แสนดีบอกแม่เลี้ยงว่าวันนี้มีคนมาหาท่าน แต่ไม่รู้ว่าใคร เพราะเธอลืมถามชื่อไว้ และก็โดนท่านด่าว่าเหมือนทุกวัน ไม่รู้ว่าชีวิตจะดีขึ้นไหม หรือจะแย่กว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เธออยู่บ้านตัวเอง แต่เป็นที่รองเท้ารองมือให้น้องสาวกับแม่เลี้ยง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต
“ไปหาข้าวมาให้ฉันกินสิพี่แสนดี ฉันหิว” กิ่งแก้วสั่ง
“ให้ไวด้วย ลูกสาวฉันหิว และจำไว้ ถ้าไม่รู้จักอย่าพาเข้าบ้านอีก รู้ไหมนังโง่”
“ค่ะ แม่สุดใจ”
“ให้ฉันด้วย หิวจนจะกินหัวแกได้อยู่แล้วเนี่ย ข้างนอกร้อนก็ร้อน ไม่รู้จะร้อนอะไรนักหนา” นางบ่นไปเรื่อยแล้วเอนตัวพิงโซฟาตัวที่ตนนั่ง โดยข้างๆ มีลูกสาวสุดที่รักนั่งด้วย ส่วนเจ้าของบ้านตัวจริงนั่งพับเพียบกับพื้นพรม
แสนดีรีบลุกเดินไปหาข้าวและน้ำมาให้แม่เลี้ยงกับน้องสาวอย่างเร็ว หากชักช้ามีหวังโดนแม่เลี้ยงกับน้องสาวลงไม้ลงมืออีกเป็นแน่
“แม่...กิ่งแก้วล่ะเกลียดมัน” พอพี่สาวไปแล้ว กิ่งแก้วก็เอ่ยขึ้น
“แม่ก็เกลียดมัน แต่เราไล่มันไปไหนไม่ได้ บ้านหลังนี้บ้านมัน”
“แต่แม่ก็เอาโฉนดบ้านไปค้ำประกันกู้เงินกับเสี่ยจ้างแล้วนี่คะ แถมเงินที่พ่อทิ้งไว้ให้มันก็หมดแล้ว”
“ใช่ไง แต่ยังไงซะ บ้านหลังนี้ก็ขายได้ราคาเยอะกว่าเงินที่แม่ไปกู้มา ตอนนี้แม่ยังไม่ได้ส่งดอกเบี้ยและเงินต้นให้เสี่ยจ้าง ไม่รู้จะถูกอุ้มเมื่อไหร่”
“ทำไมแม่ไม่เอาเงินไปตัดดอก เดี๋ยวก็โดนอุ้มฆ่าแบบในข่าวหรอกแม่ แล้วไม่รู้จะไปเล่นอะไรนักหนาที่บ่อน ไม่เคยเห็นจะได้เงิน มีแต่เสียกับเสีย แล้วเนี่ยหนูจะเรียนจบแล้วนะแม่ หนูต้องเรียนมหา’ลัย”
“แม่ถึงต้องเข้าบ่อนไงกิ่งแก้ว”
“ข้ออ้างเถอะแม่ แม่เล่นเพราะแม่เสพติดมันไปแล้วไม่ใช่เพราะหาเงินมาส่งหนูเรียนต่อ หนูต้องได้ดีกว่าพี่แสนดีมัน เข้าใจไหมแม่”
“แน่นอนอยู่แล้ว ลูกสาวแม่ต้องได้ดีกว่ามัน มันเรียนจบแค่มัธยมปลายคงทำได้แค่งานในร้านกาแฟนั่นแหละ” สุดใจตอบกลับลูกสาว
“นั่นไง มาแล้วแม่ อย่าบอกนะว่าข้าวไข่เจียวตามเคย”
“กินๆ ไปเถอะลูก เดี๋ยวแม่เล่นได้ แม่จะพาไปกินอาหารหรูๆ สักวัน”
“แม่ก็พูดแบบนี้ตลอด” เด็กสาวตอบกลับ
ข้าวไข่เจียวกับน้ำถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าทั้งสอง แล้วเธอก็จากไป ด้วยรู้ดีว่าถ้าตนเองอยู่ก็ขวางหูขวางตาทั้งสอง
สองแม่ลูกรีบทานข้าวด้วยความหิว ออกไปข้างนอกทั้งวันไม่ได้ทานอะไร เพราะข้างนอกข้าวของแพงจึงอดทนรอมาทานที่บ้าน แต่ที่ออกไปทั้งวันเพราะออกไปเดินตากแอร์ในห้าง ก็ที่บ้านไฟโดนตัด เพราะไม่มีเงินไปจ่ายค่าไฟจึงทำให้อยู่บ้านไม่ได้ในวันหยุด
แม้เจ้านายไม่พูดอะไรตั้งแต่ออกมาจากบ้านของลูกหนี้ แต่อ่ำก็พอจะเดาออกว่าตอนนี้เจ้านายหนุ่มกำลังคิดจะทำอะไรอยู่
“ไปจัดการพาเด็กนั่นออกจากบ้านหลังนั้นซะไอ้อ่ำ” พอเข้ามาในบ้าน จ้างก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วสั่งการคนสนิท
“ครับเสี่ย แล้วจะพาเด็กนั่นไปอยู่ไหนครับเสี่ย”
“ห้องหับที่บ้านฉันตั้งเยอะแยะก็เลือกให้สักห้องก็แล้วกัน แล้วจัดการยัยแม่เลี้ยงนั่นด้วย หวังว่าพาเด็กนั่นมาแล้วจะไม่ตามมาก่อความวุ่นวายอีก”
“ครับเสี่ย” อ่ำเข้าใจแล้วว่าเจ้านายหมายถึงอะไร
“ไปจัดการให้เสร็จวันนี้”
“ครับเสี่ย” แล้วอ่ำก็รีบเดินจากไปพร้อมแฟ้มเอกสารสัญญาเงินกู้ของคุณนายสุดใจ
“น้านวลขอน้ำหน่อยครับ” พอเหลือตัวคนเดียว จ้างก็เรียกให้แม่บ้านของตนเองนำน้ำดื่มมาให้ตนดื่มแก้กระหาย
อ่ำกลับมาบ้านหลังนี้อีกครั้งในตอนหนึ่งทุ่ม ไม่ได้มากับเจ้านายแล้วก็ไม่ได้มาคนเดียว แต่พาลูกน้องติดตามมาด้วยสองคน พอมาถึงก็กดกริ่งหน้าบ้าน รอไม่นานก็มีคนมาเปิดประตูให้ ไม่ใช่คนเมื่อตอนกลางวัน แต่เป็นคนอื่น
“มาหาใครคะ” เด็กสาวเอ่ยถามเสียงห้วนแข็งต่างจากคนเมื่อตอนกลางวัน
“มาหาคุณนายสุดใจ” อ่ำตอบกลับเสียงเข้ม
“อ้อ...เจ้าหนี้แม่เหรอ”
อือ!
อ่ำครางตอบ
“งั้นก็เชิญค่ะ” เมื่อมองดูแล้วว่าหากไล่ไปก็ไร้ประโยชน์ สู้เชิญเข้าบ้านไปเจอแม่ตนดีกว่า วันนี้ไม่ให้เข้าบ้าน วันหลังก็มาอยู่ดี
อ่ำกับลูกน้องสองคนเดินเข้ามาในบ้านเข้ามาในห้องโถงของบ้านแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมที่เมื่อตอนกลางวันเจ้านายนั่ง ตนเองยืน
“พี่แสนดีไปเอาน้ำมาให้แขกหน่อยสิ ฉันจะไปตามแม่” กิ่งแก้วเรียกบอกพี่สาวที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดบ้าน
“จ้ะ” แสนดีรับคำแล้วหมุนตัวเดินไปอีกทางเพื่อนำน้ำมาให้แขก
กิ่งแก้วขอตัวไปตามแม่ให้มาพบแขกของท่าน และไม่นานก็กลับมาพร้อมกับแสนดีที่นำน้ำมาเสิร์ฟให้แขก แสนดีจำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันเขาก็มา
“แม่สุดใจ คนนี้แหละค่ะที่มาตอนกลางวัน” แสนดีบอกท่าน
“เออ...จะไปไหนก็ไป เราด้วยกิ่งแก้ว” นางสุดใจเอ่ยไล่ลูกเลี้ยงกับลูกสาวตัวเองเมื่อเดินมาเห็นว่าเป็นใคร
สองสาวเดินจากไปปล่อยให้แม่อยู่กับแขกลำพังในห้องโถง
“หายเงียบไปนะคุณนาย หรือคิดจะหนีหนี้ของเสี่ย?” อ่ำถามเมื่อเหลือกันตามลำพัง
“ไม่ได้หนีนะคุณอ่ำ อิฉันกำลังหาเงินอยู่” นางยืนก้มหน้าตอบ ไม่กล้าเงยหน้าสบตาคนที่นั่งมองตนบนโซฟา
“หึ! งั้นเหรอครับ แม้แต่ดอกเบี้ยก็ไม่ยอมจ่าย แบบนี้เขาเรียกว่าหนีแล้วครับ เสี่ยให้ผมมาเก็บดอก และผมไม่ต้องการกลับไปมือเปล่า ผมเห็นว่าคุณมีลูกสาวสองคน ส่งไปขัดดอกสักคนสิครับ”
“ไม่นะคะ ลูกสาวของอิฉันยังเด็กอยู่ ถ้าจะขัดดอกเอาลูกเลี้ยงฉันไปแทนได้ไหมคะ รายนั้นขยันทำงานค่ะ เธออายุสิบเก้าปีแล้ว” นางรู้ดีว่าเสี่ยจ้างเป็นคนยังไง ไม่มีทางส่งลูกสาวตนเองไปเป็นเบี้ยขัดดอกบำเรอสวาทให้เสี่ยจ้างหรอก แถมอายุก็ไม่น้อยแล้ว ลูกสาวหล่อนยังต้องมีอนาคตอีกไกล
หึ!
อ่ำยกยิ้มมุมปากเมื่อทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนการและเป็นอย่างที่คาดเดาไว้ไม่มีผิด
“เราจะพาลูกเลี้ยงคุณไปกับเราก่อน แต่ใช่ว่าต้นจะลด คุณยังต้องหาเงินมาจ่ายต้น ส่วนดอกเบี้ยไม่ต้องจ่าย แต่เมื่อไหร่ที่ลูกเลี้ยงคุณหายไป คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยเหมือนเดิมหรือส่งลูกสาวของคุณไปแทน” อ่ำเอ่ยพร้อมหยิบแก้วน้ำมาจิบดื่ม
“มันไม่หนีแน่นอนค่ะ เดี๋ยวอิฉันจะจัดการเอง รอแป๊บนะคะ รอพามันกลับไปด้วยได้เลยค่ะ” นางเอ่ยอย่างร้อนรนด้วยกลัวว่าคนของเสี่ยจ้างจะมาวุ่นวายกับลูกสาวของตน
“ครับ เราจะรอ”
“ค่ะ ไม่นาน รอแป๊บนะคะ” แล้วนางก็รีบเดินหายออกไปจากห้องโถงไปหาลูกเลี้ยง ส่วนอ่ำก็ล้วงโทรศัพท์ออกมากดต่อสายหาเจ้านายเพื่อรายงานว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
จะอยู่ที่ไหนก็ไม่ต่างกัน อยู่บ้านตัวเองก็เหมือนเป็นผู้อาศัยเป็นแค่เด็กรับใช้คอยรองเท้ารองมือของแม่เลี้ยงกับน้องสาว ลูกติดแม่เลี้ยง เธอจึงยอมมาทำงานขัดดอกที่บ้านหลังใหญ่หลังนี้ อีกอย่างเธออยากรักษาโฉนดที่ดินบ้านของพ่อกับแม่ไว้ด้วย จึงยอมหอบกระเป๋าตามชายแปลกหน้ามา
“เสี่ยอยู่ข้างใน เชิญครับ” อ่ำเดินมาส่งเด็กสาวหน้าห้องทำงานของนายตน
แสนดีหันมามองคนที่เดินมาส่งตัวเองแล้วเขาพยักหน้าให้เปิดประตูเข้าไป เธอจึงยกมือบิดลูกบิดประตูเปิดผลักเข้าไปในห้อง ส่วนคนที่พามาก็เดินจากไป
แอค!
ร่างเล็กคุ้นเคยเมื่อตอนกลางวันเดินแทรกผ่านธรณีประตูเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบเล็กแบบหิ้วถือในมือ
“เข้ามาสิ”
“สวัสดีค่ะ” แสนดียกมือไหว้อีกฝ่าย
“อือ...มานั่งสิ เราใช่ว่าเพิ่งเคยเจอกันสักหน่อย” หนุ่มใหญ่เอ่ยพร้อมปิดหนังสือเศรษฐกิจที่อ่านอยู่ตรงหน้าไว้มองจ้องเด็กสาว
แสนดีเดินหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าสองสามชุดของตัวเองไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานแล้วดึงลากเก้าอี้ออกนั่ง
“ตอนกลางวันฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเอง ฉันชื่อ ‘จ้าง’ เรียกฉันคุณจ้างหรือเสี่ยจ้างแบบคนอื่นก็ได้” จ้างเอ่ยแนะนำตัวเองกับสาวน้อย
“หนูชื่อแสนดี เป็นลูกเลี้ยงของแม่สุดใจค่ะ”
“อือ...ฉันรู้ และชื่อในโฉนดที่ดินที่แม่เลี้ยงเธอนำมาค้ำประกันเอาเงินกับฉันก็เป็นของเธอใช่ไหมเด็กน้อย เธอไม่รู้เหรอว่าแม่เลี้ยงเอามันมาค้ำประกันกับฉัน” จ้างถาม
อือ!
สาวน้อยส่ายหน้า
“น่าสงสารจริงๆ ต่อไปนี้ก็มาทำงานที่นี่แหละ และที่ฉันถามเมื่อตอนกลางวันว่า ‘อยากเรียนต่อไหม’ น่ะ ฉันถามจริงนะ ถ้าอยากเรียนก็บอกฉัน ฉันจัดการส่งเสียได้ แต่...” เขาหยุดพูดไปสังเกตใบหน้าเด็กสาวไร้เดียงสาแล้วก็พูดต่อ “เดี๋ยวฉันจะบอกเงื่อนไขทีหลัง แต่วันนี้ก็ดึกแล้วไปพักผ่อนเถอะ ในบ้านหลังนี้มีฉัน น้านวลแม่บ้านกับไอ้อ่ำ ลูกชายน้านวล เราอยู่กันสามคนและมีเธอมาเพิ่มอีกคนตอนนี้เป็นสี่คน เดี๋ยวฉันพาไปห้องพัก” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
แสนดีรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยกว่าอยู่บ้านตัวเองเสียอีกตอนนี้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหนี้ของแม่เลี้ยงถึงได้พูดจาดีและทำดีกับตนแบบนี้
“ขอบคุณนะคะคุณจ้างที่เมตตาหนู” เธอลุกขึ้นยกมือไหว้ขอบคุณ
“อย่าเพิ่งขอบคุณ เดี๋ยวจะเสียใจทีหลัง” จ้างเอ่ยทิ้งคำไว้ให้สาวน้อยสงสัยก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินนำหน้าคนตัวเล็กออกไปจากห้องทำงานของตน
แสนดีเดินหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางตามเจ้าบ้านไปยังห้องพักของตัวเอง ตอนแรกคิดว่าเขาจะพาไปห้องพักชั้นล่าง แต่เปล่า เขาพาเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง
“เนี่ยห้องพักของเธอแสนดี ส่วนห้องฉันอยู่ตรงนี้ ขาดเหลืออะไรเคาะห้องเรียกได้” จ้างบอกเด็กสาวเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักที่ให้น้านวลเตรียมไว้ให้ตอนอ่ำออกไป ซึ่งเป็นห้องที่ติดกับห้องนอนของตน
“ให้หนูพักห้องนี้เหรอคะ แต่หนูมาทำงานขัดดอกนะคะ”
“ใช่ งานขัดดอกนั่นแหละ” หนุ่มใหญ่ตอบพร้อมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ยิ่งมองหน้าสวยจิ้มลิ้มยิ่งทำให้เขารู้สึกใจสั่นไหว ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งเยอะ ไม่คิดว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้กับเด็กสาวไร้เดียงสา
แสนดีได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวมึนงงไม่เข้าใจ ทำไมถึงได้พักห้องดีๆ แบบนี้ หรือชีวิตที่นี่จะดีกว่าอยู่บ้านกันนะ
“ขอบคุณนะคะคุณจ้าง”
อืม!
เขาครางรับคำขอบคุณสาวน้อยแล้วเดินไปเปิดประตูห้องตนเองที่อยู่ถัดประตูห้องของสาวน้อยไปแค่สามก้าวเดิน
“พรุ่งนี้เจอกันแสนดี” ก่อนเปิดประตูก็เอ่ยสั่งลาแล้วเปิดผลักประตูเข้าไปในห้อง
ปึก!
แสนดียังไม่ตอบ เขาก็ปิดประตูห้องไปซะแล้ว สาวน้อยหอบหิ้วกอดกระเป๋าเดินทางเข้าห้องไปพักผ่อน