ตอนที่ 3 ถูกใจแมวมอง

1917 Words
หลังจากทานอาหารเสร็จ สามคนแม่ลูกก็เดินไปยังโซนขายสินค้าประเภทของใช้และเครื่องประดับ กาญจนาตั้งใจว่าจะซื้อนาฬิกาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับคุณพ่อของสามี และตั้งใจที่จะซื้อเครื่องดนตรีให้กับบุตรสาวเพราะที่เคยมีอยู่นั้นก็เก่ามากแล้ว “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิงสนใจเรือนไหนแจ้งได้เลยนะคะ” พนักงานสาวยิ้มแย้มรีบเอ่ยทักทายทันทีที่มีลูกค้าเข้าร้านมา “สวัสดีค่ะ สนใจนาฬิกาของผู้ชาย อายุประมาณหกสิบปีน่ะค่ะ” กาญจนาบอกพนักงานด้วยรอยยิ้มเช่นกัน พนักงานสาวกุลีกุจอหยิบนาฬิกาแบรนด์ดังแต่ละแบรนด์ขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าคนสวยที่มาพร้อมกับเด็กน้อยหน้าตาสวยหล่อทั้งสองคน เธอคาดว่าทั้งสามน่าจะเป็นแม่ลูกกัน ‘ว่าแต่ลูกสาวนี่น่าจะสักห้าหกขวบได้ ทำไมน้องเค้าถึงหน้าตาดีจังนะ ใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาเลย โตขึ้นมานี่ต้องสวยมากแน่ๆ’ พนักงานสาวคิดในใจขณะมองไปที่เด็กหญิงที่ยืนอยู่ข้างมารดา “เอาเรือนนี้แหละค่ะ ช่วยห่อให้หน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานกาญจนาดึงสติของพนักงานที่กำลังมองใบหน้าสวยหวานของบุตรสาวอย่างเคลิบเคลิ้ม “อะ..เอ่อ ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวตอบก่อนที่จะเดินไปที่ด้านหลังเคาน์เตอร์และจัดการห่อนาฬิกาด้วยกระดาษห่อของขวัญที่ทางร้านเตรียมไว้ห่อให้ลูกค้าที่มาเลือกซื้อนาฬิกาไปเป็นของขวัญสำหรับคนพิเศษ ใช้เวลาเพียงไม่นานพนักงานสาวก็เดินกลับมา “ได้แล้วค่ะคุณลูกค้า ทั้งหมดหนึ่งแสนหกพันบาทค่ะ” สิ้นเสียงพนักงานสาวเด็กหญิงตัวน้อยก็ตาโตพรางคิดในใจ ‘นี่พี่สะใภ้ซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณพ่อเป็นแสนเลยหรือเนี่ย พี่สะใภ้ของเธอนี่เป็นคนดีจริงๆ เธอช่างโชคดีนักที่ได้เกิดใหม่มาเป็นลูกสาวของพี่สะใภ้คนนี้’ กาญจนายื่นบัตรเครดิตแบล๊คการ์ดสีดำของตนให้กับพนักงานขาย เธอรับไปอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะส่งคืนในเวลาต่อมา “อะ..เอ่อ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ หนูน้อยคนนี้เป็นดาราใช่ไหมคะ” พนักงานสาวทำใจกล้าเอ่ยถามอย่างเกรงใจ กาญจนาส่งยิ้มให้ “ไม่ใช่ค่ะ แต่คุณอาของเธอเคยเป็นดาราอยู่ค่ะ” เธอตอบอย่างเป็นมิตร “อ๋อ พอจะบอกให้ทราบหน่อยได้ไหมคะ เผื่อดิฉันจะรู้จัก” พนักงานสาวเอ่ยถามขึ้น “คุณอาของน้องเสียไปตั้งแต่ปี50แล้วล่ะค่ะ น้องจิ๋ว จิราภร โชติกุลยังไงละคะ” น้ำเสียงเศร้าๆ เอ่ยออกมา เด็กน้อยทั้งสองต่างมองใบหน้าหวานของมารดา โดยเฉพาะน้องเข็ม ซึ่งเธอก็คือบุคคลที่มารดาพูดถึงในอดีตชาติ พนักงานสาวถึงกับตาโต เธอจำข่าวเหตุการณ์ตอนนั้นได้ดี ที่ทำให้คนวงการและแฟนๆ ละครพากันเศร้าไปทั้งประเทศ “เอ่อ ดิฉันขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะ ดิฉันไม่น่าจะถามออกไปเลย” พนักงานสาวยกมือไหว้ก่อนที่จะเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด “ไม่เป็นไรค่ะ น้องจิ๋วไปสบายแล้ว บางทีน้องอาจจะกำลังมองดูพวกเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง” กาญจนาบอกก่อนที่จะปลอบใจตนเอง ‘ใช่ค่ะ จิ๋วอยู่ข้างๆ พี่กาญมา5ปีแล้วค่ะ’ จิราภรในร่างของเขมิกาคิดในใจ สามแม่ลูกพากันเดินออกจากร้านไป “คุณแม่ครับ จะไปไหนกันต่อครับ เมื่อกี้ที่คุณแม่พูดถึงใช่คุณอาจิ๋วใช่ไหมครับ” เด็กน้อยเอ่ยถามมารดาขณะที่เดินเคียงข้างกันมา “จะพาน้องเราไปดูอะคูเลเล่ตัวใหม่น่ะจ้ะ ลูกอยากได้อะไรไหมครับ..... ใช่แล้วลูกคุณอาจิ๋วที่เคยอุ้มเรียวไปเที่ยวไงลูก ตอนนั้นลูกยังเล็กๆอยู่ อาจิ๋วรักเรียวมากเลยนะ เสียดายที่อาจิ๋วไม่ทันได้เห็นน้องเข็ม” กาญจนาตอบบุตรชายก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงยามมองไปที่บุตรสาวตัวน้อย “เรียวไม่อยากได้อะไรครับ แต่เรียวอยากฟังน้องเข็มเล่นอะคูเลเล่พร้อมกับร้องเพลงให้เรียวฟังดีกว่า” เด็กชายเรวัตบอกมารดาก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าสวยของน้องสาวแล้วส่งยิ้มให้ “น้องเข็มว่าอาจิ๋วต้องมองเข็มจากบนฟ้าแน่ๆ เลยค่ะ” เด็กหญิงเอ่ยปลอบใจมารดา ‘เธอก็มาอยู่ใกล้พี่กาญนี่แล้วไง ได้เห็นทั้งครอบครัวเลย’ เขมิกาคิดในใจ กาญจนาส่งยิ้มให้บุตรสาวและบุตรชาย ก่อนที่จะยื่นมือบางไปลูบผมของบุตรสาวไปมา แล้วเปลี่ยนไปจับมือเล็กเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องดนตรีสากลที่มีอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเคนแห่งนี้ ร้านขายเครื่องดนตรี “ขอลองหน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานเล็กๆ เอ่ยถามพนักงานขาย “หนูเล่นเป็นหรือคะ” พนักงานสาวเอ่ยถามเด็กหญิงตัวน้อยที่มีเค้าโครงหน้าสวยจนคนโตต้องแอบอิจฉาด้วยความสงสัยว่าเด็กวัยนี้ไม่น่าจะเล่นเป็น กาญจนาเดินตามเข้ามาสมทบได้ยินเข้าพอดี หลังจากที่เธอยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกร้าน แต่เธอก็หาได้เหวี่ยงใส่พนักงานขายแต่อย่างใด กลับส่งยิ้มไปให้แทน “น้องเข็มเล่นเป็นครับ แถมร้องเพลงเพราะด้วย” เรียวรีบอวยน้องสาวของตนทันที “ให้ลูกสาวของดิฉันลองหน่อยนะคะ” เสียงหวานของกาญจนาดังขึ้น พนักงานเลยหยิบอะคูเลเล่ที่แม่หนูน้อยทำท่าสนใจมาให้ลอง เด็กหญิงเขมิกา โชติกุลโชว์พรสวรรค์ของตนทั้งร้องทั้งเล่น อวดสายตาคนมองจนมีหลายๆ คนที่กำลังเดินผ่านหน้าร้านไปต้องเดินย้อนกลับมาฟัง จึงได้เห็นร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงที่มีใบหน้าสวยกำลังดีดอะคูเลเล่ตัวเล็กสีชมพูพร้อมกับร้องเพลงสากลอย่างชัดเจน สำเนียงถูกต้องแถมเพราะมากอีกต่างหาก ขณะนั้นมีแมวมองจากโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งกำลังเดินผ่านไปพอดี จึงรีบเดินกลับมาดู ก่อนที่จะเข้าไปคุยด้วยเมื่อหนูน้อยเล่นจนจบและได้รับเสียงปรบมือจากบรรดาลูกค้า พนักงานและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้ว 'ก็คนมันเกิดมาเพื่อที่จะเป็นดาวอยู่ที่ไหนมันก็ย่อมเปล่งแสงสว่างให้คนได้มองเห็น’ คำนี้ใช้พูดในตอนนี้คงจะไม่ผิดมากนัก “สวัสดีค่ะหนูน้อย” เสียงทักทายจากเจ๊เอก แมวมองของโมเดลลิ่งชื่อดังซึ่งเขมิกาจำเขาได้ดี เขาเป็นนักปั้นมือทองและเขาก็เป็นคนปั้นจิราภรในภพก่อนขึ้นมาจนโด่งดัง เจ๊เอกคนนี้ถือว่าเป็นคนดี จริงใจและชอบมอบโอกาสให้เธอได้เดินทางสายซุปตาร์ตั้งแต่เรียนจบ “สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงเขมิกาส่งยิ้มหวานให้และยกมือไหว้ก่อนที่จะเอ่ยทักทายผู้ที่เข้ามาทักทายเธอ “น้องหนูนี่ลูกสาวของคุณแม่ใช่ไหมคะ” เจ๊เอกส่งยิ้มให้หนูน้อยก่อนที่มองเลยไปยังหญิงสาววัยสามสิบที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังของเด็กหญิง และมีเด็กชายยืนเคียงข้างเธออยู่ “ใช่ค่ะ น้องเข็มเป็นลูกสาวคนเล็กของดิฉันเอง” กาญจนาตอบด้วยรอยยิ้ม “คืออย่างนี้ค่ะ ทางโมเดลลิ่งเอสมีเดียกำลังมองหาดาราศิลปินเด็กที่มีความสามารถด้านการดนตรีมาแสดงรับบทเป็นลูกสาวของพระนางพอดี คุณแม่พอที่จะสนใจให้น้องลองไปแคสดูได้ไหมคะ” เจ๊เอกอธิบายด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะยื่นนามบัตรให้กับกาญจนา เธอยื่นมือบางของตนไปรับนามบัตรมาก่อนที่จะมองไปยังบุตรสาวตัวน้อย เธอมองเห็นมาตลอดว่าบุตรสาวนั้นมีพรสวรรค์เรื่องการร้องและการเล่นดนตรีมากเพียงใด หากให้บุตรสาวได้แสดงความสามารถในสิ่งที่ตนถนัดให้คนอื่นได้เห็นก็คงจะดีไม่น้อย เจ๊เอกนั่งยองๆ มองใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ มองไปทางพี่ชายที่น่าจะโตกว่าหลายปีก็ยังไม่หน้าตาดีที่เท่ากับน้องสาว “หนูชื่ออะไรจ๊ะ กี่ขวบแล้วเอ่ย” เจ๊เอกเอ่ยถามขึ้นด้วยความเอ็นดู เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับแม่หนูน้อยตรงหน้านี้มากนัก “หนูชื่อน้องเข็มค่ะ เด็กหญิงเขมิกา โชติกุล อายุ5ขวบย่าง6ขวบค่ะ” เธอตอบเจ๊เอกไปอย่างฉะฉานจนอีกฝ่ายนึกเอะใจกับนามสกุลของเด็กน้อย “เอ... ขอโทษนะคะคุณแม่ ไม่ทราบว่าคุณแม่เป็นอะไรกับน้องจิ๋ว จิราภร โชติกุลหรอคะ” เจ๊เอกเอ่ยถามคุณแม่ยังสาวไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ยัยจิ๋วเป็นน้องสาวของสามีดิฉันเองค่ะ ส่วนเด็กๆ ก็เป็นหลานแท้ๆ ของยัยจิ๋ว” กาญจนาตอบไปตามตรง ทำเอาคนเป็นแมวมองแอบตกใจ ก่อนที่จะมองใบหน้าเล็กที่ดูสวยเกินวัยตรงหน้า เธอกำลังยิ้มหวานส่งมาให้เขา ไม่ผิดแน่ เด็กคนนี้อาจจะกลายมาเป็นตัวแทนของคนเป็นอาที่ล่วงลับไปแล้วก็ได้ โมเดลลิ่งสาวประเภทสองคิดในใจก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจ และยืนขึ้นเพื่อคุยกับมารดาของเด็กหญิงตัวน้อยที่เขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก “น่าเสียดายน้องจิ๋วนะคะ ถ้าน้องยังอยู่ตอนนี้น้องก็คงจะดังกว่าเมื่อก่อนมาก” เจ๊เอกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ถึงจะผ่านมา6ปีแล้วที่จิราภรเสียชีวิตไป หากแต่โมเดลลิ่งสาวสองก็หาได้ลืมน้องสาวที่น่ารักคนนั้นไม่ เธอยังคงส่งยิ้มให้เขาเสมอทุกครั้งที่เขาหลับตา “คุณแม่อย่าลืมพาน้องมาแคสติ้งให้ได้นะคะ อีก3วันที่สตูดิโอเอสมีเดีย ตรงกับวันเสาร์พอดี เริ่มแคสเวลา9โมงเช้า อย่าทิ้งให้ความสามารถของน้องสูญเปล่าเพราะไม่มีใครได้มองเห็นเลยนะคะ ให้น้องได้แสดงออกและให้ความสุขกับคนอื่นเหมือนกับคุณอาของน้องที่เคยทำได้มาแล้วเถอะนะคะ” เจ๊เอกย้ำผู้เป็นมารดาของเด็กหญิงตัวน้อย ก่อนที่จะเอ่ยราวกับอ้อนวอน เขากำลังมองเห็นอะไรในตัวของเด็กน้อยคนนี้ แววตาที่แสดงออกมาถึงความมุ่งมั่นเหมือนกับจิราภรไม่มีผิด แล้วจะให้เธอปล่อยโอกาสนี้ในการที่จะปั้นดาวดวงใหม่มาประดับวงการหลุดลอยไปได้อย่างไร เจ๊เอกเดินจากไปหลังจากย้ำกับมารดาของเด็กหญิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเขามีงานที่ต้องไปทำต่อจึงไม่มีเวลามากพอที่จะได้คุยรายละเอียดให้มากกว่านี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าเขายังโชคดีอยู่ไม่น้อยที่มาทำธุระที่นี่วันนี้ จึงได้เจอกับว่าที่ดาวดวงใหม่ที่เตะหูและเตะตานักปั้นมือฉกาจแบบเขาเข้าอย่างจัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD