รอยยิ้มของเขาเปิดกว้าง ดวงตาแฝงไปด้วยความล้อเล่น แต่คนตรงหน้าเอ๋อรับประทานไปแล้ว แทบจะไม่หายใจ
“ถ้าหากว่าคุณช้ากว่านี้อีกสักนิดเดียว ผมจะไปแล้ว”
“คุณ!” พาฝันพึมพำ หญิงสาวเข่าอ่อนแค่พับลงไปนั่งแล้ว ดีว่ามีฝาผนังอยู่ใกล้ พาฝันต้องใช้ฝาผนังเป็นที่พึ่ง
ก้าวกล้าจึงส่งแขนไปยึดเธอไว้ ก่อนจะกระชากเข้าหาตัวเอง ในชั้นนี้ มีเพียงห้องทำงานของเขาเท่านั้น
“จำกันได้ไหม” เขาถามทันทีแบบไม่เว้นระยะ เธอกำลังตั้งตัวอยู่
“คะ?” ตอบกลับไปด้วยความงง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม พร้อมกับลอบกลืนน้ำลาย
“จำได้หรือไม่ได้” เขาย้ำถามเธออีกครั้งหนึ่ง
“คะ คือว่า…” เธออึกอัก ไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร เหมือนฟ้าผ่ากลางกบาล พาฝันก็ไม่คิดว่าเธอจะได้มาเจอเขาอีกครั้ง
“ไปกันเถอะ”
“ไปที่ไหนคะ”
“อ้าว! ก็ต่างจังหวัดยังไงล่ะ”
“จังหวัดไหนคะ? ไปทำไมคะ?”
“เอ๊ะ! ทำไมมีแต่คำถามเนี่ย ฮึ? นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอทำงานเป็นเลขานุการของฉัน นายก้าวกล้า พจนอรุณ ท่องจำชื่อของฉันให้ขึ้นใจนะ” มือหนึ่งลากกระเป๋าของหญิงสาว อีกมือหนึ่งพยุงร่างของพาฝัน ให้เดินกลับไปที่ลิฟต์
พาฝันพูดไม่ออกสักคำ โลกมันกลมได้เบอร์นี้เลยหรือ และที่เขาทำอยู่เหมือนกับว่า เขารู้อยู่แล้วว่าเธอจะมาทำงานที่นี่ ‘หรือนี่จะเป็นแผนของเขา’
ปัง… เสียงปิดประตูรถทางด้านที่พาฝันนั่งอยู่
ก่อนที่ก้าวกล้าจะวิ่งไปยังประตูฝั่งของตัวเอง ชายหนุ่มก้าวขึ้นมาบนรถ ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปในทันที
ณ นาทีนี้ พาฝันยังตั้งตัวไม่ติดเลย หญิงสาวยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ว่าเรื่องนี้มันคืออะไรกันแน่
“คุณจะพาฉันไปที่ไหนคะ”
“บางแสน”
“ไปทำไมคะ?”
“เดี๋ยวก็รู้เองน่ะ ถามมากจริง คืนนั้นไม่เห็นพูดมากอย่างนี้” เขาอมยิ้มจนแก้มตุ่ย
คำตอบที่เล่นเอาหญิงสาวถึงกับพวงแก้มออกสีแดง ใจเต้นระบำราวกับเธอนั้นอยู่ในงานประเพณีสารทจีนที่มีการจุดประทัดไม่รู้จักหยุด หัวใจเลื่อนลั่น หายใจไม่นับจังหวะ และยังเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่มที่ตั้งอกตั้งใจขับรถ
‘ก้าวกล้า พจนอรุณ’ พาฝันท่องชื่อเขาอยู่ในใจ ราวกับจะสลักชื่อเขาเอาไว้ไม่ให้ลืมเลือน
สายตาของเธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ที่แล่นผ่านสิ่งต่าง ๆ แต่ใจของพาฝันจดจ่ออยู่กับเขาเท่านั้นเอง
“เข้ามาสิ แล้วก็รีบอาบน้ำซะ”
“หา! อาบน้ำหรือคะ อาบทำไมไปไหน”
ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไร
ก๊อก… ก๊อก… ก๊อก… เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามาเลยครับ ไม่ได้ล็อก”
เพราะว่าประตูห้องนั้นได้แง้มไว้นิดหน่อยแล้ว
“เอาชุดแขวนไว้ตรงไหนดีคะคุณก้าว”
“ที่ตู้เสื้อผ้าเลยครับ”
พาฝันจึงหันมาเห็น มีผู้หญิงสองคนได้เอาเสื้อผ้าที่พร้อมจะออกงานเข้ามาในห้อง ก่อนจะแขวน แล้วทั้งสองก็เดินออกไป
“เดี๋ยวจะต้องไปงานนะ รีบ ๆ หน่อย”
“งานกลางวันหรือคะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอกำลังจะทำให้ฉันเสียเวลาอยู่นะ”
“ค่ะ แต่ว่า…” ที่กังวลก็เพราะว่าพาฝันแต่งหน้าออกงานไม่เป็นต่างหาก
“ทาปาก ปัดแก้ม นิดๆหน่อยๆก็พอแล้ว ไม่ต้องเวอร์วัง”
“ฉันกลัวว่าจะทำให้คุณขายหน้านะคะ”
“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น รีบเถอะ ถ้าเธอชักช้า ฉันตัดสินใจไม่ไปงาน และจะทำเรื่องอย่างอื่น ๆ อยู่ในห้องดีไหม”
ได้ยินเขาพูดแบบนั้นพาฝันก็พาตัวเองเข้าห้องน้ำไปในทันที แต่ก็ต้องตกใจอีก เพราะกระจกที่ใสบาง จนเห็นทะลุออกมาข้างนอก เธอจึงไปเลื่อนปิดผ้าม่านลงก่อน
‘มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันนี่ ไม่ไหวแล้วนะ’
เพราะหัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก ตั้งแต่เจอเขา เธอยังนับลมหายใจตัวเองไม่ได้เลย
‘และจะต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปอย่างนั้นเหรอ’
‘เขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่’
ก๊อก… ก๊อก… ก๊อก… ก้าวกล้าเคาะประตูห้องน้ำ
“นี่เธออย่าชักช้านะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“ค่ะคุณก้าว” พาฝันจึงต้องรีบถอดผ้าอาบน้ำ อาบเสร็จแล้วแล้วก็ต้องตกใจ
ตรงนี้มีแต่ผ้าเช็ดตัว เสื้อคลุมอาบน้ำก็ไม่มี หญิงสาวจำใจออกมาด้วยชุดนั้น ก้าวกล้ามองเธอตาวาว ในนัยน์ตาของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย ที่พาฝันก็มองออกว่าเขาต้องการอะไรแต่เพราะเขาไม่อยากเสียเวลา
ชายหนุ่มจึงเหวี่ยงตัวเข้ามาในห้องน้ำ พร้อมกับเอ่ย
“รีบแต่งตัวเลยนะ”
“ค่ะ” รับปากไปแบบส่งๆ
ตอนนี้พาฝันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว เหมือนว่าเธอกำลังตกอยู่ใต้อาณัติของเขา มาเป็นเลขานุการของก้าวกล้า ทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่าง
วันนี้เธอไม่อาจเสียเวลาไปกับความคิดของตัวเอง หญิงสาวจึงรีบเอาชุดที่เขาเตรียมให้ออกมาจากตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็สวมใส่ลงไป เธอกำลังพยายามรูดซิปที่ด้านหลัง แต่ทว่ามือก็เอื้อมไม่ถึง
พาฝันหันไปมองในกระจก บานประตูห้องน้ำที่เปิดออกมา ทำให้หญิงสาวชะงัก
“เธอรูดซิปไม่ได้หรือ”
“ค่ะ”
“ฉันรูดให้” ก้าวกล้าจะเดินเข้ามา แล้วรูดซิปไม่เธออย่างรวดเร็ว
“แต่งหน้าเลยนะ อย่าชักช้าล่ะ”
“ค่ะ” เป็นคำพูดเดียวที่เธอพูดได้คล่องปากในเวลานี้
พาฝันนึกถึงคำพูดอื่นไม่ออกเลย เธอตรงไปที่กระเป๋าเครื่องสำอางที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนจะเปิดแล้วนำออกมา เธอนั่งแต่งหน้าอย่างรวดเร็ว เอาแบบที่ถนัด
โชคดีเป็นของเธอ ที่ผิวหน้าเกลี้ยงเก่าขาวอยู่แล้ว รูขุมขนก็ไม่มี ทำให้แต่งหน้าง่าย เขียนคิ้ว ทาปาก ทาตา แล้วปัดมาสคาร่า หลังจากนั้นก็ลงบลัชออน ทาเคลือบปากด้วยสีลิปสติกสีเดียวกับชุดคือชมพูอ่อน ทุกอย่างก็เป็นอันเสร็จ
พอเธอหันมา ก้าวกล้าถึงกับตะลึงในความงดงามของหญิงสาว ใบหน้าน้อย ๆ ของเธอน่าทะนุถนอม กลีบปากที่อวบอิ่มและทาสีกลีบกุหลาบข้างหน้าจูบ
“ใช้ได้หรือยังคะ” ที่ถามเพราะตัวเธอไม่มั่นใจเอาซะเลย
“สวยแล้ว เธอช่วยมาขยับเนคไทให้หน่อยสิ”
พาฝันรีบเดินเข้าไป จากนั้นก็ขยับนิดหน่อย
“ติดเข็มกลัดตรงนี้ให้ได้ไหม”
“ค่ะ มันเป็นงานอะไรคะคุณก้าว”
“งานแต่งงาน”
“...” คือเธอถึงกับอึ้งงงงันหนัก เขาจะพาเธอมางานแต่งงานทำไม
“ฉันจะพาเธอไปรู้จักกับครอบครัวน่ะ”
“ในฐานะอะไรคะ”
“คู่ควงของฉันในวันนี้ เพราะฉันขัดใจแม่ ไม่ยอมมากับผู้หญิงของแม่นะ”
“ทำไมต้องเป็นชั้น”
“ก็เธอกับฉันนอนด้วยกันแล้วไง”
“คุณก้าว” เธอถึงกับงับปากแล้วเงียบเสียงไปเลย เขาฉวยข้อมือของเธอ แล้วพาให้เดินตามกันออกไปข้างนอก แม้อยากขัดขืนเต็มกำลัง แต่เธอก็ทำไม่ได้
“รู้ไหมว่าเราสายนะ ป่านนี้พิธีรดน้ำสังข์จบแล้วมั้ง”
ที่งานแต่งงานของลูกพี่ลูกน้องของก้าวกล้า
ทุกสายตาเพ่งมองมายังคู่หนุ่มสาวที่กำลังเดินเข้ามาในงานแต่งงานของนฤมลและวันชัย
“นึกว่าพี่จะไม่มาซะแล้ว” รัดเกล้าน้องสาวของก้าวกล้าทันทีที่เห็นหน้าพี่ชาย
“คุณแม่บ่นใหญ่แล้วค่ะ รีบไปข้างในเถอะค่ะ”
“คุณก้าวค่ะ” พาฝันแทบจะก้าวขาไม่ออก งานแต่งงานใหญ่ ๆ แบบนี้หญิงสาวไม่เคยเจอะเจอเลย
“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แค่เธอยิ้มอย่างเดียวก็พอ” เขาก้มลงมาบอกเธอ แล้วพาพาฝันเดินเข้าไปข้างใน
สายตาที่จ้องมองมาของทุกคู่ เหมือนกับคนสอดรู้สอดเห็นว่าผู้หญิงที่ก้าวกล้าคงออกงานในวันนี้เป็นใคร เสียงซุบซิบนินทา เสียงฮือฮา ที่ดูเหมือนว่าทุกคนในที่นั่นไม่มีใครรู้จักผู้หญิงคนนี้เลยสักคน
‘ทำไมทุกคนมองฉันอย่างฉันเป็นตัวประหลาด’ พาฝันอดที่จะคิดไม่ได้
“คุณก้าวคะ” เธอกระตุกแขนเขาอีกครั้ง
“นั่นไงคะ ลูกชายตัวดีของคุณมาแล้ว”
คุณเกตุวดีตีไปที่หัวเข่าของสามี คุณบัญชาเงยหน้าขึ้นไปมองลูกชาย ก่อนจะหยุดส่งยิ้มให้
“ยังจะมายิ้มอีกแน่ะคุณ” ภรรยารู้สึกไม่พอใจ
“ทำไมล่ะ ไม่พอใจที่เจ้าก้าวไม่ทำตามใจของคุณอย่างนั้นหรือ”
“แล้วมันยังกล้าไปควงผู้หญิงมาจากไหนก็ไม่รู้ มีหัวนอนปลายเท้าหรือเปล่า อันนี้แหละที่ต้องรู้ให้ได้” สายตามองตามหลังลูกชายอย่างไม่พอใจ เพราะคุณเกตุวดีได้หาผู้หญิงที่เหมาะสมไว้ให้กับลูกชายแล้ว
“ผูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ก็ตามใจผู้นอนนะ” คนเป็นสามีบอก
“ฉันจะทำเพื่อลูก แล้วก็เพื่อคุณทั้งนั้นแหละค่ะ คู่ที่เหมาะสม จะส่งเสริมหน้าที่การงาน และหน้าตาให้กับสามี และหนูพิมพ์เพชรเหมาะสมกับเจ้าก้าวมากที่สุด”
“หื้อ... เด็กจะแต่งงาน มันก็ต้องรักกัน ดูอย่างนฤมลกับวันชาติสิ สีหน้าของทั้งสองคนมีความสุขมาก เห็นไหม?”
“...” คนเป็นภรรยาถึงกับไม่พูดอะไร ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และไม่นำพากับคำพูดของสามี
ท่านได้แต่มองตามหลังลูกชายที่จับจูงผู้หญิงคนนั้นเข้าไปรดน้ำสังข์ให้กับนฤมลกับวันชาติ