บทที่ 7 ความเงียบคือคำตอบ

2082 Words
หลังจากเสร็จกิจ บรรยากาศก็ตกเข้าสู่ความเงียบ ทำเอาปิ่นมุกรู้สึกไม่ดี พอเขาได้แบบที่ต้องการก็เงียบเลยอย่างนี้หรือ ทำไมเธอถึงปวดใจขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองสมยอมเองแท้ ๆ “เอ่อ ผมจะไปล้างตัว” “อ้อ...” “คุณต้องล้างด้วยนะ” เขาไม่ได้อยากชวนเธอเข้าห้องน้ำด้วยกัน แค่อยากบอกแค่นั้น ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างอาวุธลับที่ใช้งานไปเมื่อครู่ พอเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าปิ่นมุกยังคงนั่งเหม่ออยู่ที่เดิม “เจ็บเหรอ” เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ส่วนคนถูกถามก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งที่คิดในใจ เธออยากรู้ว่าหลังจากนี้ความสัมพันธ์จะไปในทิศทางไหน เขาจะขอเธอเป็นแฟนหรือเปล่า ทำไมอีกฝ่ายถึงเอาแต่เงียบแบบนี้ แถมยังทำเหมือนกับว่าเมื่อครู่มันก็แค่เซ็กซ์ที่เอาไว้สนุก ๆ กันแค่นั้น “เจ็บงั้นสิ” พอเธอไม่ตอบเขาก็เลยเอ่ยถามอีกครั้ง “ปะ เปล่า” ปิ่นมุกส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะลุกพรวดขึ้น ทว่าความเจ็บแปล๊บกลางกายก็เข้าเล่นงานทันที เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย!” “อ๋า เจ็บแล้วไม่บอก ปากแข็งทำไมครับ” เขากำลังสวมเสื้อผ้ากลับ ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จก็เข้ามาประคองเธอ “ไหวหรือเปล่า” “อึก วะ ไหวค่ะ แค่ขาสั่น” เขากระตุกยิ้มมุมปากเบา ๆ ปิ่นมุกนี่นิสัยไม่เหมือนสลิลทิพย์ อีกฝ่ายขี้อ้อนมาก ส่วนเธอคนนี้ก็ปากแข็ง “ไม่ไหวหรอกมั้ง” ว่าแล้วก็เดินเข้ามาใกล้ ช้อนเธอขึ้นอุ้มไปที่ห้องน้ำ แม้นว่าหล่อนจะมีท่าทีขัดขืนแต่ก็ไม่อยากดิ้นเพราะกลัวตก “มีเลือดออกอีกไหม” เลือดเต็มโซฟาเลย เขาก็กลัวว่าเธอจะมีเลือดไหลออกอีก “ไม่มีแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงอ่อน ในหัวมีคำถามร้อยแปดอย่าง อยากให้เขาขอเธอเป็นแฟน หรือมีความชัดเจนมากกว่านี้ แต่ใจมันก็ไม่กล้าถาม กลัวคำตอบไปเสียอย่างนั้น ...พอล้างตัวเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาข้างนอก เธอพันผ้าขนหนูรอบอก เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความหนักใจ ส่วนอีกคนนั้นกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ “เอ่อ ฉันต้องกินยาคุมฉุกเฉิน” พอเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไรถึงสถานะ เธอก็เอ่ยบอกสิ่งที่ต้องทำ “โอเค เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้ เห็นร้านขายยาอยู่ข้างล่างใช่ไหม” เธอตกใจเล็กน้อย ตกใจที่เขาไม่คิดห้ามเลย แต่มันก็ถูกของเขาที่ต้องคุมกำเนิด “ขอคีย์การ์ดหน่อยสิ” “นั่นค่ะ อยู่หน้าทีวี” หล่อนชี้ไปที่หน้าชั้นวางหน้าทีวี ก่อนที่เขาจะเดินไปคว้ามาถือไว้ “กินไรไหม เดี๋ยวซื้อของมาไว้กินเลย” “_” เขาทำตัวปกติเหมือนกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่เรื่องเมื่อครู่นั้นมันเรียกได้ว่าขยับความสัมพันธ์ไปอีกขั้นแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมกลับไม่พูดอะไรเลย ...เขาเดินออกจากห้องไปแล้วแม้นว่าเธอจะไม่ตอบว่าอยากกินอะไร ขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าเธอต้องการให้เขาเอ่ยพูดอะไรสักอย่าง เธอไม่ใช่คนใจกล้าขนาดนั้น ยังไม่พร้อมหากเรียกร้องสถานะแล้วเขาปฏิเสธ เธอกลัว “ฮึก...” อยู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา ครั้งแรกที่สูญเสียไปนั้นไม่ได้ให้กับชายที่เข้าเรือนหอกันวันแรก แต่นี่ก็สมัยใหม่แล้ว เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว กระนั้นก็อดที่จะเสียใจไม่ได้อยู่ดี เธอร้องไห้ออกมาเสียงดังเพียงลำพัง เจ็บที่หัวใจ เขาไม่แม้นแต่เอื้อนเอ่ย เงียบ และเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อย “ฮึก ฮือ~” เธอร้องไห้จนตัวโยน แต่พอได้สติก็รีบเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ เธอไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังงี่เง่ามากแค่ไหน ซึ่งพอออกมาเขาก็กลับมาพอดี แกร๊ก~ “ผมรอข้าวกับป้าอยู่น่ะ” เขาบ่น เพราะลงไปก็ไปสั่งข้าวให้เธอและตัวเองด้วย ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเลยว่าใบหน้าของเธอแดงก่ำมากแค่ไหน เขาคิดว่าเป็นเพราะหล่อนเพิ่งไปล้างหน้าเลยทำให้ใบหน้าแดง “ยาคุมครับ” “_” ปิ่นมุกไม่ได้พูดอะไร เธอยื่นมือไปรับยาคุมฉุกเฉินมากินอย่างเงียบ ๆ ส่วนเขาก็ถือวิสาสะเข้าไปในครัวของเธอ เพื่อเตรียมอาหารให้หล่อน ...ณัฐกฤตเดินออกมาพร้อมกับจานข้าวผัดกะเพราของเธอและของเขา ชายหนุ่มวางลงที่หน้าโต๊ะกระจก ด้วยความที่คอนโดฯ ของเธอไม่ได้ใหญ่มาก และไม่มีที่นั่งกินข้าวเป็นสัดส่วน ทำได้แค่นั่งกินหน้าทีวีแค่นั้น “มากินสิ ผมซื้อมาให้คุณด้วยนะ” เขากระตุกมือของเธอให้นั่งลงข้างกาย ชายหนุ่มคิดว่าหล่อนคงตั้งตัวไม่ทัน เพราะเมื่อครู่ก็เป็นครั้งแรกของเธอ “อาจารย์ชอบกินกะเพราเหรอคะ” เธอเรียกเขาแบบนี้อีกแล้ว ชายหนุ่มเหนื่อยที่จะแก้แล้ว “ครับ เวลาคิดอะไรไม่ออกก็บอกกะเพรา กะเพรารับจบ ฮ่า ๆ” หัวเราะเบา ๆ ที่ตนชอบสั่งเมนูนี้ ซึ่งเป็นเมนูสิ้นคิดที่สุดแล้ว แต่ปิ่นมุกแค่กระตุกยิ้มบาง ๆ แค่นั้น “อาจารย์กินเถอะค่ะ หิวไม่ใช่เหรอ” “หิวน่ะสิ ใช้แรงเยอะไปหน่อย” เธอชะงักเล็กน้อย เขากำลังแซวเรื่องเมื่อครู่ แต่เธอไม่ตลกด้วยสักเท่าไร เพราะตอนนี้ใจของเธอเรียกร้องอยากให้เขาพูดอะไรสักอย่าง อยากให้เขาขอเธอเป็นแฟน หรืออธิบายสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่กลับไร้วี่แวว “รูปคุณเหรอ” พอกินข้าวเสร็จ สายตาคมก็มองเห็นกรอบรูปของเธอที่วางอยู่หน้าทีวี พอเดินเข้าไปคว้ามาดูก็เห็นถึงความเหมือนของสลิลทิพย์ “คุณไม่มีพี่น้องจริงเหรอ” “ไม่มีค่ะ พ่อฉันเสียเลยเอาฉันมาฝากไว้ที่สถานสงเคราะห์น่ะค่ะ ส่วนแม่...ไม่เคยเห็นตั้งแต่เกิด” เธอไม่รู้ว่าแม่อยู่ไหน และไม่คิดตามหาด้วย “คุณเก่งจัง” เขาละสายตาออกจากกรอบรูป หันมามองคนตัวเล็กที่ยังนั่งอยู่บนโซฟา “เติบโตมาอย่างคุณภาพแบบนี้” “หึ” เธอหัวเราะ เพราะไม่มีใครอยู่กับเธอในทุกช่วงเวลา เลยไม่รู้ว่าเธอนั้นลำบากมากแค่ไหน บางคนก็มาเห็นเอาตอนที่เธอประสบความสำเร็จ มีบ้าน มีรถ มีของใช้เยอะแยะเต็มไปหมด “ผมชมคุณจริง ๆ นะ ผมน่ะ...มีพ่อแม่ที่ให้ทุกอย่าง ปูทางให้ ทำทุกอย่างเพื่อผม จนหลายครั้งก็รู้สึกอึดอัด” เขานิ่งไป ไม่คิดว่าการที่พ่อแม่ดูแลดีมาตลอดนั้นจะเป็นบ่วงให้เขาติดกับ ให้พวกท่านใช้เป็นข้ออ้างในการทวงบุญคุณ “แล้วไม่ดีเหรอคะ” ชีวิตเขาน่าอิจฉาจะตาย มีพ่อแม่คอยซัปพอร์ตไม่ได้ดิ้นรนแบบเธอ แม้นว่าจะมีผู้ใจดีคอยบริจาคเงินอยู่ตลอด แต่มันก็ไม่พอ ไม่พอที่จะได้ใช้ชีวิตสบาย ๆ ก็แค่มีกินให้ผ่านพ้นไปวัน ๆ แค่นั้น “มันก็ดี แต่บางทีก็ไม่ดี” เขาขาดอิสระ แม้แต่เรื่องคู่ครองพ่อแม่ยังเป็นคนคิดให้ ...บรรยากาศตกเข้าสู่ความเงียบ ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ความคิดเรื่องของตัวเอง ปิ่นมุกเคยคิดอยากตามหาแม่ แต่ก็นั่นแหละ ตามหาไปเพื่ออะไร หากอีกฝ่ายนึกถึงเธอบ้างก็คงอยากตามหาเธอเหมือนกัน แต่กลับไร้วี่แวว ส่วนณัฐกฤตเขากำลังคิดว่าพ่อกับแม่กะจะให้เขาแต่งงานกับใครกันแน่ หรือว่าท่านทั้งสองมีเจ้าสาวในอุดมคติ แล้วต้องเป็นแบบไหนกัน ทั้งสองเงียบจนบรรยากาศภายในห้องไม่เล็กไม่ใหญ่นี้ชวนให้รู้สึกอึดอัด ก่อนที่ไม่นานแสงพระอาทิตย์จะหมดไป “ค่ำแล้ว” ปิ่นมุกโพล่งเสียงออกมา ทำลายบรรยากาศเงียบเชียบนี้ “โอเค...ถ้างั้นผมกลับก่อนนะ” เขาล้างจานให้เธอเสร็จสรรพ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคำพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เธอเองก็อมพะนำไม่กล้าเอ่ยท้วง ก็เลยกลายเป็นความว่างเปล่า ความว่างเปล่าไร้ชื่อเรียกต่อไป “กลับดี ๆ นะคะ” ปิ่นมุกเดินลงมาส่งเขาที่รถ ซึ่งรถที่เคยจอดไว้ที่ร้านอาหารวันนั้น เขาก็เป็นคนจัดการให้คนขับมาส่งที่โรงพยาบาล “ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะ” เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะถาม “เอ่อ อาจารย์คะ” “ครับ...” เขากำลังจะเปิดประตูรถ เป็นอันต้องชะงักไปเมื่อเธอเอ่ยเรียกราวกับมีเรื่องอยากถามอยากพูด แต่ทว่าพอมองหน้าเขา เธอก็ไม่กล้าเอ่ยพูดออกมาเสียอย่างนั้น กลัว...กลัวว่าถ้าเรียกร้องแล้วจะไม่ได้เห็นหน้าเขาอีก “ไม่มีอะไรแล้วค่ะ” “หือ...” เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่ง มองหน้าเธอด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนว่าเธอจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับบอกไม่มีอะไร แต่เขาก็ไม่อยากซักไซ้ ...ชายหนุ่มโบกมือลาเธอ ก่อนจะกลับขึ้นรถไป ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก เธอทำให้วันธรรมดาของเขาไม่น่าเบื่อ คิดไม่ผิดที่มาหา แถมยังได้ปลดปล่อยอีกด้วย “ถึงแล้วนะครับ” พอถึงโรงแรมเขาก็ส่งข้อความบอกเธอ ชายหนุ่มกำลังจะหาซื้อคอนโดฯ เขาอาจจะต้องใช้เวลาในการหาสักหน่อย เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ทว่าพอส่งข้อความไปแล้วเธอก็ไม่ได้ตอบมา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะตอนมีอะไรกันก็เห็นเธอมีความสุขดี ไม่ได้มีสีหน้าไม่พอใจแต่อย่างใด แต่ทำไมเธอถึงมีท่าทีแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ...ณัฐกฤตทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนขนาดใหญ่ โรงแรมที่นี่เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาว นอนสบายกว่าห้องพักแพทย์ที่โรงพยาบาลเป็นไหน ๆ อีกอย่างห้องพักแพทย์ก็มีไว้ให้สำหรับแพทย์นอนเวร ซึ่งเขาไม่ได้นอนเวรอยู่แล้ว ชายหนุ่มพริ้มตาหลับลงด้วยความอ่อนเพลีย พรุ่งนี้คงได้ถามปิ่นมุก ว่าเธอโอเคจริงหรือเปล่า ทำไมอยู่ ๆ ถึงเงียบไป... วันต่อมา... ปิ่นมุกตื่นแต่เช้าเหมือนกับทุกวันที่ต้องไปทำงาน เธอไม่เคยสาย ไม่เคยขาด และไม่เคยลา คงเป็นเพราะความลำบากในชีวิตทำให้เธอกลายเป็นคนมีวินัย กว่าจะได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมานั้นไม่เคยง่ายในความคิดของเธอ เพราะฉะนั้นจึงต้องเข้มแข็ง และมีวินัยให้มาก ๆ ทว่า ติ้ง! พอตื่นมาข้อความจากอาจารย์ณัฐกฤตก็เด้งเข้ามา เธอนอนไม่หลับทั้งคืน แต่พอจะหลับก็มาหลับเอาสองชั่วโมงสุดท้ายก่อนนาฬิกาจะปลุก [เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม] เธอมองข้อความนี้ด้วยความรู้สึกดี แม้นว่าเขาจะยังไม่ให้สถานะ แต่ก็นั่นแหละ...อาจจะต้องรออีกสักหน่อย เธอนอนทบทวนทั้งคืน หากจะอยากได้อะไรสักอย่างก็คงต้องใช้เวลาสักหน่อย รู้สึกตัวเองกำลังเร่งรัดมากเกินไป “ดีแล้วค่ะ ไม่เจ็บแล้ว” เธอพิมพ์ข้อความตอบกลับ ก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน ทว่า ติ้ง! [ดีมากก] [ค่อยสบายใจหน่อย] เขาก็รัวข้อความมาอีก เห็นอย่างนั้นมุมปากของเธอก็กระตุกยิ้มเบา ๆ อย่างน้อยเขาก็ยังไม่หายไป หญิงสาวพิมพ์ข้อความตอบกลับ “อาบน้ำก่อนนะคะ” [ครับ] [เจอกันที่โรงพยาบาลนะ] เธอฉีกยิ้มกว้าง โลกทั้งใบแทบจะเป็นสีชมพูอยู่แล้ว หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานด้วยใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม มองไปทางไหนก็รู้สึกสดใสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในหัวของเธอจินตนาการไปถึงอนาคต ไปจนถึงแต่งงาน มีลูกเลยแหละ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD