“อื้อ...กี่โมงแล้ว...” เสียงแหบแห้งของพอลรภีดังขึ้นเมื่อพึ่งรู้สึกตัวตื่นในช่วงสาย ก่อนจะควานหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลาแต่ก็หาไม่เจอเลยค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง
หมับ!
พอลรภีรีบจับผ้าห่มดึงขึ้นแล้วกำเอาไว้แน่น เพราะมันหมิ่นเหม่เสียเหลือเกิน
“เฮ้ย! คะ...คุณ!” แต่พอหันไปอีกทางเขากลับพบว่าคนที่เขานอนด้วยทั้งคืนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ และตอนนี้เธอก็กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่พอใจ
“ลุงต้องรับผิดชอบ!” เธอบอกขึ้นพร้อมกับชี้หน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“ผมเนี่ยนะ! บ้ารึเปล่า! คุณลากผมเข้ามาแล้วบอกให้ผมรับผิดชอบเนี่ยนะ” พอลรภีพูดขึ้นเสียงดังเมื่อไม่คิดว่าจะถูกใช้ไม้นี้เข้าให้
“ลากมาให้นอน ไม่ได้ลากมาให้เอาสักหน่อย แล้วถ้าไม่รับผิดชอบจะไปฟ้องตำรวจ รับรองลุงติดคุกหัวโตแน่” ปั้นหยาบอกออกมาพร้อมกับทำหน้างอง้ำอย่างไม่ยอม เธอยังจำความเจ็บปวดของเมื่อคืนได้เป็นอย่างดี
ส่วนพอลรภีพอได้เห็นหน้าเธอชัดๆในตอนเช้าอย่างนี้เขากลับพูดไม่ออก เธอดูเด็กเกินกว่าจะอายุถึง 20 เสียด้วยซ้ำ นี่เขาพลาดอะไรไปรึเปล่า
“เธออายุเท่าไหร่...บอกมา ถ้าโกหกโดนดีแน่” เขาขู่ขึ้นพร้อมกับมองจ้องเพื่อรอคำตอบ
“21...20...18...” เธอเริ่มลังเลที่จะบอกความจริง เพราะยังไงเธอก็ทำผิดเรื่องเข้าผับอยู่ดี
พรึ่บ!!
ร่างใหญ่สะบัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปหาโดยไม่สนว่าตนเองนั้นเปลือยเปล่าอยู่
“เอาบัตรประชาชนมาดูหน่อย” เขาบอกขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปขอบัตรประชาชนของเธอมาดู
ปั้นหยาที่ตกใจเผลอมองจ้องร่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างตะลึง สายตาซุกซนมองสำรวจต่ำลงมาที่หน้าท้องที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามอันสวยงามของเขาก่อนจะมองเลยลงมาที่แท่งเอ็นใหญ่ปูดโปนเต็มไปด้วยเส้นเลือดกำลังแข็งขึงชูชันดูน่ากลัว
อึก!...
เด็กสาวถึงกับกลืนน้ำลายลงคอกับความน่ากลัวของเขา
“จะมองอีกนานไหม เอาบัตรประชาชนมา” พอลรภีที่กำลังเครียดเรื่องอายุของเธอแทบไม่มีอารมณ์อะไรทั้งสิ้นในตอนนี้
“เอ่อ...ไม่...ไม่ได้เอามา...” เธอโกหกออกมาก่อนจะเหล่ไปมองที่กระเป๋าเงินของตนเองอย่างลืมตัว จนพอลรภีสังเกตเห็นเดินตรงไปหยิบมันขึ้นมาดู
หมับ!
“2546...เฮ้ย! 18!! โอ้วววว นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ!ไหนเธอบอกว่ายี่สิบกว่าแล้วไง!” พอเปิดออกดูแล้วคิดบวกลบอายุของเธอดูปรากฏว่าได้แค่สิบแปดปีพอดิบพอดี
บ้าไปแล้ว...
เขาได้แต่คิดขึ้นมาในใจด้วยหัวใจเต้นระส่ำ เขามีอะไรกับเด็กอายุแค่ 18 ปีอย่างนั้นเหรอ
“ก็...ถ้าบอกว่า 18 จะเข้าได้ไหมล่ะ” ปั้นหยาบอกออกมา
“นะ...นี่เธอ...โอ้ว แม่เจ้า นี่ฉันนอนกับเด็กอายุ 18 อย่างนั้นเหรอ” พอลรภียกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองอย่างหมดหนทาง
“ใช่ ลุงต้องรับผิดชอบด้วย ถุงก็ไม่ใส่ ถ้าเกิดฉันท้อง...” ปั้นหยาบอกในสิ่งที่กังวลออกมา
“ลุกขึ้น ไปซื้อยาคุมกัน!” พอได้ยินคำว่าท้องพอลรภีก็รีบวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าของตนเองขึ้นมาแล้วใส่มันอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาได้ติดคุกหัวโตแน่ที่ดันลากเด็กมอปลายขึ้นเตียง
“ลุงก็ไปซื้อมาสิ...แล้วอย่าคิดหนีด้วย ลุงเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลนี้ใช่ไหม” ปั้นหยาบอกขึ้นพร้อมกับชูป้ายชื่อที่เธอค้นเจอจากกระเป๋าเสื้อตัวนอกของเขาออกมา ทีแรกเธอก็ตกใจไม่นึกว่าเขาจะเป็นหมอ
“เฮ้ย! เอาคืนมาเลยนะ! ลุกขึ้นได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน” เขารีบเดินมาหยิบคืนไป
หมับ!
“ไม่ไป...ลุงก็ไปซื้อมาสิ” ปั้นหยาปฏิเสธออกมาทันที
“ผมเป็นผู้ชายจะซื้อได้ไง อย่าลีลา ลุกขึ้น”
“ไม่...” เธอยังคงปฏิเสธ
“เฮ้อ พูดดีๆไม่ฟังใช่ไหม” พอลรภีเริ่มโมโห ตอนนี้เขาสับสนวุ่นวายใจไปหมดแล้ว
“ไม่!...ฉันอาย...” และเธอก็ยอมรับออกมาว่าอายที่จะเดินไปซื้อยาคุมจากร้านขายยา
“โอเค งั้นไปด้วยกัน”
“บ้า! เขาก็รู้สิว่าเรานอนด้วยกัน ไม่เอาหรอก ลุงลงไปซื้อมา ข้างล่างน่าจะมีร้านขายยา ไปซื้อมาเงินอยู่ในกระเป๋านั่น”
“เฮ้อ...โอเค รออยู่นี่นะ” สุดท้ายพอลรภีก็ยอมแพ้เพราะยิ่งทำให้เสียเวลา
“อื้อ”
“อย่าหนีไปไหน” เขาหันกลับมาย้ำกับคนตัวเล็กกว่าด้วยท่าทีจริงจัง
“อื้อ...” ปั้นหยาเองก็พยักหน้าให้เมื่อเธอเองก็ไม่บ้าพอที่จะคิดหนีทั้งๆอย่างนี้แน่นอน มีแต่เขาที่จะหนีเธอไปในเวลาแบบนี้
หลังจากนั้น พอลรภีก็เดินไปหยิบกระเป๋าของเธอแล้วเดินลงไปด้านล่าง และไม่ไกลเขาก็เจอร้านขายยา ชายหนุ่มซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้เธอทั้งๆที่รู้ว่ามันอาจส่งผลต่อสุขภาพของเธอได้ แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้นมันอาจส่งผลต่อทั้งชีวิตของเขาและเธอเลยก็ได้
“กินซะ ส่วนอีกเม็ดเอาไว้กินหลังจากนี้อีก 12 ชั่วโมงเข้าใจไหม...อย่าลืมล่ะ!” เขาบอกขึ้นพร้อมกับยื่นยาคุมเม็ดแรกให้กับเธอก่อนจะย้ำไม่ให้ลืมกินอีกเม็ดที่เหลือ
“อืม รู้แล้ว ฉันก็ไม่อยากท้องเหมือนกันนั่นแหละ! แค่นี้ใช่ไหม”
“อืม...แค่นี้แหละ...”
พอลรภีที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วแต่กลับไม่ได้สบายใจเลยสักนิด เขายังมองไปที่ปั้นหยาอย่างไม่ค่อยเชื่อใจ กลัวว่าถ้าเธอลืมแล้วเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาเขาคงเดือนร้อนเป็นแน่
“เอาเบอร์คุณมา...เดี๋ยวติดต่อไป” เขาบอกขึ้น
“หืม? ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากเจอคุณอีก” ปั้นหยารีบปฏิเสธทันที
“ผมก็ไม่ได้อยากเจอคุณ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะได้รู้ไง” สิ่งเดียวที่เขากังวลคือเธออาจท้องกับเขา...
“เกิดอะไร...ถึงเกิดฉันก็ไม่ได้...”
ปั้นหยาบอกออกมาก่อนจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะถ้าเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆเธอคงเลือกเอาเด็กออก เพราะเธออายุแค่ 18 เรียนก็ยังไม่จบจะมีลูกได้ยังไงกัน
หมับ!
“พูดมาก เอาโทรศัพท์มานี่เลย” พอเห็นว่าเธอท่าจะดื้อดึง พอลรภีก็เดินไปดึงโทรศัพท์ที่เธอถืออยู่มาแล้วยัดใส่กระเป๋าของเขาไปทันที
แกร็ก!
ปัง!!
“ไอ้!...ไอ้ลุงบ้า! เอาโทรศัพท์ของฉันคืนมานะ! อ๊าย! เอาคืนมา!” หญิงสาวตกใจที่อยู่ๆเขาก็เดินมาแย่งโทรศัพท์ในมือของเธอแล้วเดินหนีออกจากห้องไปเฉยเลย
“บ้าเอ้ย!”
พอลรภีที่เดินพ้นออกมาได้แต่สบถอย่างหัวเสียที่ดันพลาดท่าเพียงเพราะความเมาซึ่งพอมาคิดดูดีๆจะว่าเขาเมาก็ไม่ได้เมื่อเขายังแทบไม่ได้ดื่มเลยสักนิด หรือมันต้องมีอะไรมากกว่าที่เขาคิดแน่นอน
ชายหนุ่มเดินไปขึ้นแท็กซี่หน้าคอนโดก่อนจะบอกให้ตรงไปที่โรงพยาบาลเพราะช่วงบ่ายเขามีผ่าตัดใหญ่ ส่วนเรื่องของปั้นหยาเขาค่อยคิดและจะจัดการทีหลังเพราะเขาต้องการผลตรวจเลือดของเขาด้วย
“คุณหนู! ทำไมเมื่อคืนไม่กลับบ้านคะ!”
เสียง ป้านวล แม่บ้านที่คอยดูแลปั้นหยารีบถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเธอแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะปั้นหยาไม่ยอมกลับบ้านแถมโทรไปก็ไม่ยอมรับสายอีก
“ป้านวล เอ่อ หยาไปนอนบ้านเพื่อนมาน่ะ ปาร์ตี้เลิกดึกไปหน่อย” ปั้นหยาโกหกออกมาเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องใหญ่โตก่อนจะขอตัวเดินขึ้นห้องไป
“เฮ้อ...ฮึก! ฮือๆๆๆๆ ฮือๆ”
และพอได้มาอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ปั้นหยาก็ปล่อยความอัดอั้นตันใจทั้งหมดที่เกิดขึ้นออกมาเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจ เมื่อเธอพยายามเรียกร้องความสนใจจากบิดามารดาโดยการทำตัวเสเพลเที่ยวเตร่กับพวกเพื่อนๆ และมีสิ่งเดียวที่เธอยังเก็บเอาไว้เป็นความภาคภูมิใจ ถึงเธอจะทำตัวเสเพลเหลวไหลขนาดไหนแต่เธอไม่เคยปล่อยตัวปล่อยใจไปกับผู้ชายเลยสักครั้ง
แต่สิ่งที่เธอภูมิใจหนักหนากลับมลายหายไปเรียบร้อยแล้ว แถมคนที่ได้มันไปกลับเป็นใครก็ไม่รู้ แฟนก็ไม่ใช่ คนรู้จักก็ไม่ใช่อีก แล้วอย่างนี้เธอคงหมดความภาคภูมิใจที่มีมาตลอดไปแล้ว ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตที่เกิดมาบนกองเงินกองทองจนหลายๆคนอิจฉามันกลับไม่ได้มีความสุขเลยสักนิดเพราะปราศจากความรักและเอาใจใส่จากผู้ให้กำเนิด
“คุณหนูกลับบ้านแล้วครับ...”
“ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ฉันไม่เอาพวกแกไว้แน่...แล้วนายหญิง...”
“ตอนนี้อยู่ฮาวายครับ ผมสั่งให้คนของเรากระจายตัวคอยเฝ้าอยู่ห่างๆเพื่อไม่ให้มีใครสงสัย ส่วนคุณหนู ผมให้คนคอยตามติดไม่ห่างเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบเมื่อคืนอีก...”
“อืม อย่าให้พลาด เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของฉัน พวกแกก็คงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ครับ...”
สิ้นสุดเสียงสั่งงานอันดูน่าเกรงขาม ร่างบึกบึนสูงใหญ่ของลูกน้องคนสนิทก็เดินออกไป คุณปราปต์ เจ้าพ่อมาเฟียผู้โด่งดัง ที่ต้องคอยหลบหนีและปกปิดตัวตนเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองหลังจากที่รู้ตัวว่าเขาได้รับตำแหน่งหัวหน้ามาเฟียมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเมื่อหัวหน้ามาเฟียคนเก่าที่เป็นลุงของเขาถูกลอบฆ่า และตั้งแต่ตอนนั้นชีวิตอันสงบสุขของเขาก็เปลี่ยนไปทันที จากเด็กผู้ชายธรรมดาๆเขาก็ต้องหลบซ่อนไปเรื่อยๆเพราะถูกตามฆ่าแทบไม่เว้นแต่ละวัน เขาถูกฝึกมาอย่างหนักจนกระทั่งเผลอไปตกหลุมรัก คุณมารี ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเข้า แต่ด้วยชีวิตที่ต้องคอยหลบหนีทำให้เขาไม่สามารถที่จะอยู่กับเธอได้ และสุดท้ายเรื่องที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อลูกน้องที่เขาคอยให้ติดตามดูแลคุณมารีกลับรายงานว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา คุณปราปต์ตัดสินใจบินกลับประเทศไทยเพื่อรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยการจดทะเบียนสมรสและรับรองบุตร แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาแทบไม่ได้อยู่ดูแลบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขาเลย เมื่อไปที่ไหนเขาก็ถูกจับตามองจากคนที่ต้องการลอบฆ่าเขา และเรื่องที่เขามีทายาทก็ยังคงถูกปิดเป็นความลับจากคนนอก มีแค่ลูกน้องที่สนิทและไว้ใจได้จริงๆที่รู้เรื่องลูกสาวของเขา
ส่วนคุณมารี ภรรยาของเขาก็แทบไม่ได้เจอลูกสาวไม่ต่างจากเขา เมื่อเรื่องที่เขาสมรสกับเธอนั้นไม่ได้เป็นความลับทำให้ทั้งเขาและเธอแทบไม่ได้เจอปั้นหยาเลย เขาเคยบอกให้เธอหย่าขาดกับเขาเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายและไม่มีความสุข แต่ภรรยาของเขาก็ยืนยันว่ามีความสุขแต่แค่ไม่ได้มากมายเหมือนอย่างคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้นเอง
“อดทนหน่อยนะลูกพ่อ...อีกไม่นานเราจะได้อยู่ด้วยกัน...”
คุณปราปต์ยกรูปถ่ายครอบครัวเพียงรูปเดียวที่มีขึ้นแล้วจ้องมองไปที่รอยยิ้มกว้างของลูกสาวและภรรยาของตนเองอย่างมีความสุข
“ห๊ะ! ยะ...ย****์เลยเหรอ! เด็กพวกนี้...ขอบใจมากนะ”
ทางด้านพอลรภี หลังจากเขาขอให้เพื่อนที่เป็นหมอด้วยกันตรวจเลือดให้จนตอนนี้ผลพึ่งออกมาและเขาก็ได้รู้ความจริงว่าเขาโดนย****์เข้าไป ก่อนจะนึกไปถึงพวกเพื่อนๆของปั้นหยาที่ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กอายุ 18 แต่ดันเข้าทั้งผับทั้งเล่นยา ทำเอาเขาอดที่จะนึกห่วงปั้นหยาไม่ได้เมื่อดูๆแล้วเธอเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจที่จะทำตัวเหลวไหล แค่เพียงต้องการเรียกร้องความสนใจก็เท่านั้นเอง
“เฮ้ย! มะ...มาได้ไง”
เสียงอันตกใจของปั้นหยาดังขึ้น เมื่อตอนนี้ร่างใหญ่ของคนที่เธอไม่อยากเจอดันยืนทำเท่ห์ใส่แว่นดำพิงรถคันหรูอย่างกับพระเอกซีรี่ย์อยู่ประตูทางออกของห้างสรรพสินค้า เธอถึงกับหมุนตัวเพื่อจะเดินหนีกลับเข้าไปทันที
“หยุดอยู่ตรงนั้น! ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องของเรา” พอลรภีตะโกนบอกทันทีที่หันมาเห็นปั้นหยากำลังจะเดินกลับเข้าไป
นี่ก็ร่วมอาทิตย์แล้วที่เขาพึ่งจะได้เจอเธออีกครั้ง หลังจากวันนั้นเขาก็พยายามติดต่อหาเธอแต่พวกเพื่อนๆของเธอบอกว่าปั้นหยาติดต่อไม่ได้และก็ไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์แล้วเหมือนกัน จนกระทั่งวันนี้เขาก็ได้ข่าวจากเพื่อนคนหนึ่งของเธอ ที่ดันเชื่อว่าเขากับปั้นหยาเป็นแฟนกันจริงๆและคิดว่าปั้นหยางอนเขาอยู่และอยากให้ปรับความเข้าใจกันเลยโทรนัดปั้นหยาออกมาที่ห้างนี้
“อะไรของลุงอีกห๊ะ! หรือว่ามาทวงเงินค่าจ้าง เอาเลขบัญชีมาเดี๋ยวโอนให้” ปั้นหยาหันไปทำหน้างอง้ำใส่เขา
“ค่าจ้าง?...ค่าจ้างอะไร?” พอลรภีที่เดินเข้ามาหาถึงกับทำหน้างง
“ก็จ้างเป็นแฟนไง! เดี๋ยวให้สามแสนเลย เอาเลขบัญชีมา” ปั้นหยาบอกพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะทำตามที่พูด
“ห๊ะ! นี่คุณคิดว่าผมมาเพราะค่าจ้างเหรอ?” ทำเอาพอลรภีถึงกับเริ่มโมโหที่เธอคิดว่าเขามาเพื่อเงิน
“อ่าว ถ้าอย่างนั้นมาทำไม” ปั้นหยาหันไปทำหน้าสับสนใส่เขา
ฟู้ววววว
ชายหนุ่มเป่าลมแห่งความขุ่นข้องหมองใจออกมาเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะเงยหน้าไปมองเธอ
“ไปขึ้นรถ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เขาบอกขึ้น
“ก็คุยตรงนี้สิ...มีอะไรต้องคุยอีก”
“ก็เรื่องที่คุณนอน อุ๊บ!”
หมับ!
ปากที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว
“หยุดเลยนะ! คนบ้า...จะพูดเสียงดังทำไม...” ปั้นหยารีบเอื้อมมือขึ้นปิดปากเขาทันทีเพราะอายและกลัวคนอื่นมาได้ยิน
“ไอ อึ้น อ๊ด (ไปขึ้นรถ)” เขาบอกทั้งๆที่ปากถูกปิดอยู่
“คนแก่บ้า!” ปั้นหยาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจก่อนจะยอมเดินตรงไปที่รถของเขา