บทที่๑หนุ่มหล่อเจ้าพ่อสำราญ(๑)

2321 Words
กรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี บริเวณชั้นสูงสุดของโรงแรมดังในเครือแฮคตันโฮลล์ ลิมิเต็ด มหาชน จำกัด ยังคงถูกจัดให้เป็นที่พักระดับวีไอพีของผู้บริหารโรงแรมเหมือนเช่นที่อื่นทั่วทั้งโลก ตอนนี้ภายในห้องพักกว้างขวางกินพื้นที่นับสองร้อยตารางวาซึ่งตกแต่งอย่างโอ่อ่าลงตัวด้วยสถาปัตยกรรมของโรมันกำลังมีเสียงครางแผ่วๆ สลับกับเสียงทุ้มห้าวกดต่ำครั้งแล้วครั้งเล่า รอบๆ บริเวณพื้นห้อง ปูด้วยพรหมแดงหนานุ่ม มีเศษผ้าชิ้นน้อยชิ้นใหญ่วางระเกะระกะ ด้านขอบเตียงปรากฏบิกินีสีแดงเพลิงที่บิดพันกันเป็นเกลียว ไม่ไกลมากนักก็มีกางเกงชั้นในสีขาวติดยี่ห้อดังราคาแพงนอนเค้เก้บิดเบี้ยวอยู่ ทว่าบนเตียงขนาดคิงไซซ์ยังคงยวบยุบไปกับจังหวะโถมเนื้อที่กระทบกันดัง ขณะเดียวกันนั้นเสียงหายใจแผ่วๆ ของสองหนุ่มสาวบนเตียงยังคงขับขานราวบทเพลงอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงสั่นสะเทือนจากอุปกรณ์ไฮเทคซึ่งดังครืดๆ อยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงกำลังทำลายภารกิจบุกแดนสวรรค์ชั้นเจ็ดให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ แม้คนทั้งคู่จะไม่คิดใส่ใจ แต่เจ้าเครื่องราคาแพงยังคงกรีดร้อง ทำหน้าที่ของมันอย่างต่อเนื่อง กระทั่งร่างอ้อนแอ้นผู้เหนื่อยหอบจากศึกมาราธอนอันยาวนานเป็นฝ่ายยกมือเล็กๆ ดันแผงอกกว้างให้ห่างจากอกอิ่ม ก่อนกลีบปากเต้นระริกจะขับขานให้เป็นประโยค “ฟ...เฟียซคะ โทรศัพท์ของคุณดังค่ะ” “ช่างมันเถอะน่า” คนกำลังยุ่งเหยิงอยู่กับภารกิจวาบหวามตอบส่งๆ ยังคงปล่อยให้เรือนกายของตัวเองยุ่งเหยิงอยู่กับจังหวะโถมกายอยู่ไม่วาง แต่เมื่อเห็นโทรศัพท์เจ้ากรรมไม่มีท่าจะยอมเงียบไปอย่างง่ายๆ จึงกัดฟันสั่ง พร้อมกับยกมืออีกข้างผละจากผิวเนียนของฝ่ายหญิงมาเสยผมอย่างลวกๆ “หยิบมาให้ผม” บาบีนารีบคำทันที เธอวาดแขนไปคว้าเครื่องมือสื่อสารมาให้กับผู้ชายที่ทำให้เธอระทดระทวย เมื่อเขาหยิบติดมือไปแล้วก็ทำปากจู่ให้เธอนิ่งเงียบ ตอนนี้เธอจึงทำได้เพียงกัดฟันกลั้นความวาบหวามอันแล่นพล่านไปทั่วอณูเนื้อนั้นเอาไว้ ด้านเฟียซก็กำลังพยายามหักใจไม่ขยับเคลื่อนร่างกายต่อ พุ่งสมาธิไปยังโทรศัพท์มือถือ เพียงเห็นชื่อที่โชว์หราอยู่หน้าจอก็รีบกรอกเสียงห้าวซึ่งบังคับให้เป็นปกติลงไป “ครับพี่” “นายอยู่ที่ไหน รู้ข่าวล่าสุดจากคนของเราแล้วหรือยัง” แฟรงค์ แฮคตันผู้เป็นพี่ชายโพล่งลั่นมาตามสาย “ข่าวอะไรครับ” ว่าพลางกัดฟันและปรายตาเบือนออกไปนอกหน้าต่างของห้อง เพราะผิวขาวๆ เนียนๆ ซึ่งอะร้าอร่ามอยู่ตรงหน้ากำลังทำให้ชายหนุ่มนึกอยากขว้างโทรศัพท์ทิ้ง แต่ติดที่เป็นสายของพี่ชาย จึงทำได้เพียงนับเลขหนึ่งถึงร้อยในใจ “ตอนนี้คนของเรารู้ข่าวของเจ้าพอร์ชแล้วนะ เห็นว่าอยู่เมืองไทย นายไปสืบให้พี่หน่อยว่าจริงหรือหลอกกันแน่ คราวก่อนบอกอยู่ฮ่องกงก็คว้าน้ำเหลวกันไปยกทีม บอกตรงๆ พี่ไม่อยากให้ผิดพลาดกันซ้ำซากอีก” เมื่อรับรู้จุดประสงค์ของคนเป็นพี่ เสี้ยวหน้าหล่อๆ ก็ครางอืมอาตอบรับในลำคอ พร้อมเหน็บแนมเล็กน้อย “พี่จะพาลูกแก้วไปฮันนีมูนใช่ไหมล่ะ ถึงโยนงานทุกอย่างมาให้ผมทำแบบนี้” “รู้ดีนี่” คนเป็นพี่ว่า พร้อมผ่อนลมหายใจมาตามสาย “ไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอกนะ นายต้องกลับมาดูงานโรงแรมอย่างเต็มตัวเพียงลำพังสามเดือนเต็ม ไปนั่งบริหารโรงแรมในเครือที่เมืองไทยก่อนก็แล้วกัน จะได้ง่ายต่อการสืบเรื่องเจ้าพอร์ชมากขึ้น” “ฮะ!” ชายหนุ่มร้องลั่นแล้วผุดลุกออกจากผิวเนียนนุ่ม หากมือบางของนางแบบสาวกลับยื้อฉุดไว้ก่อน หล่อนกำลังกัดกลีบปากเชิญชวนจนลำคอคนเหลือบมองแห้งผาก เฟียซจึงได้แต่โอดครวญแผ่วๆ “สามเดือน...พี่ไม่คิดจะส่งคนมาช่วยงานผมบ้างหรือ” “ใครจะว่างช่วยนาย มัมกับแด็ดไปเที่ยวที่สวิตซ์ฯ เหลือยัยลูกพีช นายจะให้น้องไปช่วยงานไหมล่ะ” “ไม่เอาครับ” คำตอบหนักแน่น มาพร้อมกับอาการส่ายหัวดิกใส่โทรศัพท์แล้วเปรยยาวเหยียด “ถ้าพี่ส่งยัยลูกพีชมา ผมก็ตายน่ะสิ ให้น้องดูงานเล็กๆ น้อยๆ ในโรงแรมที่แมนฮัตตันไปพลางๆ ก่อนก็ได้ เอาไว้ผมจัดการงานเมืองโรมเสร็จ อีกสักสองสามวันผมจะไปเมืองไทยให้นะครับ” “ไม่ได้!” คนเป็นพี่ร้องดังคัดค้าน “นายต้องไปเมืองไทยวันนี้ อีกครึ่งชั่วโมงเลขาฯ ส่วนตัวของนายคงถึงโรมพร้อมตั๋วเครื่องบินไปไทยสองที่นั่ง ไม่ต้องหนีบสาวๆ ไปนะ ฉันให้นายไปกับเจ้าจอห์นสองคนเท่านั้น” “ว่าไงนะครับ ครึ่งชั่วโมง” คนติดภารกิจอย่างว่าเบิกตากว้าง พร้อมวอนขอ “พรุ่งนี้ได้ไหม คือผม...” “เตรียมตัวให้พร้อม รอเสียงเคาะประตู แค่นี้นะ” สิ้นเสียงตัดสัญญาณจากคนเป็นพี่ เฟียซก็ทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปอีกฝั่งของเตียง พร้อมกับก้มลงมามองร่างน้อยๆ ซึ่งบิดส่ายอย่างรัญจวนอยู่ใต้ร่างก่อนจะค่อยๆ ขยับใบหน้าไปใกล้ใบหูเล็ก อ้าปากกว้างแล้วงับเบาๆ พร้อมกระซิบเสียงแหบพร่า “บาบีนาครับ เราไม่มีเวลาแล้ว เร่งเข้าเถอะเบบี๋” พูดพลางจูบหนักๆ ลงสองแก้มนุ่ม “เร็วๆ เข้าทูนหัว” “จะรีบไปไหนคะ บีนายัง...ไม่...” นางแบบสาวซึ่งหลงเพริดอยู่กับกลิ่นกายหอมของสุภาพบุรุษนักรักชื่อดัง กำลังกัดฟันครางกรอดๆ ทัดทานสิ่งที่ชายหนุ่มเร่งเร้าเอากับร่างกายตัวเอง เธอไม่รู้ว่าเขาจะรีบร้อนไปไหน แต่อาการหน้าหงิกหลังจากวางโทรศัพท์เมื่อครู่ คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าที่ควร ดังนั้นนาทีนี้ร่างอ้อนแอ้นจึงตอบรับทุกจังหวะจะโคน โดยมีชายหนุ่มสาดซัดลงมาอย่างไม่ยอมพ่ายแพ้ เรียกว่าฤทธิ์เสน่ห์บนเตียงครั้งนี้ถึงไหนถึงกัน และทั้งคู่ก็ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีต่อมา บังคับพายุสวาทอันยาวนานให้สงบ บัดนี้ที่นอนนุ่มขนาดคิงไซซ์ก็ยวบยุบเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนคนพ่นหายใจหอบนั้นจะวาดขาลงจากเตียง ทิ้งร่างกายเปลือยเปล่าของคนคอพับคออ่อนเอาไว้ นำพาตัวเองไปพบกับความสดชื่นในห้องน้ำร่วมสิบนาที เฟียซ แฮคตันก้าวออกมายืนหน้าเข้มอยู่บริเวณปลายเตียงด้วยเสื้อคลุมสีเทาอ่อน มัดปมบริเวณเอวสอบไว้หลวมๆ หางตาเหลือบมองร่างขาวโพลนบนเตียงเล็กน้อย ก่อนจะสืบเท้าไปคว้ากางเกงสแล็คยี่ห้อดังพร้อมกับล้วงกระเป๋าเงินสีดำแบรนด์หรูออกมา ปลายนิ้วเรียวหนาคลี่หยิบธนบัตรปึกโตแล้วโยนลงข้างๆ ร่างนางแบบสาว “คุณออกไปได้แล้ว ผมมีธุระต้องจัดการ” เจ้าหล่อนลืมตาขึ้นมามองหน้าคนพูดพร้อมกับผุดลุกขึ้นนั่ง ที่นอนติดสปริงส่งผลให้หน้าอกหน้าใจซึ่งใหญ่โตอยู่แล้ว ดีดผึงขึ้นมาให้คนตัวโตได้ยลแบบชัดๆ ชนิดที่ว่าไม่กั๊กกันเลยทีเดียว หากมือเล็กก็ยังไม่ลืมวาดไปคว้าเอาเงินปึกใหญ่มาติดมือไว้ ก่อนจะค่อยๆ คลานเข่าเนิบช้ามายังปลายเตียง หยุดใกล้แผงแน่นๆ ของกล้ามเนื้อหนุ่ม วงแขนเล็กก็วาดกอดเอวสอบพร้อมกับพรมจูบไปทั่วแผ่นท้องแน่นขนัด “ไม่ต่อกันอีกหน่อยหรือคะ บีนายังมีแรง” ดวงตากรีดอายลายเนอร์ราคาแพงช้อนมอง ปากเล็กๆ ก็ถูกฟันเรียงซี่ขาวกัดไว้อย่างเชิญชวน อุ้งมือน้อยๆ ส่ายสะเปะสะปะอยู่กลางด้านหลัง พร้อมขยุ้มปลายนิ้วเบาๆ อย่างที่เคยทำ “คุณไปเถอะ” โทนเสียงจริงจังทำให้เจ้าหล่อนก้มหน้า ปล่อยแขนเล็กลงจากเอวใหญ่อย่างหมดแรง ก่อนจะขับคำไพเราะให้หลุดจากปากอิ่ม “ถ้าอย่างนั้นบีนาจะเป็นเด็กดี คุณเฟียซมาโรมเมื่อไร อย่าลืมโทรหาบีนานะคะ” คนตัวโตครางรับเบาๆ เท่านั้น จำได้ว่านางแบบสาวคนนี้ตัวเองเรียกมาใช้บริการเรื่องอย่างว่าเป็นครั้งที่สองกับหนนี้กระมัง เพราะเจ้าหล่อนว่าง่าย ไม่เรื่องมากเหมือนรายอื่นๆ ไหนจะลีลาบนเตียงก็เด็ดดวงไม่น้อยเชียว ทว่าใครมากเรื่องล่ะก็ ครั้งเดียวก็เกินพอกับการเป็นเครื่องมือบำบัดความใคร่ ร่างสมส่วนของบาบีนาแทรกกายออกไปเพียงนาทีเศษ ประตูห้องบานใหญ่ก็ถูกเคาะรบกวน ก่อนจะถูกเปิดออกกว้างด้วยอุ้งมือใหญ่ของหนุ่มผมหยิกสีดำ เผยให้เห็นชายหนุ่มอายุร่วมสามสิบปีเต็ม ผู้มีร่างกายสูงเพรียว ผิวขาวจั๊วะ บุรุษผู้นี้อยู่ในชุดสูทมาดเนี๊ยบกับร้องเท้าหนังสีดำขัดมันวาว ในมือมีกระเป๋าเอกสารขนาดพอดี เตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานตามคำสั่ง จอห์น เวลล์ลัมปฏิบัติงานตำแหน่งเลขาซึ่งพ่วงบอดี้การ์ดคู่กายของเฟียซ แฮคตันมานับห้าปีเต็ม ดวงตาสีน้ำตาลไหม้มองหน้าเจ้านายหนุ่มพร้อมคลี่ยิ้มกว้างขวาง แล้วทักทายด้วยสุ้มเสียงน่าฟัง “สวัสดีครับเจ้านาย” คนถูกทักเหลือบหางตามองเล็กน้อย พยายามจะไม่ถอนหายใจทิ้ง เห็นหน้าเจ้าจอห์นทีไร งานอภิมหายักษ์มักมาเยือนอยู่ร่ำไป นาทีนี้ร่างกายกำยำในชุดเสื้อคลุมสีเทาอ่อนจึงเดินเอื่อยๆ หมุนตัวไปยังตู้เสื้อผ้า ก่อนจะจัดการเลือกชุดที่เหมาะกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง เพื่อเตรียมขึ้นเครื่องบินลัดพาสู่เมืองไทย ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที เสื้อเชิ้ตสีขาวก็ถูกสวมพร้อมกับกางเกงสแล็คยี่ห้อดัง แขนเสื้อถูกถลกจนมาถึงข้อศอก ส่งผลให้ร่างกายหนั่นแน่นนั้นอวดโฉมให้ลูกน้องหนุ่มต้องแอบอิจฉา “ไปได้แล้ว” คำสั่งมาพร้อมกับการส่งเสื้อสูทสีขาวไปให้เลขาหนุ่ม ดวงหน้าคมคร้ามพยักน้อยๆ แล้วเป็นฝ่ายเดินละลิ่วออกจากห้อง ปล่อยให้คนเดินรั้งท้ายทำหน้าที่ล็อกประตู ปลายเท้าของหนุ่มหล่อสองคนมุ่งตรงไปยังลิฟต์ เพียงพ้นเข้ามาด้านในลิฟต์ด้วยกันทั้งคู่ อุ้งมือข้างซ้ายของเฟียซก็สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างขยับยกขึ้นเกลี่ยเบาๆ บริเวณปลายคาง แววตาแลมองหน้าแฉล้มของลูกน้องผู้อายุมากกว่าตัวเองเพียงปีเดียว “นายรู้ใช่ไหมว่าเราต้องอยู่เมืองไทยนานทีเดียว” ลูกน้องอย่างจอห์นรีบพยักหน้า “ทราบครับ” “แล้วไม่คิดจะล่ำลาอีนุ่งอีหนูของนายสักหน่อยหรือ” หางตาคนพูดปลายมองเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่าบอดี้การ์ดของตัวเองเสน่ห์จัดจ้านไม่ใช่น้อย เมื่อเห็นเลขาหนุ่มส่ายหน้ารุนแรงจึงได้แต่ไหวไหล่ ก่อนจะเอ่ยลอยๆ “ถ้าอย่างนั้นนายก็ล่วงหน้าไปไทยก่อนฉันก็แล้วกัน ฉันขอไปจัดการธุระส่วนตัวสักวัน” “แต่คุณแฟรงค์สั่งให้พวกเราเดินทางวันนี้นะครับ” จอห์นรีบแย้ง ในขณะที่ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง แล้วทั้งคู่ก็สืบเท้าออกมาทันที “ถ้าคุณเฟียซขัดขืน เห็นทีผมคงต้องปฏิบัติตามคำสั่งคุณแฟรงค์อย่างเคร่งครัด” “นี่นายกล้าขู่ฉันหรือ” ปลายเท้าหนักๆ หยุดชะงัก เอี้ยวตัวมามองหน้าลูกน้องหนุ่มอย่างเอาเรื่อง “ตกลงนายเป็นคนของใคร ระหว่างฉันกับพี่แฟรงค์” ประกายตาเข้มจัดฉายแววมาดร้าย อึดใจอุ้งมือร้อนผ่าวก็บีบลงบริเวณไหล่กระด้างด้านซ้ายของเลขาหนุ่มเต็มแรง “นายจะล่วงหน้าไปก่อนดีๆ หรือว่า...” ชายหนุ่มเว้นคำขู่ไว้ในลำคอ แล้วรั้งมือกลับมาสอดในกระเป๋ากางเกง ปากหยักเหยียดออกอย่างรอคอยคำตอบ แต่สิ่งที่จอห์นตอบรับกลับมา ทำให้ลูกชายคนของฟรังค์ แฮคตันต้องออกอาการหัวเสีย เมื่ออุ้งมือใหญ่ส่งโทรศัพท์เครื่องหรูมาให้ พร้อมยิ้มเผล่อย่างน่าหมั่นไส้ พร้อมโชว์ชื่อซึ่งปรากฏอยู่กลางหน้าจอ “สายของคุณแฟรงค์ครับ” “ฮึ!” คนถูกบังคับให้บินไปเมืองไทยฉบับเร่งด่วนได้แต่ทำเสียงขึ้นจมูก แล้วก้าวลงส้นเท้าหนักๆ ไปยังตัวรถของโรงแรมซึ่งถูกเปิดประตูกว้างรอให้ขึ้นไปนั่ง ชายหนุ่มจำต้องสอดร่างกายตัวเองไปประจำตำแหน่ง โดยมีเจ้าเลขาฯ ตัวดีคุยโทรศัพท์กับคนเป็นพี่ขยับมานั่งอยู่ข้างๆ เท่าที่ฟังดูทุกถ้อยคำล้วนมีนัยเป็นการสั่งงานเขาล้วนๆ ดูท่าทางคาสโนวาล่ารักอย่างเขาคงต้องกลายเป็นตาแก่หงำหงึกอันมีกองกระดาษเป็นเพื่อน ส่วนสาวๆ ที่เคยมีคงกลายเป็นเพียงภาพปรากฏตามนิตยสารแฟชั่นกระมัง ใช้เวลาเพียงสิบสองชั่วโมงเต็ม การบินข้ามโลกก็ประสบผลสำเร็จ บัดนี้ผู้บริหารหน้าหงิกก็พกพาหน้าตาหล่อไม่เป็นสองรองใครขยับเท้าเดินลิ่วๆ อยู่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิโดยมีหน้าหล่อๆ ระบายยิ้มของเลขาหนุ่มก้าวตามประกบ ถ้าหากหนุ่มทั้งสองคนใส่ใจมองรอบๆ ตัวบ้างคงจะได้เห็นสาวน้อยสาวใหญ่จ้องเรือนกายกำยำของตัวเองปานจะกลืนกินทั้งตัวเป็นแน่ เพราะทั้งสองคนนั้นหล่อไม่บันยะบันยัง ขนาดผู้ชายด้วยกันยังพาลอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถบๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD