4 จุดไต้ตำตอ

2870 Words
ฟืดดดดดดดดด “อู้ววววว...ฉันพึ่งรู้สึกเป็นอิสระในรอบสิบแปดปี ขอบใจเธอมากนะรสที่พาฉันมาด้วย” เสียงสูดลมหายใจแห่งอิสระเข้าปอดดังขึ้นทันทีที่เดินออกมาจากสนามบินนานาชาติของประเทศไทยเมื่ออุตส่าวางแผนมาหลายต่อหลายครั้งเพื่อจะแอบหนีมาดูลูกสาวแต่กลับพังไม่เป็นท่า จนเมื่ออาทิตย์ก่อน คุณรสริน เพื่อนสนิทของเธอบินไปเที่ยวที่ฮาวายเธอเลยวางแผนหนีกลับมาและก็ดันทำสำเร็จเมื่อพวกลูกน้องของสามีมัวแต่ยุ่งกับการทำสวนใหม่ที่เธอแกล้งสั่งเอาไว้ “อะไรกัน ทำเหมือนโดนขังอยู่ที่โน่นอย่างนั้นแหละ แล้วนี่ใครมารับเธอล่ะ” คุณรสรินถามขึ้นอย่างแปลกใจ “ฉันเหรอ...กลับแท็กซี่เองก็ได้ ใครจะมารับล่ะ” คุณมารีรีบบอกออกมา เพราะไม่มีใครรู้ว่าเธอมาที่นี่ และถ้าเกิดรู้มีหวังโดนลากกลับฮาวายเป็นแน่ “แล้วหนูปั้นหยาล่ะ ไม่เจอตั้งสิบเจ็ดปี ป่านนี้โตเป็นสาวแล้วมั้ง” คุณรสรินถามออกมาด้วยความแปลกใจระคนสงสัย เพราะตั้งแต่ที่คุณมารีมีสามีเธอก็แทบไม่เคยเจอหน้าสามีของเพื่อนสนิทคนนี้เลย แล้วพอมีลูกก็เคยมาหาเธอแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเมื่อตอนแรกคลอด จากนั้นเธอก็แทบไม่เคยได้ข่าวเรื่องครอบครัวของเพื่อนสนิทอีกเลย นอกจากเรื่องราวสัพเพเหระต่างๆ “อืม...โตเป็นสาว...สวย...สมบูรณ์แบบเลยล่ะ” คุณมารีบอกออกมาพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุขฉายชัดบนใบหน้าที่ถึงแม้จะเริ่มมีริ้วรอยแต่ก็ยังสวยอยู่ “เธออยากไปพักกับฉันก่อนไหมล่ะ เผื่อว่าบางที...” คุณรสรินที่มองอยู่อดคิดไม่ได้ว่าบางทีเพื่อนของเธออาจกำลังมีปัญหาอยู่เลยลองชวนไปพักอยู่ด้วย “ได้เหรอ? งั้น...ฉันรบกวนเธอสักสองสามวันนะ” และคุณมารีก็รีบตอบตกลง เพราะถ้าเธอโผล่ไปหาปั้นหยาอาจเกิดปัญหาหรืออันตรายกับลูกสาวเธอได้ บางทีเธออาจได้เจอลูกถ้าเธอแอบไปเจอ “ได้สิ เรื่องแค่นี้เอง ไปอยู่กับฉันก่อน เบื่อแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้” พอได้ข้อสรุปทั้งสองก็เดินตรงไปยังทางออก ก่อนจะเจอชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนยิ้มกว้างรออยู่ “พอล! เกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้มารับแม่เองได้ล่ะลูก พ่อของลูกล่ะ” คุณรสรินรีบเดินเข้าไปหาบุตรชายอย่างนึกแปลกใจเพราะเธอนัดสามีเอาไว้แต่กลับเป็นบุตรชายที่มาแทน “คุณพ่อติดประชุมด่วนน่ะครับ แล้วนี่...” พอลรภีบอกขึ้นพร้อมกับมองไปที่คุณมารีอย่างสงสัย “คุณน้ามารีจ๊ะ เพื่อนของแม่เอง” คุณรสรินแนะนำออกมา “สวัสดีครับ” พอลรภียกมือขึ้นไหว้ “จ๊ะ เธอไม่เคยเห็นบอกว่าลูกชายเธอโตมาหล่อขนาดนี้ห๊ะ...เสียดาย ลูกสาวฉันพึ่ง 18 ไม่อย่างนั้นฉันจองลูกชายเธอแน่นอน” คุณมารีบอกออกมาด้วยความเสียดายเพราะถ้าปั้นหยาอายุเยอะกว่านี้สักสิบปีรับรองเธอได้จับคู่ให้เด็กทั้งสองเป็นแน่ “จ๊ะ! ลูกฉันจะสามสิบห้าแล้ว ไม่เหมาะกับหนูหยาหรอก...แก่เกินไปสำหรับลูกสาวเธอ” ทั้งสองพูดคุยกันขณะเดินตามร่างใหญ่ไปที่รถโดยไม่รู้เลยว่าที่พวกเธอพูดนั้นมันเกิดขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะขึ้นไปบนรถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่ “แล้ว...ตาพอลมีแฟนรึยังจ๊ะ” คุณมารีอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ เพราะยังเสียดายพอลรภีอยู่ “เอ่อ...มี...มีแล้วครับ...” ขณะขับรถอยู่ พอลรภีก็เจอเข้ากับคำถามที่ไม่ค่อยอยากตอบ เพราะรู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรตามมา “ห๊ะ...ลูกมีแฟนแล้วเหรอ? ใครกัน? แล้วไปมีตอนไหน? ทำไมแม่ถึงไม่เคยรู้ล่ะ” และนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาอยากเลี่ยง...คำถามของมารดา “ผมก็แค่คุยๆ ลองคบกันเฉยๆครับ เข้ากันได้ก็คบต่อ เข้าไม่ได้ก็จบ...โธ่ ผมสามสิบกว่าแล้วนะครับคุณแม่ ไหนว่าอยากอุ้มหลาน ผมก็พยายามอยู่นี่ไงครับ” เขาบอกออกมา “ลูกก็ต้องเลือกด้วย ไม่ใช่ไปคว้าเอาผู้หญิงคนไหนมาก็ได้ ลูกเป็นหมอ ส่วนคุณพ่อก็เป็นถึงรัฐมนตรี...” คุณรสรินเริ่มร่ายยาวตามแบบฉบับ “ครับๆๆๆๆๆ ผมจะเลือกให้มากๆๆๆๆ ทีนี้คุณแม่ก็เลิกบ่นได้แล้วนะครับ คุณน้าหมดสนุกกันพอดี” ส่วนพอลรภี พอเห็นว่ามารดาเริ่มบ่นมากขึ้นเรื่อยๆเขาเลยเอาอีกคนที่นั่งโดยสารมาด้วยเป็นข้ออ้าง ยิ่งทำให้คุณมารีรู้สึกชอบและถูกชะตากับพอลรภีเข้าไปอีก ไม่นานรถก็เข้ามาจอดลงที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ “ตอนเย็นผมมีนัด...เอาไว้เดี๋ยวผมจะหาเวลาว่างเข้ามาทานข้าวด้วยนะครับ” พอลรภีรีบเอ่ยขอตัวทันทีที่มาส่งถึงบ้าน ก่อนจะเดินกลับออกไป “พอล! ตาพอล เดี๋ยวก่อนสิ...เฮ้อ ลูกคนนี้นี่” เสียงคุณรสรินจะโกนเรียก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อลับร่างใหญ่ไปแล้ว “ฉันเสียดายลูกชายเธอจัง นี่ถ้าหยาโตกว่านี้ฉันได้จองลูกชายของเธอให้ลูกสาวฉันจริงๆแน่” ส่วนอีกคนที่ยังเสียดายก็ได้แต่มองตามไป “เฮ้อ เธอไม่รู้น่ะสิว่าลูกชายฉันน่ะ ทั้งดื้อทั้งรั้น เห็นหน้าตาท่าทางสุภาพแบบนั้นนะ ท่าจะดื้อล่ะก็ใครก็ห้ามไม่ได้เลยล่ะ” คุณรสรินบอกขึ้นก่อนจะพากันเดินเข้าบ้าน “ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ สามีฉันน่ะ หวงลูกสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก...” พอคิดไปถึงสามีและลูกคุณมารีก็อดทำหน้าเศร้าไม่ได้ เธอแค่อยากมีชีวิตปกติธรรมดาและมีความสุขแบบคนทั่วๆไป แต่นั่นก็แค่ความคิดเมื่อความเป็นจริงมันต่างกันคนละขั้วเลยก็ว่าได้ “คุณแม่! กลับมาแล้วเหรอคะ ทำไมไปนานจัง พิมพ์คิดถึงคุณแม่ทุกวันเลยรู้ไหมคะ” เสียงหวานใสของ พิมพ์รวี บุตรสาวคนเล็กของคุณรสรินและสามีที่หลงมาเกิดทั้งๆที่คิดว่าจะมีแค่พอลรภีคนเดียวเสียแล้ว ก่อนจะวิ่งตรงดิ่งมาหาผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงและท่าทางออดอ้อน “โธ่ ยัยพิมพ์ลูก อายุจะสิบแปดแล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้” เสียงที่ดูเหมือนจะต่อว่าแต่กลับเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูเมื่อบุตรสาวคนเล็กของเธอนั้นช่างพูดช่างจาและออดอ้อนเหมือนยังเป็นเด็กเล็กไม่มีผิด “อ่าว ลืมเลย สวัสดีคุณน้ามารีสิลูก คุณน้าเป็นเพื่อนสนิทของแม่เอง...นี่ลูกสาวคนเล็กของฉันน่ะ น่าจะอายุเท่าหนูหยา” “สวัสดีค่ะ...คุณน้าสวยจังเลยนะคะ คุณแม่แน่ใจเหรอคะว่าคุณน้าเป็นเพื่อนของคุณแม่...” พิมพ์รวีอดที่จะแกล้งผู้เป็นมารดาไม่ได้ “ยัยพิมพ์นี่! เดี๋ยวเถอะเรา” คุณรสรินเองก็แกล้งดุแบบไม่จริงจัง “โธ่ พิมพ์แค่ล้อเล่นค่ะ...ว่าแต่ ทำไมพิมพ์ถึงคุ้นๆหน้าคุณน้าคะ เหมือนเคยเห็น...” พอแกล้งมารดาจนพอใจแล้ว พิมพ์รวีก็หันไปมองหน้าของคุณมารีพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่งเมื่อดันคิดว่าคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก “พอเลยเรา เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว คุณน้าน่ะส่วนมากอยู่ต่างประเทศโน่น เราไม่เคยบินไปไหนจะเจอกันได้ยังไง” เป็นคุณรสรินที่รีบเอ่ยขัด “อ้อ สงสัยเพราะคุณน้าสวยเหมือนดารา พิมพ์เลยคิดว่าเคยเห็นมั้งคะ” “ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมลูกสาวเธอถึงดูน่ารักน่าเอ็นดูอย่างนี้ล่ะ ไหน...มาให้น้าดูใกล้ๆหน่อยซิ...” คุณมารีที่นั่งมองสองแม่ลูกโต้เถียงกันอดที่จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อพิมพ์รวีดูๆแล้วน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับปั้นหยาลูกสาวของเธอ แต่ทั้งสองช่างดูแตกต่างกันเหลือเกิน ส่วนพิมพ์รวีก็ลุกเดินเข้ามานั่งลงข้างเพื่อนของมารดาอย่างรู้สึกแปลกใจกับท่าทางเอ็นดูเธอเหมือนกับว่าเป็นลูกของตัวเองอย่างนั้น “ขอโทษนะจ๊ะพอดีหนูพิมพ์น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวของน้าน่ะ...น้าเคยเฝ้าภาวนาให้ลูกสาวของน้าเกิดมาแล้วน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกับหนู...” คุณมารีบอกออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นปัดปอยผมของพิมพ์รวีอย่างนึกเอ็นดู เธอเคยใฝ่ฝันว่าปั้นหยาจะเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนอย่างพิมพ์รวีในตอนนี้ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่หวัง ลูกสาวของเธอแทบไม่เคยได้รับความรักและความอบอุ่นเหมือนกับเด็กคนอื่นๆซึ่งมันอาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ปั้นหยามีท่าทางแข็งกระด้าง “เหรอคะ งั้นวันหลังคุณน้าก็พามาเที่ยวที่นี่สิคะ เราจะได้เป็นเพื่อนกัน” พิมพ์รวีบอกขึ้นเพราะเห็นแววตาอันเศร้าสร้อยของคนตรงหน้า ส่วนคุณรสรินก็อดที่จะมองและชื่นชมบุตรสาวของตนเองไม่ได้ เมื่อพิมพ์รวีช่างเกิดมาสมบูรณ์แบบอย่างที่เธอไม่เคยคิดเคยฝันเลยจริงๆ ลูกสาวของเธอแทบไม่เคยทำให้เธอเสียใจหรือผิดหวังเลยสักครั้ง “จ๊ะ...ถ้าเป็นไปได้ น้าจะพาลูกสาวของน้ามาเที่ยวหานะ...” คุณมารีบอกออกมาแต่ไม่เต็มเสียงนัก เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้คนของสามีอาจกำลังมาพาตัวเธอกลับไปอยู่ก็เป็นได้ เห็นทีคำภาวนาของเธอที่ต้องการพบและอยู่กับลูกสาวคงไม่เป็นผล และหลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงพูดเจื้อยแจ้วของพิมพ์รวีพร้อมกับเสียงหัวเราะของสองคุณแม่ดังขึ้นไม่หยุด เมื่อเด็กสาวนั้นช่างรู้วิธีทำให้คนรอบข้างมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ ติ๊ด! ‘หยา!!! นี่แฟนแกใช่ไหม?!’ ติ๊ด! ‘นี่ยังมีอีก ฉันว่าคนเดียวกันนะ‘ ติ๊ด! ‘นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ แกไปรู้จักได้ยังไงน่ะ‘ ติ๊ด! ‘แล้วแกรู้ไหมว่าเขาเป็นพี่ชายของยัยพิมพ์‘ ติ๊ด! และอีกสารพัดข้อความทั้งรูปภาพที่ส่งเข้ามาหาปั้นหยา พอเธอเปิดอ่านและดูรูปภาพเหล่านั้นถึงกับต้องซูมแล้วซูมอีกเพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เมื่อคนที่ยืนยิ้มร่าอยู่ข้างๆคนที่เธอพึ่งตกลงเป็นแฟนกับเขาคือพิมพ์รวี คู่อริเบอร์หนึ่งของพวกเธอนั่นเอง “นี่ลุง อยู่ไหนน่ะ” “หืม? อยู่โรงพยาบาล ทำไม คิดถึงอีกแล้วเหรอ” “ลุงชื่ออะไร ไม่ๆๆๆ นามสกุลอะไร” “ถามทำไม อะไร ไม่ถามชื่อแต่ถามนามสกุล” “ตอบมาสิ! แค่ตอบๆมาไม่ได้รึไง” “ยศวาทิน...มีอะไรรึ...อ่าว ฮัลโหล...นี่...อะไรของเขา...” และพอได้คำตอบ ปั้นหยาก็วางสายไปทันที ปล่อยให้พอลรภีได้แต่ยืนงงจนพวกพยาบาลที่ยืนอยู่ด้วยพากันมองอย่างสงสัยเพราะตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์ดูเหมือนคุณหมอสุดหล่อของพวกเธอท่าทางมีความสุขแต่ทำไมพอวางสายกลับดูแตกต่างจากตอนรับเสียเหลือเกิน “พอลคะ ว่างไหม? พอดีฟ้ามีเรื่องให้ช่วยน่ะค่ะ” “หือ? น่าจะว่างแล้ว มีอะไรรึเปล่าทำไมดูรีบๆ” “ตามฟ้ามาค่ะ” พอลรภีที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองถึงกับสะดุ้งเมื่อ ฟ้ารดา คุณหมอสาว เพื่อนร่วมรุ่นของเขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับเอื้อมมาจับมือของเขาให้เดินตามเธอไป ทำเอาพวกพยาบาลที่ต่างก็รู้ว่าฟ้ารดาหมายปองพอลรภีอยู่พากันเบะปากมองตามหลังอย่างไม่ค่อยพอใจ “นี่ค่ะ...พอดีฟ้าอยากใส่ชุดนี้ไปงานเลี้ยงอาทิตย์หน้า คุณว่าไงคะ จะเข้ากับฟ้ารึเปล่า” พอมาถึงที่หมาย ฟ้ารดาก็รีบหันหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมาให้พอลรภีดูซึ่งก็ทำเอาคุณหมอหนุ่มถึงกับรู้สึกเซ็งเพราะเธอลากเขามาเพราะเรื่องไร้สาระอีกตามเคย “ว่าไงคะ คุณคิดว่าเหมาะกับฟ้าไหม” “หืม?...ก็ เอ่อ เหมาะ...เหมาะดี” พอลรภีตอบออกมาทั้งๆที่แค่ชายตามอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องลากเขามาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้แทบทุกครั้ง “ขอบคุณนะคะ ฟ้าก็ชอบ ใส่ออกมาต้องสวยแน่เลย...ว่าแต่ งานอาทิตย์หน้า คุณไปกับฟ้าได้ไหม” และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอลากเขามา เธออยากเป็นคู่ควงของเขาในงานเลี้ยงอาทิตย์หน้า “ผมคิดว่าผมจะ...” ปากที่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธถึงกับอ้าค้างเมื่อเจอประโยคถัดมาของเธอ “คุณพ่อของคุณบอกให้เราไปด้วยกัน...” “งั้น เดี๋ยวผมขอคิดดูก่อนนะ พอดีอาทิตย์หน้าผมมีตารางผ่าตัดค่อนข้างเยอะ” “ค่ะ...อย่าลืมนะคะ แล้วฟ้าจะรอคำตอบจากคุณค่ะ” “งั้น...ผมขอตัวก่อนนะ มีงานต้องทำต่อน่ะ” พูดจบพอลรภีก็เดินหนีออกมาทันทีเมื่อยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้สึกอึดอัดกับฟ้ารดาเลยสักนิด จนกระทั่งมารู้ว่าบิดาของเขาและบิดาของเธอเป็นเพื่อนกัน และทั้งสองคนก็เคยเกริ่นกับเขาว่าต้องการให้เขากับเธอแต่งงานกันเขาเลยคิดว่าอยู่ห่างๆเธอจะดีกว่าเพราะกลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ส่วนฟ้ารดา จากความเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกลับกลายมาเป็นความรู้สึกรักตั้งแต่ตอนไหนเธอเองก็ไม่ทันได้สังเกต แต่พอมารู้ตัวเธอก็ชอบเขาไปแล้ว และทุกอย่างก็ดูเหมือนโชคเข้าข้างเมื่อบิดาของเธอและเขาดันเป็นเพื่อนกันอีก ทำให้เธอแอบมีความหวังกับความสัมพันธ์ที่อาจพัฒนาไปเกินกว่าเพื่อนระหว่างเขาและเธอ “ทำไมไม่รับสาย...เฮ้อ...” พอเดินออกมาจากห้องทำงานของฟ้ารดาพอลรภีก็รีบกดโทรออกหาปั้นหยาทันทีเมื่อยังคาใจกับคำถามของเธอ แต่โทรเท่าไหร่เธอก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์จนเขาเริ่มหัวเสีย “ไอ้หมอ มีอะไรรึเปล่าทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” คฑา เพื่อนสนิทของพอลรภีเดินเข้ามาหาเมื่อเขาหยุดงานไปร่วมเดือนด้วยเหตุผลส่วนตัว “คฑา! แกกลับมาตั้งแต่ตอนไหน นึกว่าแกลาออกไปแล้วซะอีก หรือโทรศัพท์แกหายห๊ะ!” พอลรภีที่พอเห็นคฑาถึงกับพูดออกมาเสียงดัง เมื่อคฑาไม่ยอมติดต่อมาหาเขาเลยสักครั้ง พอเขาโทรไปโทรศัพท์ก็ดันปิดเครื่องจนอดเป็นห่วงไม่ได้ “พอดี...เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ ตอนนี้จบแล้วล่ะ” คฑาบอกขึ้นพร้อมกับฝืนยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีจนพอลรภีต้องเดินเข้ามาตบไหล่ให้กำลังใจ “อืม เย็นนี้ไปหาอะไรดื่มไหมล่ะ...พอดีฉัน...น่าจะว่าง” พอลรภีบอกขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ เมื่อไม่รู้ว่าปั้นหยาเป็นอะไรรึเปล่าถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขา “อืม ก็ดี” คฑาตอบรับก่อนจะขอตัวเดินแยกออกไปเพราะเขาพึ่งกลับมาทำงานวันแรกเลยค่อนข้างจะยุ่ง ส่วนพอลรภีเองก็ยุ่งแทบจะทุกวันอยู่แล้ว เพราะเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงเลยทำให้พวกคนไข้พากันขอเข้ารักษากับเขาจนคิวแทบไม่เคยว่าง ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!... “..................” ทางด้านปั้นหยา ตอนนี้กำลังเปิดดูรูปภาพในโซเชียลของพิมพ์รวี ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาดูเพราะเธอรูสึกไม่ชอบหน้าพิมพ์รวีเธอเลยไม่เคยคิดสนใจอีกฝ่าย แต่ตอนนี้กลับต้องทั้งดูทั้งขยายรูปภาพของคู่อริเพราะพี่ชายของอีกฝ่ายดันเป็นแฟนของเธออยู่ในตอนนี้ “เฮ้อ...นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันเนี่ยยยยยย มีแฟนทั้งทีดันเป็นพี่ของยัยปีศาจแว่น โอ๊ย!!! ฉันอยากจะบ้าตาย!!!” ยิ่งดูก็เหมือนกับว่ายิ่งหนีความจริงไม่พ้น ปั้นหยาตะโกนออกมาสุดเสียงอย่างหมดหนทางแก้ไข เมื่อพอลรภีดันเป็นพี่ชายของพิมพ์รวีและเป็นพี่ชายแท้ๆเสียด้วยนี่สิ ปั้นหยาหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นด้วยหัวใจอันห่อเหี่ยว เมื่อเธอรู้ดีว่าเป็นใครที่พยายามโทรเข้ามา แต่ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามหรือพูดอะไรกับเขา เพราะดูท่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะไม่ยืดเสียแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD