“ฮ่า! ฮ่า! รับรองหนูจะชอบและติดใจ” เสี่ยคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงของเพื่อนๆ ของเขานั้นหัวเราะดังขึ้นพร้อมกัน
มุขลินรู้สึกสัมผัสได้ถึงแท่งแข็งๆ ที่มันทิ่มตูดเธอ เสี่ยบ้ากามคนนี้คงจะมีอารมณ์ แค่กอดเธอยังขนาดนี้แล้วถ้าบนเตียงจะขนาดไหน มุขลินไม่อยากคิดเลย
“ปล่อยค่ะเสี่ย... หนูบอกแล้วว่าหนูไม่ขาย!!” มุขลินพูดโวยวายออกมาเสียงดัง พร้อมกับพยายามดันวงแขนนั่นออก แต่เสี่ยหัวงูนั่นกลับเปลี่ยนจากกอด ฝ่ามือหนาของเขาวางแหมะลงที่เต้าคู่สวยของเธอแทน ก่อนจะบีบคลึงพร้อมกับกระดกตัวขึ้นลง มุขลินพยายามดึงมือเสี่ยออกแต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากร่างกายที่บอบบางเล็กเพรียวของเธอ จึงไม่อาจจะสู้ร่างหนาใหญ่ยังกับยักษ์แบบเสี่ยนั้นได้
“ไอ้บ้าเอ้ย!!” เสียงของหมอภาคินสบถออกมาจากลำคออย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะเก้าโซนวีไอพี
หมับ!! มือของหมอหนุ่มจับหลงไปที่ข้อมือเรียวของมุขลิน
“อย่าแตะต้องเธอ!" หมอหนุ่มพูดเสียงแข็งกร้าวอย่างน่าเกรงขาม พร้อมกับกระชากมือของเสี่ยออก ก่อนจะดึงปนกระชากแขนเล็กเรียวของมุขลินนั้นลุกขึ้น จนร่างบางของเธอปลิวถลาจนเซมายืนอยู่ข้างๆ หมอหนุ่ม โดยที่เขายังจับที่ข้อมือเล็กเรียวนั่นอยู่ ก่อนจะลากแขนเธอเดินออกมาให้พ้นจากตรงนั้น พวกเสี่ยรู้จักหมอหนุ่มดีจึงไม่กล้าที่จะที่ปากเสียงกับเขา
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉัน" มุขลินพนมมือขึ้นไหว้หมอภาคิน เมื่อเขาพาเธอออกมาพ้นจากโต๊ะเก้านั้นได้ หมอหนุ่มไม่พูดอะไร เขามองเธอเพียงแค่หางตาแล้วเดินจากไปทันที มุขลินยังคงมึนงงกับการกระทำของเขา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร อย่างน้อยเขาก็ช่วยเธอให้รอดพ้นจากเสี่ยหัวงูได้ในวันนี้
การกระทำของหมอหนุ่ม อยู่ภายใต้สายตาของเจ๊โรส ผู้ที่คอยจับผิดเขาอยู่เสมอ เธอเริ่มมั่นใจว่าหมอหนุ่ม ต้องปั้นใจให้กับมุขลินบ้างแล้ว ถึงได้แสดงอาการหึงหวง และเป็นห่วงเธอออกมาแบบนั้น
วันนี้หมอนัดมารดาของมุขลินเธอ จึงกระตือรือร้นตื่นแต่เช้า ทั้งที่เพิ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมง แต่เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ามารดา ต่อให้เธออดหลับอดนอน เพื่อบุพการีแล้วมุขลินก็ยินดีที่จะทำ โดยไร้เงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
“แม่ไปเองก็ได้ลูกนอนต่อเถอะลูก” ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้น เมื่อรู้ว่าลูกสาวทำงานดึก และเพิ่งนอนไปไม่นานนี้เอง
“ลินไหวค่ะแม่เดี๋ยวค่อยกลับมานอนต่อก็ได้" มุขลินพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในครัว เพื่อเตรียมอาหารเช้ารับประทานกับมารดา ก่อนเดินทางไปโรงพยาบาล ซึ่งวันนี้อาการของแม่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอมองออกจากใบหน้าของหญิงวัยห้าสิบกว่า ที่แลดูซีดเซียวกว่าทุกวัน เพราะเธอเฝ้าสังเกตอาการของมารดาทุกวัน
เมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาล มุขลินยื่นเอกสารเสร็จเรียบร้อย เธอจึงพาแม่มานั่งรออยู่หน้าห้องตรวจของแพทย์ประจำ ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และชำนาญในการผ่าตัดปลูกถ่ายไต
"เชิญคุณไข่มุก ลูก้า ที่ห้องตรวจค่ะ" พยาบาลเรียกชื่อมารดาของมุขลิน เธอจึงค่อยๆ พยุงผู้เป็นมารดาเข้าไปด้านใน ก่อนจะยกมือไหว้หมอหนุ่ม ซึ่งเธอแน่ใจว่าภายใต้แมสที่ปิดบังใบหน้าเอาไว้นั้น เขาคงจะเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูหล่อเหลาคมคายเลยทีเดียว
หมอภาคินสตั้นไปสิบวิ เมื่อเขาเพิ่งรู้ว่ามุขลินคือลูกสาวของไข่มุก ผู้ป่วยที่เขาเป็นเจ้าของไข้เคสนี้อยู่หมอหนุ่มพยายามเก็บอาการด้วยการก้มดูจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งจากประวัติการรักษาแล้ว ทำให้เขาประเมินอาการของคนไข้วันนี้คงได้แอดมิดแน่นอน
"เชิญคุณไข่มุกนอนที่เตียงเลยครับ ผมขอตรวจดูอาการก่อน" มุขลินพยุงมารดาขึ้นไปนอนบนเตียงใบหน้าของมารดาของเธอนั้นเริ่มซีดขึ้นกว่าเดิม ทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก
"วันนี้ต้องแอดมิดนะครับ" หมอหนุ่มพูดขึ้นหลังจากที่ตรวจดูอาการจนแน่ใจแล้ว ไม่นานไข่มุกมารดาของมุขลินก็ถูกนำตัวส่งไปยังห้องผู้ป่วยรวมของโรงพยาบาล
"เชิญญาติของคุณไข่มุกพบแพทย์ด้วยค่ะ" พยาบาลเดินมาบอก ในขณะที่มุขลินกำลังนั่งกุมมือมารดาอยู่ ด้วยความห่วงใย
"เดี๋ยวลินมานะคะแม่" พูดจบมุขลินก็เดินตามพยาบาลไปที่ห้องของหมอหนุ่ม
"เชิญนั่งครับ" มุขลินนั่งลงช้าๆ ก่อนจะตั้งใจฟังหมอบรรยายถึงอาการของมารดา ที่ดูแย่และน่าเป็นห่วงมากในเวลานี้
"ผู้ป่วยอาการแย่ลงต้องฟอกไตอย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้งนะครับ"
"แม่อาการแย่มากเลยเหรอคะหมอ" มุขลินถามออกมาด้วยแววตาที่เหนื่อยล้า
"ตอนนี้ผู้ป่วยอาจไตวายได้ ผมอยากแนะนำให้ใช้วิธีปลูกถ่ายไตจะเป็นผลดีกับผู้ป่วยมากกว่า" คำตอบของหมอทำให้มุขลินเข่าแทบทรุด เพราะเธอรู้ดีว่าจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ใบหน้าสวยคมของเธอดูเป็นกังวล ดวงตากลมเริ่มเศร้าหม่นลงในทันที ทำให้หมอหนุ่มรู้สึกสงสารอยากเข้าไปปลอบคนของใจ ที่นั่งอยู่ตรงหน้าแต่เขาก็ทำได้แค่เพียงแอบชำเลืองมองเธอ