ทุกครั้งที่ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มนี้มองหน้าเธอ เหมือนกับมีอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลาที่ยากจะคาดเดา พอหย่อนสะโพกลงนั่ง อยากจะถามก็ไม่กล้าถามเท่าไรนัก
“ดื่มหรือเปล่า”
“คะ...” เพราะเสียงเพลงทำให้ไม่ค่อยได้ยินเท่าไรนัก เธอเอียงคอเล็กน้อย
“ดื่มไวน์หรือเปล่า” เขาเพิ่มระดับเสียงขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งคราวนี้อีกฝ่ายได้ยิน ปิ่นมุกพยักหน้าหงึก ๆ เธอไม่ใช่คนคอแข็งเท่าไรนัก แต่เรื่องดื่มนี่ก็ขอให้บอก
“โอเค งั้นผมสั่งไวน์นะ คุณสั่งอาหารได้เลย” เขาดันเมนูอาหารให้เธอเบา ๆ ก่อนที่ปิ่นมุกจะเปิดเมนูสั่งอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารญี่ปุ่น
“อาจารย์กินได้หมดไหมคะ”
“เรียกผมพี่เถอะ”
“คะ?”
“หึ ข้างนอกผมไม่ได้เป็นอาจารย์คุณนะ” เขาว่าพลางยิ้มบาง ๆ ให้เธอ เหมือนมากจริง ๆ ตอนนี้ก็เหมือนได้คุยกับสลิลทิพย์เลย
“อ๋อ ค่ะ...คุณหมอณัฐ”
“ฮ่า ๆ ไม่เอาสิ ผมไม่ใช่หมอแล้วนะ ตอนนี้อยู่ข้างนอก เรียกคุณก็พอ” เขาหัวเราะเบา ๆ ให้กับความใสซื่อ ไร้เดียงสา
“อ๋อ ค่ะ คุณณัฐ” ใบหน้าและรอยยิ้มของเขาทำให้เธอเขินโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวยกมือขึ้นลูบต้นคอเบา ๆ ด้วยความขวยเขิน ก่อนจะยกมือเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์แก้เขิน
รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ โดยไม่มีอาหารของผู้ชายตรงหน้า หญิงสาวนึกว่าเขาสั่งแล้วเลยไม่ได้สั่งให้ ลืมไปเสียสนิท
“คุณณัฐยังไม่ได้สั่งอาหารใช่ไหมคะ”
“ครับ คุณปิ่น” ปิ่นมุกกระตุกยิ้มมุมปากเบา ๆ “แต่ไม่เป็นไรครับ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยหิวน่ะ”
“หืม...ถามได้ไหมคะว่าทำไม” เธอไม่ได้อยากสอดรู้สอดเห็นหรอกนะ เพียงแต่ว่านี่อาจจะเป็นขั้นบันไดทำให้สนิทกันมากขึ้นก็ได้ “เอ่อ ถ้าไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไรค่ะ”
“เปล่าครับ” เขาไม่อยากเล่าอะไรให้ใครฟัง รวมถึงเธอคนนี้ด้วย “พอดีเพิ่งย้ายมา อาหารยังไม่ค่อยถูกปากเท่าไร”
“อ้อ คุณณัฐย้ายมาจากเชียงใหม่ คงเป็นอาหารเหนือใช่ไหมคะ แล้ว...ทำไมเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นล่ะ” เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ทว่า
“คิดว่าคุณคงชอบครับ” คำตอบของเขาก็แทบทำเอาเธอลมแทบจับ เขากำลังจะบอกว่าเลือกร้านเพราะเธออย่างนั้นหรือ
“อ้อ เอ่อ...ค่ะ ฉันก็ชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน” ปิ่นมุกอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขากำลังจีบเธออยู่
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญตามสบายเลยครับ” เขาผายมือให้เธอเริ่มกินข้าวได้ ส่วนเขาก็จิบไวน์เบา ๆ มองเธอไปด้วย
...ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนมแม้นว่าเพิ่งรู้จักกัน ณัฐกฤตอดที่จะจินตนาการไม่ได้ว่าผู้หญิงตรงหน้านี้คือคนรักเก่า เขาคุยด้วยแล้วมีความสุขมาก ๆ
“คุณเริ่มเมาแล้วหรือเปล่า” ใบหน้าของปิ่นมุกแดงก่ำ จนคนมองอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“เอ่อ คงงั้นมั้งคะ มึน ๆ ค่ะ แต่คุณณัฐยังไม่เมาเลย”
“หึ ผมคอแข็งนะ เมายากมาก แบบนี้เปลืองเงินเปล่า ๆ คุณว่าไหม” กินแอลกอฮอล์แล้วไม่เมานั้นก็สิ้นเปลืองเงินมากเลยทีเดียว
“ฮ่า ๆ ฉันว่าแบบคุณณัฐต่างหากที่ว่าคุ้ม เมายากเลยได้ดื่มเยอะ ๆ ไงคะ ฉันเนี่ยสิ ไวน์สองแก้วก็ไปแล้ว” เธอว่าพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ สายตาก็เริ่มเบลอแล้วด้วย
“อย่างนั้นเหรอครับ ฮ่า ๆ คุณเป็นคนคิดอะไรในแง่บวกดีจัง” เขาเอ่ยชมเธอจากใจ คุยกับเธอแล้วสนุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยได้คุยกับผู้หญิงกระมัง
“เหรอคะ หึ แล้วคุณณัฐ เอ่อ...มีแฟนยังคะ” เพราะความเมาหรืออะไรกันแน่ เธอถึงโพล่งเสียงเอ่ยถามออกไปแบบนั้น
“หือ...”
“ฮ่า ๆ ล้อเล่นน่ะค่ะ ฉันก็ถามไปเรื่อย” พอเขาทำเหมือนไม่อยากตอบเธอเลยไม่อยากพูดอะไร แต่ทว่า
“ยังครับ โสด”
“_”
“ไม่มีแฟนครับ” แต่พอเขาย้ำแบบนี้แล้วใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมา ราวกับว่าเขาจงใจจะบอกกับเธอว่าไม่มีแฟน
“อ๋อ ฉัน เอ่อ ก็ไม่มีเหมือนกัน” เธอบอกเขาทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เอ่ยถามเสียด้วยซ้ำ
“จริงเหรอ”
“_”
“สวยขนาดนี้เนี่ยนะ” อันนี้เขาแปลกใจจริง ๆ ทว่าคนถูกชมนั้นเขินจนตัวลอยติดเพดานได้ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย
“ทำแต่งานไม่มีเวลาสนใจเรื่องนั้นเลยค่ะ”
“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”
“หือ...”
“สนใจที่จะมีแฟนหรือเปล่า” ปิ่นมุกตาโต เธอคว้าเอาแก้วไวน์มาดื่ม ดับความเขินอายที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเฉียบพลัน เขาถามแบบนี้จะให้เธอคิดอย่างไร
“อึก...เอ่อ กะ ก็พร้อมอยู่นะ” หญิงสาวตอบเสียงกุก ๆ กัก ๆ ไม่มั่นใจเท่าไรนัก เขาถามอย่างกับจะจีบเธอแน่ะ แต่ทว่า
“แล้วเพื่อนล่ะ”
“หือ...”
“เพื่อนที่คุณอยู่ด้วยตลอด เขาดูชอบคุณนะ”
“หา!! นพน่ะเหรอคะ” เธอถามกลับตาโต พร้อมกับส่ายหน้าแรง ๆ “ไม่ใช่นะคะ เราเป็นเพื่อนกัน”
“หึ ผู้ชายด้วยกันมันดูออกนะ แต่ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไรก็ดี”
“ก็ดี? อึก ดะ ดียังไงคะ” ปิ่นมุกไม่อยากคิดว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า เขาทำให้เธออดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้จริง ๆ
“ก็จะได้ไม่ต้องมีปัญหาไงครับ เวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน” อันนี้เขาพูดไม่ได้แฝงอะไร หากเธอมีแฟนแล้วการทำงานร่วมกันจะยากมาก เพราะแฟนเธอต้องหึงหวงแน่นอน ก็เล่นสวยขนาดนี้
“อ้อ ถ้างั้นก็คงไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ฮ่า ๆ” พูดไปหัวเราะไป พอก้มหัวก็แทบทิ่มลงบนโต๊ะ ณัฐกฤตรีบยื่นมือไปข้างหน้าอัตโนมัติ
“ระวังสิครับ”
“อึก ฉะ ฉันว่า ฉันพอก่อนดีกว่าค่ะ เริ่มเมาแล้ว ฮ่า ๆ” เธอเมาแล้วน่ารักดี ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเบา ๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็เอาแต่พูดแล้วก็หัวเราะไปด้วยตลอดเวลา
“วันนั้นที่ฉันเจอคุณครั้งแรก คุณหล่อมากเลยค่ะ นึกว่าดารา ฮ่า ๆ” สงสัยเธอจะเมามากจริง ๆ อยู่ ๆ ก็เอ่ยชมเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เอ่อ เช็กบิลด้วยครับ” ณัฐกฤตยกมือขึ้นเรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาควรพาปิ่นมุกไปนอน
...หลังจากชำระเงินเสร็จ เจ้าของร่างหนาก็พยุงคนตัวเล็กออกจากร้านอาหาร
“คุณพักที่ไหนครับ”
“อืม...” ได้รับเสียงครางแทนคำตอบ ณัฐกฤตก้มหน้าลงมองใบหน้านวลแดงก่ำ เขายกแขนของเธอพาดที่คอ พร้อมกับใช้แขนอีกข้างโอบเอวบางไว้
“ได้ยินไหมครับ คุณปิ่น”
“อือ~ อยากนอน”
“อ้าว...ไม่บอกที่พักแล้วจะไปส่งได้ยังไงล่ะครับ” เขาขมวดคิ้ว แต่ดูท่าแล้วสาวเจ้าไม่มีสติแล้ว เห็นอย่างนั้นณัฐกฤตก็กวักมือเรียกรถแท็กซี่ทันที ส่วนรถก็คงมาเอาวันหลัง เจ้าตัวไม่อยากเสี่ยงขับรถเองเช่นกัน
“งั้นคุณก็ไปนอนโรงแรมกับผมก่อนก็แล้วกัน” ณัฐกฤตไม่อยากกลับไปนอนบ้าน เขาคิดจะนอนที่โรงแรมสักพักจนกว่าสถานการณ์ทางความรู้สึกของตนกับพ่อแม่จะกลับมาเป็นปกติ
...พอขึ้นมานั่งบนแท็กซี่ ศีรษะคนตัวเล็กข้างกายก็อิงไหล่ของเขาทันที ชายหนุ่มไม่ได้ผลักออก แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อยก็เท่านั้น ถ้าเป็นสลิลทิพย์ก็คงดี ในหัวเขาคิดแค่นี้ กระทั่งรถแท็กซี่เคลื่อนมาถึงที่หมาย เป็นโรงแรมหรูที่เขาจองไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า
“ปิ่นครับ คุณปิ่น” เอ่ยเรียกเบา ๆ แต่พอไร้เสียงตอบรับจากเธอก็เป็นอันเข้าใจว่าหล่อนหลับไปเสียแล้ว ณัฐกฤตถอดใจที่จะปลุกเธอจนตื่น เขาจ่ายเงินค่าแท็กซี่ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กขึ้นไปยังห้องพักที่จองไว้
“อึบ...ตัวเล็กแค่นี้หนักเป็นบ้า” เขาบ่นพึมพำหลังจากปล่อยคนตัวเล็กนอนลงบนที่นอน ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อ แต่ทว่าสายตาก็พลันเห็นต้นขาขาวที่โผล่พ้นขอบชุดเดรส ณัฐกฤตกลืนน้ำลายลงคอ เขาส่ายหน้าเบา ๆ สลัดความคิดชั้นต่ำของตัวเองออกจากหัว ใช่อยู่ว่าเธอสวยและน่าขยำ แถมยังหน้าคล้ายกับสลิลทิพย์อีก แต่เขาก็มีวุฒิภาวะมากพอที่จะรับรู้ว่าสิ่งที่คิดในหัวนั้นทุเรศเพียงใด
คิดได้อย่างนั้นก็ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างบางไว้ สงสัยว่าคืนนี้จะต้องได้นอนบนโซฟาแน่ ๆ เขาไม่คิดฉวยโอกาสล่วงเกินเธอ แม้นว่าร่างขาวผ่องนี้จะยั่วยวนมากแค่ไหนก็ตาม...
เช้าวันต่อมา...
ซ่า~ ซ่า~
เสียงน้ำกระทบพื้นทำให้คนที่นอนหลับใหลอยู่บนที่นอนรู้สึกตัวตื่น ปิ่นมุกครางเสียงเบา ๆ เมื่อถูกรบกวนการนอน เธอเปิดเปลือกตาเล็กน้อยก่อนจะข่มลงแรง ๆ เมื่อแสงยามรุ่งอรุณแยงตา
“อืม” เธอครางเสียงอย่างคนงัวเงีย ก่อนที่ความจำเมื่อคืนจะค่อย ๆ ไหลเข้ามาในหัว
พรึ่บ!
“กรี๊ดดด!!~” หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องเสียงดัง ก่อนที่เธอจะดึงผ้าห่มขึ้นเพื่อดูร่างกายของตัวเอง ซึ่งพอเห็นก็ทำเอาเธออยากมุดแผ่นดินหนีด้วยความเขินอาย
ชุดของเธอหายไปไหนหมด!
ตัวของเธอเปลือยเปล่าอยู่บนที่นอน โดยมีผ้าห่มของโรงแรมหรูคลุมกาย หญิงสาวตกใจคิดว่ามีคนลากมาที่โรงแรม แต่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก...
“เป็นไรหรือเปล่าคุณ!” ณัฐกฤตออกจากห้องน้ำด้วยสภาพเปียกโชก เขาเพิ่งสระผมและที่สำคัญผ้าขนหนูที่ห่อท่อนล่างของเขาไว้ก็หมิ่นเหม่เสียเหลือเกิน
“กรี๊ดด!!” ปิ่นมุกตกใจเสียยิ่งกว่าเดิม ไม่คิดว่าเขาจะออกมาในสภาพแทบจะเรียกว่าเปลือย ส่วนคนตัวโตก็ตกใจที่ผ้าห่มของเธอนั้นถดลงจนเห็นอกอวบเปลือยเปล่า!
พรึ่บ!
เขารีบหันหลังให้ทันที
“เอ่อ ผมขอโทษครับ ตกใจนึกว่ามีเรื่องอะไร เห็นคุณกรี๊ดเสียงดัง” เขาเอ่ยพูดเสียงตะกุกตะกัก ส่วนคนที่ร้องเสียงดังก็ตกใจมากไม่ต่างกัน
“เอ่อ ขอโทษค่ะ” พอได้สติเธอก็รีบกล่าวขอโทษ ถ้าเปลือยขนาดนี้ก็ไม่อยากจะคิดให้เสียเวลาว่าเมื่อคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่ทว่า
“ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ” เขากลับรีบตอบข้อสงสัยของเธอ ราวกับเข้ามานั่งในใจอย่างไรอย่างนั้น แต่มันกลับทำให้ปิ่นมุกผิดหวัง
“จะ...จริงเหรอคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาเผชิญกับเธอ โล่งอกไปทีที่เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาจนชิดคาง “คุณเมามาก ผมนอนบนโซฟา อยู่ ๆ คุณก็ถอดเสื้อผ้าออก”
“ถะ ถอด...ฉันถอดเองเหรอคะ” ผิดหวังที่ตัวเองเป็นคนถอดเองน่ะสิ ปิ่นมุกเสียดาย หากได้เสียกับเขาก็คงมีแฟนสักที
“ครับ แต่ผมก็ไม่ได้แอบดูเลยนะครับ” ทว่าพอพูดประโยคนี้สายตาของเขากลับล่อกแล่ก แน่สิเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แอบมองจริง ๆ แต่ไม่อยากให้เธอหนักใจเลยเลือกที่จะโกหก
“สรุปเราไม่ได้มีอะไรกันใช่ไหมคะ” เธอถามเสียงอ่อน พอเห็นเขาพยักหน้ารับก็รู้สึกน้อยใจหน่อย ๆ เธอคงไม่สวย ไม่เซ็กซี่จนเขาไม่อยากเข้าใกล้ละมั้ง
“ผมว่าคุณไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวเราต้องไปทำงานแล้ว”
“ลืมไปเลย โอเคค่ะ” แต่พอจะลุกขึ้นก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเปลือยตัวอยู่ ณัฐกฤตหลับตาในทันที
“คุณช่วยระมัดระวังหน่อยได้ไหม ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ!” เขาขึ้นเสียงด้วยหมดความอดทน ทำเอาคนตัวเล็กตกใจ มากไปกว่านั้นเป้าของเขาก็โด่ขึ้นมาจนเธอหน้าแดงก่ำ
เขาคง...อดทนมามากเลยทีเดียว