ตอนที่ 6 สตรีเอาแต่ใจ

1378 Words
เถียนเถียนมองจ้าวฟางหลินเล็กน้อย สตรีผู้นี้เองหรือที่ผู้คนเลื่องลือว่าร้ายกาจนัก นางอยากจะรู้เหมือนกันว่าหากจ้าวฟางหลินต้องเสียบุรุษผู้นี้ให้นางจะเป็นอย่างไร “ร้านตรงข้ามรสชาติดีกว่านะเจ้าคะ ข้ากำลังจะไปร้านนั้นพอดี” นางชี้ไปฝั่งตรงข้ามที่มีคนอยู่ไม่มากนัก นิสัยบุรุษก็คล้ายกันตรงที่ไม่ชอบสถานที่คนหนาแน่น ยิ่งบุรุษร่ำรวยก็ยิ่งไม่อยากไปเบียดเสียดกับผู้ใด “แต่ข้าอยากไปกินร้านใหม่ ร้านที่เจ้าว่านั้นข้ากินบ่อยแล้ว” จ้าวฟางหลินอธิบายถึงเหตุผลของตนโดยไม่ใช้อารมณ์หงุดหงิดของตนร่วมด้วย จางซือหลงไม่ชอบให้นางเถียงนางก็จะพยายามลดสิ่งเหล่านั้นลง “รู้ว่าไม่อร่อยก็ยังอยากไปเช่นนั้นหรือ ไปร้านที่แม่นางเถียนแนะนำเถิด” เจ้าของเรือนกายองอาจหันมามองใบหน้างามที่กำลังงอง้ำ “ข้าอยากลองชิมร้านนั้นนี่เจ้าคะ ข้าไม่ไปอีกร้านหรอก!” นางกอดอกอย่างเอาแต่ใจตัวเอง ร้านที่เถียนเถียนกล่าวมานั้นรสชาติไม่ได้แย่แต่ก็ใช่ว่าจะอร่อยจนผู้คนร่ำลือ “ไม่ไปก็เรื่องของเจ้าฟางหลิน ขอบคุณแม่นางเถียนที่แนะนำ” จางซือหลงตัดบท มือใหญ่ดึงมือนางออกจากแขนเมื่อเห็นแววตาดื้อรั้นกำลังมองมา คนหนาแน่นเช่นนั้นจะเข้าไปทำไมกัน รสชาติอาหารที่เรือนนางก็เลิศรส เหตุใดยังต้องลำบากดิ้นรนไปนั่งรอนาน ๆ ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายด้วย “ไม่ใช่เรื่องใหญ่เจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่แนะนำตามที่รู้มาเท่านั้น ร้านใหม่คนแน่นข้าไม่ค่อยชอบเช่นกัน” เถียนเถียนกล่าวเสริม “หากไม่รังเกียจก็ไปอีกร้านด้วยกันเถิด ถือว่าข้าเลี้ยงไถ่โทษที่ไม่ทันระวัง” คนกลางถอนหายใจก่อนเอ่ยในสิ่งที่ตนนั้นพิจารณาแล้ว “เจ้าค่ะ” หญิงงามแสนบอบบางก้มหน้าราวกับเขินอาย “เหอะ เชิญพวกท่านเถอะ ร้านข้าอาจจะอร่อยกว่าก็ได้ เจ้าอาจไม่ถูกปากเอง!” จ้าวฟางหลินรู้สึกขัดใจกับท่าทางของจางซือหลงยิ่งนัก เดิมทีเขาไม่เคยชวนสตรีใดร่วมโต๊ะ นางอยากภาวนาต่อสวรรค์เหลือเกินว่าอย่าให้เขาสนใจเถียนเถียนเลย “คุณหนูจะไปร้านไหนเจ้าคะ” เสี่ยวถานถามเจ้านายสาวอย่างสงสาร บุรุษแสดงออกเช่นนั้นคุณหนูไม่อาละวาดนั่นแปลว่าเสียใจมาก “ข้าจะไปร้านใหม่ ข้าอยากชิมรสชาติที่ผู้คนต่างเลื่องลือกัน ผู้ใดไม่ชอบก็เรื่องของเขาเถิด” ของอร่อยอยู่แค่เอื้อมนางจะพลาดได้อย่างไร “เช่นนั้นก็แยกกันตรงนี้” เสียงทุ้มกล่าว “เชิญท่านกับแม่นางเถียนตามสบายเถิดเจ้าค่ะ หากร้านที่ไปรสชาติแสนธรรมดาก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” เสียงเง้างอนกล่าวเมื่อรู้แล้วว่าตนเองไม่ใช่ผู้ถูกเลือก “อย่าถือสาเลย นางมักดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นนี้เป็นประจำ หากลองกินแล้วไม่ถูกใจประเดี๋ยวก็ย้ายมาร้านนี้เอง” ใบหน้าขรึมมองตามแผ่นหลังเล็กที่กำลังเดินห่างออกไป แม่นางเถียนเถียนพยักหน้ารับเดินตามหลังบุรุษรูปงามเงียบ ๆ มีเพียงรอยยิ้มสะใจลึก ๆ ที่ตนนั้นชนะจ้าวฟางหลินได้ แม้อีกฝ่ายงดงามอันดับหนึ่งแต่นางเชื่อว่าบุรุษทั่วแคว้นย่อมต้องการภรรยาแสนอ่อนหวานมากกว่าสตรีร้ายกาจ ฐานะนางก็ไม่ได้ด้อยกว่าเหตุใดต้องยอมถอยให้บุตรสาวพ่อค้าด้วย ร้านก๋วยเตี๋ยว หน้างามงอง้ำเมื่อเห็นว่าจางซือหลงนั่งโต๊ะเดียวกับเถียนเถียน สองร้านอยู่ตรงข้ามกันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะมองเห็นอีกฝั่ง “หึย พี่หลงเชื่อสตรีหน้าขาวผู้นั้นมากกว่าข้าได้อย่างไร เห็นหน้างามหน่อยก็หลงเชื่อง่าย ๆ” ขัดใจเสียจริง นางเลือกร้านที่ดีไว้ให้แท้ ๆ “อาหารได้แล้วขอรับคุณหนู” เจ้าของร้านวางถ้วยก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าหญิงงาม กลิ่นหอมโชยเข้าจมูกน้อย ๆ พาลให้อารมณ์โมโหค่อย ๆ เลือนหาย “ขอบคุณเจ้าค่ะ อื้ม เพิ่มอีกสองถ้วยและจัดให้ข้ากลับเรือนอีกถ้วยด้วยเจ้าค่ะ รสชาติกลมกล่อมถูกปากข้ามาก ดีนะที่ข้าเลือกมาที่นี่” ของดีเช่นนี้จะชิมคนเดียวได้อย่างไร นับว่าตัดสินใจถูก รสชาติน้ำซุปถูกใจนางยิ่งนัก “ขอรับคุณหนู” เจ้าของร้านยิ้มหน้าบาน “คุณหนูสั่งมาเยอะจะกินหมดหรือเจ้าคะ” เสี่ยวถานตาโตที่คุณหนูของตนสั่งก๋วยเตี๋ยวเพิ่มถึงสองชาม ซ้ำยังสั่งให้จัดกลับเรือนอีก “เจ้ากินด้วยสิ วิ่งตามข้าทั้งวันคงหิวแย่” เสี่ยวถานอาจถูกมองว่าเป็นเพียงสาวใช้แต่ผู้ใดเลยจะรู้ว่านางนั้นเป็นดังพี่สาวของนาง “ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณชายจางแสดงออกเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรเจ้าคะ” สาวใช้นึกสงสารเจ้านายของตนที่โดนปฏิเสธ “ทำอย่างไรได้เล่าเขาเลือกสตรีผู้นั้นแล้ว” คิดไปก็ปวดหัว จางซือหลงคงมีใจให้แม่นางเถียนแล้วเป็นแน่สังเกตจากท่าทีเจรจาถูกคอที่นางแอบมองไปยังร้านตรงข้าม “คุณหนูจะยอมแพ้หรือเจ้าคะ” เสี่ยวถานนึกแปลกใจที่คุณหนูไม่ได้แสดงความโกรธออกมา “ข้าเหมือนเห็นตัวเองเวลามองนาง เมื่อก่อนข้ารู้สึกเกลียดสตรีทุกคนที่เข้าหาพี่หลง คิดว่าเหตุใดต้องตามยั่วยวนบุรุษที่ข้าพึงใจด้วย ทว่าคำพูดของพี่หลงเมื่อครู่ทำให้ข้าฉุกคิดขึ้นมาได้ ตัวข้าเองล้วนไม่ต่างจากพวกนางเท่าใดนัก” นางเองก็วิ่งตามบุรุษเช่นเดียวกัน จางซือหลงกล่าวมานั้นไม่เกินจริง ขนาดต่อหน้าสตรีที่เพิ่งรู้จักเขายังกล้ากล่าวหักหน้านางได้ลงคอ ใจร้ายนัก “แม่นางผู้นั้นจะสู้คุณหนูได้อย่างไรเจ้าคะ คุณหนูงดงามกว่ามาก ทั้งหน้าตา ผิวพรรณ ทรวดทรงเทียบกับไม่ติดฝุ่น” ประเมินจากสายตาโดยไร้อคติก็เห็นชัดว่าจ้าวฟางหลินนั้นงามกว่ามาก “คิกคิก งามกว่าจริงนั่นแหละ อย่าสนใจเลยเรากินก๋วยเตี๋ยวนี่ดีกว่า” นางเอามือประคองสองแก้มหน้าหอมด้วยท่าทางเขินอาย พวงแก้มขึ้นสีระเรือน่าเอ็นดู สายตาของคนผู้หนึ่งกำลังจับจ้องนางตั้งแต่เข้าร้านเผลอหลุดยิ้มกับสิ่งที่สตรีทั้งสองกล่าว “ต่อให้ไม่ได้แต่งเข้าตระกูลจางก็ย่อมมีผู้อื่นอยากได้คุณหนูไปเป็นฮูหยินอยู่แล้วเจ้าค่ะ ไม่แน่ว่าอาจมีองค์ชายมาหมายตาคุณหนูก็ได้” “พอ ๆ หากเป็นเหล่าองค์ชายข้าได้ทะเลาะกับสามีและบรรดาอนุไม่เว้นวันแน่ พวกองค์ชายนิยมรับอนุมากเจ้าไม่รู้เหรอ” อารมณ์นางเป็นเช่นนี้จะให้เป็นพระชายาได้อย่างไร “แล้วใครล่ะเจ้าคะที่จะมาเทียบคุณชายจางได้” หากแค่รูปงามยังพอหาได้แต่นี่ร่ำรวยจนกินใช้ทั้งชาติไม่หมด นับว่าหายาก นิสัยก็น่าคบหา “ข้าไม่เคยด้อยค่าหรือคิดเปรียบเทียบพี่หลงกับผู้ใด ข้าชอบเขาเพราะเขานั้นนิสัยใจคอน่าคบหา เรื่องนอกกายข้าไม่เคยคิดสนใจ หากชาตินี้ไร้วาสนาต่อกันข้าก็ไม่ได้คิดจะหาคนที่ดีหรือร่ำรวยกว่า ข้าจะหาคนที่ข้าพึงใจและเขาก็ยินดีมอบหัวใจให้ข้า แม้จะยากจนหรืออัปลักษณ์ ข้าก็ยินดีจะรักเขา” ใบหน้างามเชิดยามเอ่ยถึงความรู้สึกของตนเอง ตระกูลนางหาได้ยากจนแร้นแค้นจนต้องให้บุตรสาวไปจับบุตรร่ำรวยมาเป็นสามี ในสายตาผู้อื่นนางคล้ายกับหวังเกาะจางซือหลงทว่าแท้จริงหาใช่เรื่องนั้น บุรุษร่ำรวยส่งจดหมายหามีไม่ว่างเว้นแต่หาใช่คนที่ใจนางปรารถนาจะอยู่ด้วยไม่ บทสนทนาของสองนายบ่าวกำลังถูกคนผู้หนึ่งนั่งฟังอย่างสำราญใจ สตรีร้ายกาจของแคว้นไยกิริยาน่าเอ็นดูได้ถึงเพียงนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD