กว่า เกดกนกจะตื่นก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมงเช้าเธอรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปที่ร้าน หญิงสาวเลือที่จะนั่งแท็กซี่เพื่อความรวดเร็วแต่ก็ยังใช้เวลานานไม่คิดเลยว่าเพนเฮาส์สุดหรูนี้อยู่คนละฟากกับร้านของเธอ ตอนขามาเธอหลับไม่รู้เรื่อง ตลอดสองวันไปไหนมาไหนก็มีคนขับรถให้เธอจึงไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
เมื่อมาถึงที่ร้านก็หญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังขนย้ายข้าวของขึ้นรถ แต่เอ๊ะ นั่นมันของๆ เรานี่นา
“เฮ้ย นี่มันอะไรกันน่ะ หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ วางของๆ ฉันลง นี่ๆ บอกให้วางไง” เสียงของเจ้าของร้านคนสวยทำให้ลูกค้าในร้านมองมายังเธอเป็นตาเดียวกัน ส่วนคนยกของยังคงทำหน้าที่ของตนเองต่อไปไม่สนใจเสียนงโหวกเหวกโวยวายของเธอเลยสักนิด
“ไม่มีอะไรค่ะตามสบายค่ะ ขอโทษค่า” หญิงสาวได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ลูกค้าก่อนจะหันไปถามพนักงานของเธอ
“วีวี่นี่มันอะไรกัน”
“แหมพี่เกดหายไปสองคืนกลับมาให้สามีมาขนข้าวของไปเลยนะไม่บอกล่วงหน้าเลยว่าแต่งงานแล้วอ่า” เกดกนกมองตามที่วีวี่พยักเพยิดให้ดูแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง ก่อนจะเดินตรงไปยังคนเจ้าอำนาจที่นั่งจิบเครื่องดื่มด้วยท่าทางแสนสบาย
“นี่คุณหยุดเลยมีสิทธิอะไรมีจัดการกับข้าวของชั้นฮ้า ออกไปจากร้านฉันเลยนะคนบ้า ออกไปนะ แล้วสั่งให้ลูกน้องของคุณเอาของฉันมาคืนด้วย” สาวเจ้า เดินเข้ามายืนเต้นเร่าๆอยู่ข้างๆเขาแต่ชายหนุ่มยังเฉยจะสนใจสักนิดก็หาไม่
“เอ๊ะ นี่คุณไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง นี่”
“ได้ยิน” ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียนราบเรียบ
“ได้ยินแล้วก็บอกคนของคุณสิ เห็นไหมว่าเขาเก็บของขึ้นรถแล้วอ่ะ” เธอยังคงโวยวายเข้าใส่
“คุณพูดจบหรือยังถ้าจบแล้วกรุณาหยุดโวยวายได้แล้ว” เสียงเรียบเย็น ตาคมเรียวดุมองมายังเธอนิ่งๆทำเอา เกดกนกลืมคำพูดที่จะพูดไปหมด
“จะ จบแล้ว”
“จบแล้วก็นั่งลงสิยืนอยู่ทำไมล่ะ” สายตาที่มองมาทำให้เธอต้องก้มหน้าลงหลบทันทีแต่เรื่องอะไรคนอย่าง เกดกนกจะยอมเธอยังยืนเฉย
“นี่ คุณ คุณ” แต่แล้วคนเก่งก็ต้องรีบหุบปากลงเมื่อเขาสั่งเสียงเฉียบ
“นั่งลง” เกดกนกจำต้องนั่งลงเขาวางแก้วกาแฟแล้วเอนหลังพิงกับเก้าอี้มองหน้าเธอนิ่งๆ จนเธอชักเริ่มใจสั่นๆ
“มีอะไรก็ว่ามา” เขายังพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ จิบกาแฟสบายๆ ตาก็จ้องเอาๆ
“มะ ไม่มีแล้ว” เธอตอบทันที รู้สึกอึดอัดอย่างไรก็ไม่รู้กับสายตาของเขาที่เธอไม่เคยได้เห็นตลอดสองวันมานี้
“แน่นะ” เขาย้ำ
“อื่ม” เกดกนกไม่กล้าสบตากับเขาก็ใครจะกล้าล่ะตาดุอย่างกับอะไร ส่วนแกลรี่แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่กับท่าทางของเธอที่แสดงออกว่ากลัวเขาจนตัวสั่น เขาพูดขึ้นอีกเธอยิ่งสะดุ้ง
“เอาล่ะ”
“อะไรอีกเล่า” เธอพูดออกมาเสียงกระชากตวัดสายตาขึ้นมองอย่างหงุดหงิด
“ก็คุณเองไม่ใช่หรือไงที่บอกว่าจะไปอยู่กับผมน่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณต้องไปอยู่บ้านผมในฐานะภรรยาถ้าพูดไม่รู้เรื่องอีกละก็ร้านนี้พัง” คนเจ้าเล่ห์โน้มตัวลงมาขู่พร้อมกับขโมยหอมแก้มใสไปฟอดหนึ่งเลยมาจุ๊บที่มุมปากอีกทีก่อนจะเดินออกจากร้านไปอย่างสง่าผ่าเผย ปล่อยให้สาวเจ้านั่งงงในดงกาแฟอยู่เป็นนานสองนาน
เกิดอะไรขึ้นกับเขาทำไมเขาเปลี่ยนไปชั่วข้ามคืนเมื่อวานยังไม่ยอมให้เธออยู่ด้วยแต่มาวันนี้มาบังคับเธอ แล้วยังมาทำกรุ่มกริ่มกับเธออีก
“คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ตามอารมณ์ไม่ทันจริงๆ อี๋ มาหอมแก้มมาจุ๊บเค้า อีตาแกลรี่บ้า” บ่นไปเขินไปอยู่คนเดียว
“พี่เกดจะนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกนานไหมค้าสงสารพวกเราด้วยนะคะลูกค้าเยอะแล้วค่า” ทามาร่าเดินเข้ามาแซวนายสาวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“มองทำไมล่ะทำงานได้แล้วเร็วสิ” เกดกนก แกล้งสั่งงานด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“อ้าว ว่าแต่ว่าสามีพี่เกดนี่หล้อหล่อเนอะว่าแต่ไปเจอตอนไหนอ่ะทำไมเร็วจัง” ลูกน้องสาวยังคงแซวไม่เลิกยิ่งเมื่อเห็นนายสาวอายม้วนต้วน
“พูดมากทำงานได้แล้วโน้นลูกค้ามาแล้ว” ทามาร่าวิ่งไปรับออร์เดอร์จากลูกค้าทันที
เกดกนกคงไม่รู้ว่าแกลรี่ใช้เวลาเกือบทั้งคืนคิดว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตการแต่งงานของเขาและเธอดี ชายหนุ่มเข้าไปนั่งมองเธอหลับและถือโอกาสกอดเธอไว้ในวงแขนความอบอุ่นเกิดขึ้นในหัวใจอันด้านชา หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อเธออยู่ใกล้ เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่อยู่กับเธอเขายิ้ม หัวเราะ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญเขาอยากตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วมีใครซักคนอยู่ในอ้อมแขนและคนคนนั้นก็ต้องเป็นเธอเท่านั้น
วันนี้ทั้งวัน เกดกนกและพนักงานในร้านต่างก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือเพราะหยุดงานไปสองวันลูกค้าเลยมากันมากขนมทุกอย่างก็ทำกันวันนี้เลยเหนื่อยกันเป็นพิเศษ จนกระทั่งเกือบสองทุ่มได้เวลาปิดร้านแต่เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นแสดงว่ามีลูกค้าเข้าร้าน
“ประทานโทษนะคะพอดีปิดร้านแล้วค่ะ” ร่างระหงในชุดคลุมท้องเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณเกดกนกใช่ไหมคะ” เธอมองคนตรงหน้างง
“ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือ..”
“ฉันมาริญาค่ะ จะมาขอบคุณแทนสามีของดิฉันน่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่อย่างนั้นมาริญ่ากับลูกคงต้องลำบากแน่เลย” อึ้ง ค่ะอึ้ง งงด้วยค่ะ เราไปช่วยชีวิตสามีเธอคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เกดกนกขมวดคิ้วคิด เอ๊ะหรือว่า
“เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าสามีคุณคือ กาสเตอร์ คุณกาสเตอร์ที่เป็นเจ้าของโรงแรม”
“ใช่ค่ะ กาสเตอร์เป็นสามีของมาริญ่าเอง เป็นพ่อของลูกเราแต่งงานมาสามปีแล้วค่ะแต่เราพึ่งมีลูกคนแรกกันเค้าดีใจมากนะคะเนี้ย” มาริญ่าพูดถึงสามีด้วยแววตาแห่งความรักเต็มหัวใจ เกดกนก มองคุณแม่ท้องโย้แล้วพูดไม่ออก นี่มันอะไรกันเนี้ยอย่าบอกนะว่าเธอถูกเขาหลอกอีกแล้วเธอยืนกำมือแน่นแต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักซะก่อน
“อ้าวคุณมาริญา”
“อ้าวพอลมารับคุณ เกดกนกหรือจ๊ะ แล้วกาสเตอร์ล่ะ”
“ยังอยู่ที่โรงแรมครับ เชิญคุณมาริญานะครับ” พอลตอบอย่างนอบน้อม
“งั้นมาริญาไปนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักอี้กครั้งค่ะคุณเกดกนก ” มาริญาเดินออกไปด้วยความโล่งอกแต่ ตรงกันข้ามกันเกดกนกที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้รับรู้ เธอทั้งโกรธ ทั้งโมโห น้อยใจ แค้นใจที่ถูกเขาหลอกแล้วหลอกเล่า ริมฝีปากอวบอิ่มถูกผู้เป็นเจ้าของเม้มแน่นกลั้นน้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจเอาไว้
“กลับบ้านกันเถอะครับนายหญิง” พอลพูดขึ้น
“เรียกเกดเถอะนะคะอย่าเรียกอย่างนั้นเลยมันแปลกๆ อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่นายหญิงด้วย ผู้หญิงคนนั้นต่างหากเป็นนายหญิงของกาสเตอร์ คุณว่าจริงไหมคะ คุณ..”
“พอลครับคุณเกด”
“อื่ม คุณพอล”
“เชิญครับ” พอลพาเกดกนกมาที่บ้านขนาดกลางหลังหนึ่ง มองดูร่มรื่น อบอุ่น บ้านทรงยุโรปตั้งเด่นตรงกลางล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าเขียวขจี ถ้าเป็นช่วงอารมณ์ปกติเธอคงจะเดินสำรวจชื่นชมบรรยากาสแสนงาม แต่ตอนนี้เธอไม่มีกระจิตกระใจมองอะไรทั้งนั้น เกดกนกเดินตามสาวใช้เข้าไปในบ้าน เธอกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เห็นว่าภายในบ้านถูกตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบง่าย แต่หรูหรา มีรสนิยม ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องนอน ด้วยความเมื่อยล้า หญิงสามพาร่างอันหนักอึ้งของตัวเองเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ในหัวของเธอมีแต่ภาพของมารีญาที่ท้องโย้ ยิ่งคิดยิ่งแค้น จนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน