรพระจันทร์กลืนน้ำลายลงแห้งฝืด บางครั้งหล่อนก็ไม่ได้อยากเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาของใครๆ หรอกนะ หล่อนไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะเลือกเกิดเองได้ หากสามารถกำหนด...หล่อนก็อยากมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบเฉกเช่นเด็กคนอื่นๆ เหมือนกัน            อย่างน้อย...ก็เป็นที่ต้องการของบุพการีโดยสายเลือด            "ค่ะคุณหญิง..." เด็กสาวน้อมรับแล้วลุกคลานถอยหลังโดยใช้เข่าเมื่อเห็นว่าอยู่ห่างจากตัวคุณหญิงพอสมควรแล้วหล่อนจึงลุกขึ้นและน้อมตัวเดินออกไปจากห้องนั้นพร้อมปิดประตูเรียบร้อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD