Chapter 1 บุปผานารีผล

1192 Words
Chapter ่ 1 บุปผานารีผล ระยิบระยับพริบพราวราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝันแสนหวาน หมู่มวลหิ่งห้อยตัวน้อยเปล่งแสงสีเหลืองนวลบินวนดารดาษคล้ายดวงดาวประดับกลางผืนป่า ลมเย็นพัดแผ่วลู่ล้อไปกับใบไม้จนเกิดเป็นเสียงคล้ายห้วงดนตรีจากที่ซึ่งไกลแสนไกล กอปรกับนกสีหมอกตัวจ้อยนับพันตัวกำลังสยายปีกบินร่อนเหนือน่านฟ้าส่งเสียงเจื้อยแจ้วขับขานชวนฟัง แสงสีทองราวกับผงทองคำโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าไม่ขาดสาย ก่อนจะกลืนหายเข้าไปในต้นไม้ใหญ่อายุกว่าหลายพันล้านปี ต้นไม้นี้มีขนาดกว่าหนึ่งร้อยคนโอบ ยอดบนสุดของต้นนั้นชูช่อเทียมเมฆ ใบไม้เป็นสีม่วงอ่อนค่อนไปทางสีคราม มีดอกสีชมพูกระจิริด กลีบโค้งมนห้าแฉกคล้ายดอกเหมยฮวา เวลานี้ได้บานสะพรั่งเต็มต้นบ้างก็ร่วงหล่นโปรยปรายทิ้งตัวลงบนผืนหญ้า ตามกิ่งก้านมีเถาวัลย์พันเกี่ยวอีกทั้งยังมีรากอากาศห้อยระย้าราวกับสายสร้อยก็ไม่ปาน ต้นไม้นี้นับเป็นจุดศูนย์กลางของเทือกเขาคุนเหม่ย ถือกำเนิดอยู่เคียงคู่เหล่าสรรพชีวิตมานานแสนนานนับตั้งแต่ผานกู่ได้สร้างโลกขึ้น ต้นไม้โบราณนี้มีชื่อว่า ‘บุปผาเทียมฟ้า’ ทุกคนคิดว่ามันเป็นต้นไม้มีชีวิตเพราะได้สรรค์สร้าง ‘บุปผานารีผล’ หญิงที่มีคุณลักษณะงดงามปานล่มสวรรค์ หยาดหยดไร้ที่ติราวกับประติมากรรมชั้นเลิศ ไม่ว่าผู้ใดหากได้ยลโฉมก็ถึงกับลืมหายใจ บางรายหากจิตใจไม่แข็งแกร่งพอก็ถึงกับละเมอเพ้อหาราวกับจับไข้เลยทีเดียว ทว่าในรอบหนึ่งหมื่นปีสวรรค์บุปผานารีผลจึงจะให้กำเนิดหญิงงามสักผลหนึ่ง หากใกล้ครบรอบโลกมีเหตุอาเพศ วาตภัยครั้งใหญ่ หรือโรคระบาดร้ายแรง ต้นบุปผาเทียมฟ้าก็จะงดออกผลเสียดื้อๆ ดังนั้นเหล่าเทพเซียนทั้งหลายจึงต่างตั้งตารอคอย เพื่อที่จะได้เป็นผู้ครอบครองนารีผลด้วยใจจดจ่อ ซึ่งเวลาแห่งการรอคอยได้มาถึงแล้ว... ยามเมื่อบุปผาเทียมฟ้าออกดอกสีชมพูสะพรั่งเต็มต้น บัดนี้กิ่งที่ใหญ่ที่สุดได้แตกผลออกมามีรูปร่างคล้ายทารกในครรภ์มารดา มีสายสะดือเป็นเถาวัลย์พันเกี่ยวร้อยรัดเอาไว้ ส่วนศีรษะของทารกน้อยติดกับขั้วผล มีกลีบเลี้ยงทั้งหมดห้ากลีบคลุมศีรษะเอาไว้อีกต่อหนึ่ง เมื่อยื่นหน้าเข้าไปพิศมองใกล้ๆ จะเห็นได้ว่าใบหน้าหวานนั้นมนเรียว จมูกเล็กๆ โด่งรั้นปลาย นวลแก้มสุกปลั่ง และผิวกายแดงก่ำบ่งชัดว่าหากผลเริ่มโตจนสุกงอม บุปผานารีผลนี้คงมีผิวกายขาวนวลเนียนราวกับน้ำนมสวรรค์ “ข้าแทบอดทนรอไม่ไหวแล้ว” เซียนหนุ่มผู้หนึ่งถึงกับเพ้อออกมา เมื่อได้เห็นการผลิผลของต้นบุปผาเทียมฟ้ากับตาตนเองเป็นครั้งแรก “ข้าชักหวง ไม่อยากให้ใครมาเห็น” เซียนอีกคนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่ชอบใจ แสงสีทองจากสรวงสวรรค์ที่โปรยปรายลงมายังต้นบุปผาเทียมฟ้าไม่หยุดหย่อนนั้น ราวกับเป็นการส่งสัญญาณบอกกล่าวให้เหล่าบุรุษน้อยใหญ่รับรู้ว่าหญิงงามกำลังจะถือกำเนิดขึ้น อีกไมกี่ชั่วยามเหล่าเซียนทุกระดับ มาร ปีศาจ และสัตว์เทพชั้นสูงคงได้แห่กันมาที่นี่ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาคุนเหม่ย เพื่อแย่งชิงหญิงงามไปครอบครอง แล้วพวกตนทั้งสองเป็นแค่เซียนงูปาเสอแสนกระจอก จะไปหาญสู้เหล่าเซียนชั้นสูงบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้อย่างไรกัน “บิดาข้าเล่าว่าเมื่อสามหมื่นปีก่อนมีเทพเซียนล้มตายไปถึงห้าร้อยตน เหตุเพราะความงามของบุปผานารีผล ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็แค่หวังจะยลโฉมเท่านั้น ไม่คิดจะลงสนามแย่งชิงด้วยรักตัวกลัวตาย” “ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า อีกอย่างบุปผานารีผลมีอายุอยู่ได้เพียงแค่เจ็ดวัน หลังจากถูกบุรุษเสพสมนางก็จะค่อยๆ สุกงอมจนเหี่ยวเฉาแล้วตายไปในที่สุด” “แต่ข้าเคยได้ยินบิดาเล่าว่า เมื่อหลายแสนปีก่อน มีนารีบุปผานางหนึ่งมีชีวิตรอดหลังจากเจ็ดวัน อีกทั้งยังมีชีวิตยืนยาวถึงหนึ่งแสนปีอีกด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดนางจึงไม่ตายภายในเจ็ดวันเฉกเช่นบุปผานารีผลตนอื่นๆ” “มันอาจเป็นแค่เรื่องเล่าปรัมปรา” งูปาเสอหนุ่มท้วงแล้วส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ “ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า เรื่องมันนานมาแล้วอาจถูกแต่งเสริมเติมแต่งขึ้นก็เป็นได้” สองเกลอหาที่ปักหลักเพื่อยลโฉมหญิงงาม ในขณะที่เซียน มาร ปีศาจ สัตว์เทพ และมนุษย์ผู้มีวิชาเวทแก่กล้าต่างค่อยๆ ทยอยมายังสถานที่แห่งนี้ เพียงไม่นานที่นี่ก็แออัดคับคั่งไปด้วยชายหนุ่มกว่าหลายหมื่นคน นอกจากบุรุษแล้วก็ยังมีสตรีที่อยากเห็นหญิงงามปานล่มสวรรค์เป็นบุญตาสักครั้ง ก็ต่างตบเท้าเดินทางมาที่นี่อีกหลายร้อยชีวิตเลยทีเดียว อีกนัยหนึ่งการเดินทางมารวมตัวกันของสตรีและชายหนุ่มในครั้งนี้ อาจทำให้หนุ่มสาวถูกตาต้องใจจนผูกสมัครรักใคร่กันก็เป็นได้ บ้างก็มีพ่อค้าแม่ค้าหัวหมอ หาบเร่นำของกินมาขาย ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำไปเลยทีเดียว ป่าคุนเหม่ยที่เงียบสงบจึงกลับมาคึกคักจอแจอีกครา ไม่ไกลไปจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายเท่าใดนักชายผมขาวยาวจดเอวนั่งเอกเขนกอยู่บนพื้นพรมหนังวัวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ฉายชัดว่ากำลังหงุดหงิดจนถึงขั้นสุด ขนาดตำราเล่มโปรดในมือยังไม่อาจลดทอนความหงุดหงิดนี้ได้แม้เพียงกระผีกริ้น ก็จะอะไรเสียอีกเล่า! ไอ้พวกบุรุษบ้ากามคงมาชุมนุมกันที่ต้นบุปผาเทียมฟ้าอีกแล้วสินะ ช่างส่งเสียงหนวกหูรบกวนเวลาพักผ่อนของเขาเสียเหลือเกิน อีกหน่อยคงฆ่าฟันกันจนเลือดนองแผ่นดินเพียงเพราะผลไม้ลูกเดียว! เรื่องนี้องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ถึงกับปรารภด้วยความเหนื่อยหน่าย แต่จะห้ามปรามหรือถือสิทธิ์ครอบครองต้นบุปผาเทียมฟ้าเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการนองเลือดก็ไม่อาจทำได้ รังแต่จะทำให้เหล่าชายหนุ่มคลางแคลงใจ ครั้งหนึ่งเคยดำริจะโค่นต้นไม้ที่สร้างปัญหาทิ้ง แต่ถูกเทพแห่งโชคชะตาคัดค้านเสียงแข็ง เพราะต้นไม้นี้เป็นต้นไม้ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ผานกู่สร้างโลก รากของมันหยั่งลึกไปทั่วทั้งแดนมนุษย์ ลึกสุดคณนาไปถึงนรก อีกทั้งใบอ่อนยังสูงชูช่อเทียมสวรรค์ หากบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป เกรงว่าจะถึงกาลวิบัติฉิบหายจนไม่อาจต้านทาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD