“แนะนำตัวหน่อยสิครับ”
“ชื่อปั้นหยา พลากุล อายุ 23 ปีค่ะ จบปริญญาตรีสถาปัตยฯ”
“อื้อ! สเปก” ตฤณพลั้งปากด้วยความลืมตัว
“ว่าไงนะคะ!” ปั้นหยาได้ยินไม่ชัดนักจึงถามย้ำ
“อ๋อ เปล่าครับ ไม่มีอะไรแค่จะบอกว่าผมกำลังอยากรีโนเวทห้องนอนใหม่ มีคุณมาก็ดีนะ เรียนตรงสาขาดี”
“ทั้งบริษัทไม่มีคนออกแบบได้เหรอคะ” ปั้นหยาแค่ถามกวนๆ ไปงั้นแหละ
“ก็ได้ครับ แต่เขามีงานอื่นเยอะแยะต้องทำ แล้วนี่ห้องนอนส่วนตัวของผม ผมอยากทำใหม่” ตฤณเพิ่งคิดอยากจะทำใหม่เมื่อกี้นี้แหละ
“จริงๆ แล้วฉันน่าจะได้ทำแผนกอื่น ที่ไม่ใช่เลขานะคะ มันไม่ตรงสาย”
“การทำงานตรงสายทุกวันนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ ไม่ใช่เรียนจบแล้วจะได้ในทันที ยิ่งยุคนี้ ได้งานอะไรก็ทำไปก่อน ค่อยขยับขยายก็ไม่สาย ผมมีงานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับออกแบบก็ให้คุณทำได้ ไม่เห็นจะยาก แต่คุณต้องมีประสบการณ์ก่อน เอ๊ะลืมไป เมื่อวานคุณยังบอกอยู่เลยว่าเขียนแบบไม่เก่ง”
“เอ่อ ก็... ไม่เก่ง”
“พูดเพราะว่าไม่อยากทำงานกับผม ตกลงว่าเก่งหรือไม่เก่ง”
“ก็ ก็พอให้เรียบจบได้ค่ะ” เธอแสร้งถ่อมตัวไปอย่างนั้นเอง
“เกียรตินิยมอันดับ 1 เนี่ยนะ” เขาถามยิ้มๆ เพราะรู้ว่าเธอโกหก
“อาจารย์ปล่อยเกรดเพราะสงสารค่ะ”
“เหรอครับ น่าเชื่อจังเลยเนอะ”
“แต่ว่า ถ้ามีงานออกแบบมา ฉันจะได้ค่าจ้างพิเศษไหมคะ” ตฤณแทบจะเผลอยิ้มกับคำพูดของเธอ เพราะเห็นเงินสำคัญจริงๆ
“แน่นอนสิครับ แล้วจะอยากได้ค่าจ้างพิเศษทำไมในเมื่อผมให้เงินเดือนคุณหนึ่งแสน”
“คุณ... พูดจริงหรือพูดเล่นคะ ไม่เอาค่ะ” ปั้นหยาถามอย่างไม่ไว้ใจ และไม่เชื่อเอาเสียเลย
“อ้าว! ใครๆ ก็อยากได้เงินเยอะ แต่นี่อะไรบอกไม่เอา”
“คุณให้เหมือนประชดน่ะ ใครจะเชื่อ สองหมื่นนิดๆ ก็ว่าเยอะแล้วค่ะ”
“ผมทำไม่ได้หรอก จะให้ผู้หญิงของผมใช้เงินเดือนละสองหมื่นกว่าเนี่ยนะ ไม่สมหน้าสมตา หนึ่งแสนกำลังดี” ผู้หญิงของผมอย่างนั้นหรือ นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ จะให้เลขารับบทอีหนูอีกหนึ่งตำแหน่งหรือ
“คุณพูดว่าผู้หญิงของผม” ปั้นหยาถามย้ำ
“เอ่อ ใช่ ผู้หญิงของผมนั่นแหละถูกแล้ว เพราะคุณต้องใกล้ชิดกับผมมากที่สุด”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้นะคะ มันไม่ได้น่าฟัง เดี๋ยวคนอื่นเอาไปนินทาฉันในทางเสียหาย”
“เดี๋ยวก็ชินน่า แล้วที่บ้านเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็มีพ่อแม่ พี่ชายค่ะ อยู่ต่างจังหวัดกันหมด ฉันก็เลยอยู่กรุงเทพคนเดียว”
“อ้าว ไหนบอกว่าอยู่กับแฟน” นี่ตฤณแสร้งถามหยั่งเชิงอย่างนั้นหรือ
“ก็! ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาแค่แวะมาตอนเย็นๆ แล้วก็กลับ” สายตาของเธอเลิ่กลั่กเสียเหลือเกิน
“คบกันแบบแฟน หรือแบบ...”
“แบบไหนคะ”
“แบบฝรั่งไง ทดลองอยู่ด้วยกันน่ะ”
“บ้า! คุณคบกับใครแล้วจะนอนกับพวกหล่อนทุกคนหรือไง”
“เขาเรียกว่าทดลองอยู่ ทดลองใช้ชีวิต เปิดมุมส่วนตัวของกันและกันรับได้ก็อยู่ รับไม่ได้ก็เลิกแค่นั้น”
“พูดแบบนี้ผู้หญิงก็เสียเปรียบทั้งชาติสิคะ ต้องทดลองอยู่กับผู้ชายทุกคนที่คบ ส่วนผู้ชายไม่ได้เสียหายอะไรลอยลม มีแต่ได้กับได้ แล้วผู้หญิงก็ถูกมองว่าไม่บริสุทธ์”
“เอ ทำไมดูคุณหัวร้อน ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ และผมแค่ยกตัวอย่าง ไม่ได้บอกว่าผมเป็นแบบนั้นซะหน่อย”
“แล้วมาออกเรื่องนี้ได้ยังไงคะ”
“เออ... ก็... นั่นสิเนอะ”
“แล้ว เลขาต้องทำยังไงบ้างคะ”
“อันดับแรกครับ ตำแหน่งผมคือประธานบริษัท ตอนนี้ไม่ใช่แฟนคุณ อย่าดุผมมาก ไว้เป็นแฟนกันก่อนค่อยดุก็ได้”
“นี่! คุณ... ท่าน ฉันยังไม่ได้ดุท่านเลยนะคะ มีแต่ท่านนั่นแหละ”
“น้ำเสียงคุณดุอยู่ตลอดเวลา เหมือนเมนมาไม่ปกติ” เขานี่รู้จักผู้หญิงไปเสียหมดจนเธอขึงตาใส่จะเอาเรื่อง
“มา... ปกติค่ะ”
“โอเค ถ้าปกติก็พูดหวานๆ เพราะๆ มันจะทำให้บรรยากาศในห้องทำงานดีขึ้น อีกอย่างอย่ามาแทนตัวเองว่าฉันกับผม ฟังดูแล้วมันแข็งๆ ทื่อๆ เข้าใจไหมครับ เป็นเด็กเป็นเล็กพูดให้มันน่ารัก หยาอย่างนั้น หยาอย่างนี้ น่าฟังกว่าเยอะ” ปั้นหยาอยากจะถามเหลือเกินว่านิสัยจริงๆ เขาเป็นแบบนี้ หรือเป็นเฉพาะกับผู้หญิง
“ค่ะ หยาก็หยา” ปั้นหยายอมทำตามอย่างว่าง่าย
“ท่านประธาน หรือคุณตฤณเรียกซิ”
“ท่านประธานค่ะ” แน่นอนเธอไม่เรียกคุณตฤณหรอก ไม่อยากถือสิทธิ์กว่าคนอื่น
“เรียกคุณตฤณง่ายกว่าอีก คุณตฤณขาหรือพี่ตฤณอะไรเงี้ยะ”
“ตกลงท่านให้หยามาเป็นเลขา หรือให้มาเป็นแฟนคะ เรียกซะสนิทเชียว”
“ถ้าให้เป็นแฟน ก็กลัวแฟนของหยาจะตามมาหึงน่ะสิ” พูดถึงแฟนที่เขาบอกแล้วขนลุกแปลกๆ
“โอเคหยาจะเลิกพูดถึงเรื่องแฟน เลิกคุยกันเรื่องนี้”
“เราจะไม่ทะเลาะกันแล้วใช่ไหม เรื่องเมื่อวาน”
“เรื่องเมื่อวานไม่ทะเลาะแล้วก็ได้ค่ะ ต่อไปก็แล้วแต่เหตุการณ์ค่ะ”
“ยกโทษให้ผมได้หรือยัง” ตฤณถามเสียงนุ่มขึ้น และนั่นทำให้เธอพยายามมีสติไม่ชวนเขาถกเถียง
“ก็ได้ค่ะ”
“ในฐานะเจ้านาย ผมขออะไรห้ามขัดใจ เอ๊ย! ขัดคำสั่งเป็นอันขาด”
“ถ้าเป็นคำสั่งเรื่องทำงาน หยาจะไม่ขัดคำสั่งค่ะ แต่ถ้านอกเหนือจากนั้นหยาไม่ทราบ”
“เอาสูทส่งซักให้หน่อย เดี๋ยวให้ผู้ช่วยจัดโต๊ะทำงานให้” นี่ถือเป็นคำสั่งแรกของเขาสินะ
“เรื่องซักสูทหยาต้องไปถามใครคะเนี่ย”
“แม่บ้านครับ มีห้องซักเฉพาะสูทราคาแพง”
“แหม แล้วอิ่มหรือยังคะ หยาจะได้เก็บออกไปพร้อมกันเลย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้ก้องมาจัดการ ทำตามคำสั่งผมก่อน”
“ก็ได้ค่ะ” ปั้นหยารับคำเสร็จก็หอบสูทออกไปจากห้องทำงาน ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมขึ้น ส่วนตฤณก็ลอบยิ้มชอบใจเหมือนเอาชนะปั้นหยาได้หนึ่งแต้ม ระหว่างนี้เขาเรียกให้ผู้ช่วย และพนักงานอีกสองคนมาจัดโต๊ะทำงานให้ปั้นหยาแบบด่วนที่สุดก่อนที่เธอจะเข้ามาเห็น
ทว่าผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ปั้นหยาก็มาทันระหว่างที่พนักงานขนคอมพิวเตอร์เข้าไปในห้องทำงานของตฤณ แต่เธอไม่ได้สงสัยอะไรกระทั่งเข้าไปในห้องทำงานแบบงงๆ
“ทุกคนออกไปก่อน เจ้าตัวมา เดี๋ยวให้เธอจัดการต่อ” ตฤณออกปากไล่เพื่อจะได้อยู่กันตามลำพังกับปั้นหยาอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับเขา แต่กลับมองโต๊ะทำงานที่ถูกจัดขึ้นมาใหม่ ซึ่งอยู่เยื้องกับประตูทางเข้ามาพอดี
“โต๊ะทำงานของใครคะเนี่ย” ปั้นหยาแสร้งถามเพื่อว่าจะคิดผิด
“ก็ของคุณไงครับ” ตฤณตอบและยิ้มอย่างมีความสุขเสียเหลือเกิน
“เกิดมาไม่เคยเห็นโต๊ะเลขาอยู่ในห้องท่านประธาน”
“ก็ได้เห็นแล้วไงครับ ผมจะได้เรียกใช้คุณได้อย่างสบาย อีกอย่างผมนั่งคนเดียวแล้วมันเหงา ได้นั่งมองหน้าคุณแล้วน่าจะทำให้สดชื่น มีกำลังใจในการทำงานบ้างไม่มากก็น้อย” เหตุผลของเขาแบบเอาแต่ใจมากๆ
“สรุป ท่านประธานต้องการอะไรกันแน่คะ” เธอเชิดหน้าขึ้นถาม แต่เขากลับยิ้มแล้วไม่ตอบ
“หยาขอโต๊ะข้างนอก จะไม่นั่งในนี้เป็นอันขาด อึดอัด”
“เสียใจครับ นั่นโต๊ะหยา เชิญเอาเอกสารมาจัดได้เลย”
“ทำไมทำแบบนี้คะ นี่แค่วันแรกนะเนี่ย”
“ก็อย่าคิดอะไรให้มากเลยครับ แค่ทำงานในห้องเดียวกันจะเป็นอะไร ผมจะได้เรียกใช้อย่างถนัดไง”
“หยาว่ามันไม่เหมาะสม”
“คำสั่งประธานบริษัท ใครมองว่าไม่เหมาะสมจะไล่ออกให้หมดเลย”
“เหรอคะ บ้าอำนาจขึ้นมาซะอย่างนั้น”
“ใช่ นั่งเลย แล้วอย่ามาบ่น” คราวนี้เขาทำน้ำเสียงดุ จริงจัง ขึงตาใส่เธอด้วย
“นี่ไงดุแล้ว”
“ไม่ดุก็ได้ครับ เชิญนั่ง” ตฤณผายมือเชิญอีกรอบ ปั้นหยาก็ได้แต่ถอนใจแล้วเดินไปนั่งพลางทำหน้าบึ้ง เธอมองเขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาก็แสร้งไม่รู้ไม่ชี้ อดทนไว้ก่อนถึงเวลาจะถามเอาความจริง ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ มันไม่เหมือนการอยากมีเลขาเลย เขาเหมือนตาเ*******ูอยากมีอีหนูมากกว่า