Chapter 5 ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้าย
ถึงอย่างไรเขาก็มีเลือดเนื้อ มีหัวใจ มีความต้องการ แต่ที่ผ่านมาเขาสะกดมันไว้ด้วยการแยกออกมาอยู่อย่างสันโดษ บำเพ็ญเพียรในที่ห่างไกลผู้คน และที่สำคัญไม่เคยมีสตรีนางใดที่ทำให้เขารู้สึก ‘คลั่ง’ มาก่อน
และใช่! นางเป็นคนแรก!
ให้ตายเถอะ ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว!
เขากัดฟันกรอดจนสันกรามปูดโปนขึ้นเป็นสันนูน อาการปวดที่ศีรษะยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา แต่เจ้าหัวล่างกลับเริ่มชูชันแข็งขัน ทำท่าจะทะลวงออกมานอกกางเกงเสียให้ได้
จ้าวฉงซานหลับตาลงอย่างครุ่นคิด ยกมือขึ้นบีบที่สันจมูกแรงๆ ก่อนจะเลื่อนไปตบที่ท้ายทอยหลายครั้งราวกับเรียกสติ
ใช่! อันดับแรกคือเขาต้องตั้งสติ! ห้ามเตลิดไปกับนม! นม! และนม! ที่กำลังกระเพื่อมไหวไปมาเด็ดขาด!
เมื่อคิดได้ดังนั้นท่านเทพภูเขาก็รีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกสีน้ำเงินกรมท่าของตนออก แล้วบรรจงคลุมลงบนเรือนกายเปลือยเปล่าของนารีผลแสนสวยอย่างเบามือ
นาทีนั้นเองที่หญิงสาวถึงกับนิ่งอึ้ง นางกะพริบเปลือกตามองใบหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่กำลังจู่โจมนางในเวลานี้เรียกว่าสิ่งใด มันอบอุ่น มันซ่านลึก และ...
“อ๊ะ...”
นางตกใจส่งเสียงร้องก่อนจะทรุดฮวบลงไปกองที่พื้น ยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายด้วยใบหน้าเหยเก คนตัวโตกว่าเห็นดังนั้นก็ตกใจปราดเข้าไปประคองถามไถ่ทันที
“เกิดอะไรขึ้น”
“แปลก...”
นางยังคงนิ่วหน้า ดวงตากลอกไปมาอย่างครุ่นคิด มือบางยังคงกุมอกข้างซ้ายเอาไว้แน่น นางค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงเพ่งความสนใจไปยังบางสิ่งบางอย่างที่กำลังปรากฏขึ้น
“มะ....เหมือนมีก้อนเนื้อเต้นได้เจ้าค่ะ”
แล้วโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัวนางก็จับมือของเขาวางลงบนอกข้างซ้ายของตน
มือของจ้าวฉงซานนั้นใหญ่เทอะทะ เมื่อทาบลงบนหน้าอกของบุปผานารีผลจึงกลายเป็นว่า...เขากำลังจับนมเต้าซ้าย มันใหญ่เด้งนุ่มนิ่มจนล้นออกจากมือเลยทีเดียว
นะ...นี่มันแม่วัวพันธุ์ดีชัดๆ
ดวงตาคมของเซียนผมงาช้างจับจ้องหน้าอกทรงโตอย่างไม่วางตา ในขณะที่ลูกกระเดือกกลิ้งกลอกไปมาราวกับกำลังกลืนน้ำลายลงคอ
“ดูสิเจ้าคะนายท่าน จู่ๆ ก็มีก้อนเนื้อเต้นตุบๆ อยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ”
หญิงสาวยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่อไป โดยไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าผู้ชายตัวโตที่ชอบขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลากำลังหน้าแดงก่ำ ระเรื่อไปจนถึงใบหู
“ทำอะไรของเจ้า!”
เซียนภูเขาชักมือกลับ แสร้งตวาดดังราวกับโมโหทั้งที่ความจริงแล้วเขากำลังเขินอาย กว่าแสนปีแล้วที่เขาไม่ได้จับ ‘นม’ สตรี เขาจึงไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจกับสถานการณ์คับขันเช่นนี้
“ข้าแปลกใจเจ้าค่ะนายท่าน จู่ๆ ก็เหมือนมีก้อนเนื้อเกิดขึ้นในร่างกายของข้า แถมมันยังเต้นแรงมาก ตะแต่...”
นางเอียงใบหน้าครุ่นคิดยกมือขึ้นทาบลงบนหน้าอกอวบอิ่มของตัวเองอีกครั้ง ทว่าในสายตาของคนตัวโตนั้นมันช่างเป็นภาพที่ยั่วยวนชวนให้กดร่างบางลงขยี้ขยำเสียเหลือเกิน
มือเล็กๆ ที่กำลังจับนมของตัวเอง ริมฝีปากสีสวยอวบอิ่มที่ขยับเอื้อนเอ่ย สมแล้วที่นางได้ชื่อว่าเกิดมาเพื่อปลุกกำหนัดบุรุษเพศ เพราะตอนนี้เขากำลังตื่นตัวจนถึงขีดสุดเลยทีเดียว
“นั่นเรียกว่าหัวใจ”
“หัวใจหรือเจ้าคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็เบิกตาโพลงด้วยความดีใจ “ข้ามีหัวใจ! ข้ามีหัวใจ!” นางร้องตะโกนก่อนจะกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ เจ้านายหนุ่ม
ให้ตายเถอะ! เขาไม่สามารถบังคับสายตาออกจากหน้าอกที่กำลัง เด้ง! เด้ง! เด้ง กระแทกตาไปได้เลย
“ข้าดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะนายท่าน”
นางโห่ร้องตะโกนเสียงกังวานก้องป่า ผลไม้สาวพอจะมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง ไม่ว่าจะในโลก บนสวรรค์ และป่าคุนเหม่ย ทว่าความรู้ของนางกระท่อนกระแท่นไม่ปะติดปะต่อนัก เพราะระหว่างที่นางกำลังสุกงอม ต้นบุปผาเทียมฟ้าได้ใส่ชุดความรู้ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตลงมายังกล่องความทรงจำของนาง
ทว่าเวลานี้นางรู้เพียงว่านางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ที่คอยให้ความสุขบุรุษเพศ นางมีชีวิตเพียงเจ็ดวัน และเป็นเพียงแค่ผลไม้ที่รอวันเหี่ยวเฉา ดังนั้นการที่นางมีหัวใจเหมือนกับเหล่ามนุษย์ เทพเซียน และสัตว์ทั้งหลายทำให้นางตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีหัวใจ แต่จู่ๆ พอนายท่านสวมผ้าผืนนี้ให้ข้าอย่างอ่อนโยน ก้อนเนื้อที่อกซ้ายก็ค่อยๆ โตขึ้นกลายเป็น ‘หัวใจ’ แปลว่านายท่านเป็นผู้มอบหัวใจให้กับข้า นายท่านช่างมีบุญคุณกับข้าเหลือเกิน ข้าจะขอติดตามนายท่านไปจนชั่วชีวิต”
นางทรุดกายลงแล้วโค้งคำนับเจ้านายหนุ่มจนหน้าผากจดผืนดินด้วยความภักดี ตั้งใจว่าจะไม่ยอมมีเจ้านายคนใหม่เด็ดขาด เขาจะเป็นเจ้านายคนสุดท้ายของนาง
“ข้าจะตอบแทนบุญคุณของนายท่าน ด้วยการทำให้นายท่านมีความสุขทุกคืนวันเจ้าค่ะ”
คนตัวโตได้ยินดังนั้นก็ถึงกับนิ่งอึ้งราวกับถูกหินก้อนใหญ่ทุ่มใส่ศีรษะอย่างจัง เรียกได้ว่าเสียหลักจนตั้งตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“ไปกันใหญ่แล้ว ไม่เกี่ยวกับข้าเสียหน่อย”
จ้าวฉงซานยกมือขึ้นกุมขมับอีกครั้งโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันก่อนจะสาวเท้าเดินหนี
“กอดข้า จูบข้า ลูบไล้ตัวข้าได้เลยเจ้าค่ะนายท่าน เจ้านายคนก่อนของข้าก็ทำเช่นนี้”
ได้ยินเช่นนั้นจ้าวฉงซานก็ถึงกับตกใจหมุนตัวกลับมาอย่างเร็วจนชนเข้ากับร่างบอบบางที่เดินตามชิดแผ่นหลังราวกับเงา
ว้าย!
โครม!
ทั้งสองล้มกลิ้งลงไปกับผืนหญ้า คนตัวโตอยู่ในสภาพคร่อมทับคนตัวเล็กเอาไว้ด้วยสภาพหมิ่นเหม่เป็นที่สุด
บุปผานารีผลหัวเราะคิกราวกับถูกใจ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำที่เทพภูเขาถึงกับปวดหัวหนักกว่าเดิม ปวดจนแทบระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ เลยทีเดียว
“นายท่านช่างใจร้อน”
นางฉีกยิ้มปราศจากความเขินอาย ด้วยเข้าใจว่าการกระทำสิ่งเหล่านี้คือหน้าที่ เพราะนางเกิดมาเพื่อปลุกกำหนัดบุรุษเพศและทำให้พวกเขามีความสุขที่สุดด้วยเรือนร่างอันแสนเย้ายวนของนาง
“นายท่านจะเริ่มตรงนี้เลยหรือเจ้าคะ”
ถามออกไปแล้วจึงค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างยินยอมพร้อมพลีกาย จากนั้นจึงทำปากจู๋แล้วยื่นหน้าเข้าไปหาใบหน้าหล่อเหลาอย่างเสนอตัว เมื่อเห็นว่าเขายังนิ่งเฉยไม่กอดจูบลูบไล้นางอย่างที่ควรจะทำ นางจึงเป็นฝ่ายเร่งเร้าเสียเอง