บทที่๒คนมีปัญหา(๓)

1908 Words
“เอาล่ะ ผมจะจัดการให้” ตอบพร้อมกลอกตาไปมา หากเดาไม่ผิด คนสั่งระงับการโอนเงินนี้ได้คงเป็นมาดามอภิศราหรือไม่ก็น้องสาวตัวแสบ สงสัยหูตาสับปะรดแพรวพราวของคนทั้งคู่คงสืบรู้เข้า หากเดาไม่ผิดอีกไม่นานใครคนใดคนหนึ่งคงโทรมา และก็เป็นไปตามคาด เสียงสายเรียกซ้อนชื่อน้องสาวก็ปรากฏทันที ร้อนจนชายหนุ่มต้องวางสายจากคู่ขา และกรอกเสียงทักทายน้องสาวสุดรัก “ว่าไงฮึ! นางมารร้ายของพี่” “พี่เฟียซคิดยังไงคะ ถึงได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้หญิงขายตัวคนนั้นเดือนละหลายพันยูโร” คนเป็นน้องว่าด้วยเสียงติดจะเอาเรื่อง “ก็แค่เลี้ยงดูค่าขนมนิดหน่อยเท่านั้นเอง ขนหน้าแข้งพี่ไม่ร่วงหรอกน่า...” คนถูกซักตอบพร้อมไหวไหล่ “ถ้าอย่างนั้นก็โอนเงินนั่นเข้าบัญชีน้องก็แล้วกัน น้องจัดการเรียบร้อยแล้วด้วย” ผู้มีอำนาจชอบธรรมจากบิดามารดาและสินทรัพย์ในตระกูลแฮคตันใช้อำนาจตามพึงประสงค์ “หา! นี่เรายักยอกเงินพี่หรือ” ร้องลั่นใส่โทรศัพท์มือถือพร้อมกับยกอุ้งมือฟาดลงยังกลางหน้าผากตัวเองอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เงินเพียงเศษฝุ่นมันไม่ได้ทำให้เขาระแคะระคายตัวเลยสักนิด อะไรแบ่งปันได้เราก็ควรจะแบ่ง โดยเฉพาะแบ่งปันไปแล้วได้เนื้อขาวๆ และลีลาเด็ดๆ มาเป็นของรางวัลตอบแทน มันก็น่าลงทุนไม่น้อย “ช่วยไม่ได้ เผื่อแผ่ให้คนอื่นได้ น้องก็ขอบ้างนิดหน่อยเอง และก็อย่าให้น้องรู้นะ ว่าโอนเงินไปเลี้ยงยัยหนูที่ไหนอีก คราวนี้น้องจะเอาให้พี่เข็ดหลาบและหมดตัวเชียว” “เหลือไว้ให้พี่กินใช้บ้างนะ” สุ้มเสียงติดประชดดังแผ่วผ่าน “พี่เหนื่อยจัง ขอไปอาบน้ำนอนก่อนนะน้องรัก” “นอนพักหรือว่ากำลังอิงแอบอีหนูอยู่คะ” “นอนจริงๆ” ตอบพร้อมเปิดปากหาวหวอด เมื่อได้ยินเสียงน้องสาวส่งราตรีสวัสดิ์มาตามสาย โทรศัพท์จึงถูกทิ้งขว้างลงบนเตียง ก่อนเรือนร่างกำยำซึ่งเปิดเปลือยทั้งเนื้อทั้งตัวนั้นจะเดินโทงๆ หายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้กระแสน้ำเย็นจัดขับไล่ความเมื่อยอันติดร่างกายออกจนหมดเกลี้ยง ราวๆ ครึ่งชั่วโมงเต็มร่างสูงก็ก้าวออกมาเช็ดตัวให้แห้งหมาดๆ แล้วผ่อนตัวลงนอนบนเตียง เพียงศีรษะได้รูปแตะหมอน สิ่งรอบกายก็หายไปราวกับอากาศธาตุ คนเหนื่อยอ่อนเพราะใช้สมองทำงานอย่างหนักจึงหลับเป็นตายในเพียงเวลาชั่วอึดใจ ร่างเล็กของทายาทผู้ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์หยุดชะงักอยู่บริเวณเชิงบันไดบ้าน มือบางซึ่งแตะสายสะพายของกระเป๋าใบโปรดนั้นบีบแน่นขึ้นจนหนังเนื้อดีของจระเข้แทบเกิดรอย อนามิกาเพิ่งเดินทางกลับจากบริษัทหลังโหมทำงานมาตลอดหลายวัน เธอกลับบ้านดึกและออกเช้าตั้งแต่มีเรื่องทะเลาะกับบิดา ซึ่งเธอทำงานที่บริษัทของตัวเองมานับสองปีเต็ม ใช้ความสามารถเรียนรู้งานแต่ละอย่างทีละขั้นตอน เริ่มเป็นเพียงพนักงานต้อนรับในสามเดือนแรกของการทำงาน จนกระทั่งตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด ถึงแม้ว่าคนเป็นพ่ออยากยกตำแหน่งรองประธานให้เธอใจแทบขาด แต่เธอก็ขอเวลาเรียนรู้งานเพิ่มอีกสองสามปีเสียก่อน ทว่าเสียงหัวเราะมีความสุขของสองคนซึ่งแว่วเข้ามาในโสตประสาทนั้นทำให้หญิงสาวนึกอยากจะครอบครองบ้านและบริษัทเพียงลำพัง ตั้งตัวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทรัพย์สมบัติของตระกูลทั้งหมด ผู้เป็นบิดาจะได้ไม่นำเงินไปปรนเปรอเมียนอกบ้านที่อนามิกาเริ่มรังเกียจและไม่อยากใช้ออกซิเจนร่วม อุตส่าห์ยื่นคำขาดกับคนเป็นพ่อไว้แล้วว่าห้ามผู้หญิงคนนั้นมาเหยียบบ้านหลังนี้ซึ่งให้นิยามไว้ว่าเป็นสถานความทรงจำอันมีแค่เพียงเธอ พ่อและแม่แท้ๆ เท่านั้น ดินแดนที่แม่เคยย่างกรายและหัวเราะอยู่เป็นนิจ ไม่ควรมีฝีเท้าของผู้หญิงคนอื่นมาย่ำเหยียบให้เจ็บช้ำ แต่คนเป็นพ่อคงลืมไปเสียสนิทเพราะหลงผู้หญิงคนนั้น ถึงได้ไม่ฟังคำร้องขอของลูกสาวคนเดียว ปลายจมูกแดงเห่อร้อนขึ้น เมื่อความอัดแน่นของความน้อยอกน้อยใจมันตีรื้นขึ้นมา ขอบตาโฉบเฉี่ยวเริ่มแดงก่ำจนเป็นสีเลือดนกเพราะน้ำอุ่นร้อนมันตื้อจนปล่อยให้น้ำตาไหลอาบลงมาเปื้อนแก้ม ทำให้ปลายนิ้วเล็กต้องยกขึ้นมาปัดทิ้งอย่างลวกๆ นาทีนี้อนามิกาต้องสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด ขณะขยับปลายเท้าก้าวข้ามเชิงบันไดแล้วเข้าไปในบ้าน เดินผ่านโถงทางเดินด้วยความยากลำบาก เพราะเสียงคุยกันกระหนุงกระหนิงราวกับหนุ่มนักรักหัดจีบสาวใหม่ๆ ดังแว่วเข้ามาให้ได้ยิน ทันทีที่ร่างอ้อนแอ้นก้าวมาถึงหน้าห้องนั่งเล่น เท้าเล็กๆ ก็ต้องชะงักกึก นัยน์ตาเจ็บช้ำปะทะกับภาพของบิดานั่งเคียงข้างสตรีสาวในชุดทำงานผ้าฝ้ายสีครีมอ่อนๆ มือของท่านแตะบริเวณหลังมืออีกฝ่ายแผ่วเบา ดวงหน้าที่เห็นเพียงครึ่งนั้นทำให้เธอนึกหยันในใจ เพราะผู้หญิงข้างกายคนเป็นพ่องดงามไม่น้อย นั่นแหละทำให้เธอคิดออกเลยว่า ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้เข้ามานั่งอยู่ที่นี่ได้ “ลูกหยี” คนองอาจร้องเรียกทันที ที่เห็นร่างระหงยืนอยู่หน้าประตู หางตาเล็กเหลือบมองหน้าบิดาเล็กน้อย ก่อนจะจ้องเขม็งไปยังร่างสตรีซึ่งอีกฝ่ายหันมาฉีกยิ้มกว้างขวาง หญิงสาวเลือกสะบัดหน้าหนี รีบหมุนกายหันหลังให้ ทว่ามือนั้นยังคงบีบสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น “อีกสิบนาที พ่อขึ้นไปคุยกับหยีที่ห้องด้วยนะคะ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยลอยๆ “และถ้าพ่อยังจำคำพูดของหยีได้ พ่อคงรู้ว่าต้องทำอะไร” บอกจบก็ก้าวลิ่วๆ ออกไป คาดหวังว่าบิดาคงนึกออกว่าเธอไม่ต้องการเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นอยู่ในบ้าน ปล่อยให้คุณองอาจหันมามองหน้าจันทร์แรม สว่างพัฒนาเจ้าของร้านทองเชื้อสายจีนด้วยท่าทีขอโทษขอโพย “คุณองอาจขึ้นไปคุยกับหนูหยีเถอะค่ะ จันทร์ไม่เป็นไร” เจ้าของใบหน้าจีนขาวผ่องบอกเสียงหวาน หากส่วนลึกๆ ของหัวใจช่างเจ็บแปลบๆ ก่อนมาเยือนที่นี่ เธอคิดแค่เพียงว่าอยากพบและพูดคุยกับลูกสาวของคนรัก อยากหยิบยื่นมิตรภาพดีๆ ให้ เธอยอมรับว่าทำใจมาบ้างกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่แค่ผิดคาดเพราะดูท่าทางลูกสาวของคนรักจะไม่ยอมรับฐานะเธออย่างง่ายดาย เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายดูเป็นกังวล มือเล็กจึงบีบมือนุ่มหยุ่นนั้นหลวมๆ “ไปส่งจันทร์ขึ้นรถหน่อยสิคะ จันทร์อยากกลับบ้านไปอาบน้ำจะแย่แล้ว” ฉีกยิ้มหวานให้ด้วยกิริยาที่คนมองต้องยิ้มตอบ “ถ้าหนูหยียังไม่ยอมรับ เราก็คบกันในฐานะนี้ไปเรื่อยๆ ก็ได้ค่ะ ถึงยังไงจันทร์ก็รักคุณ” “แต่ผมไม่อยากเอาเปรียบจันทร์ คนอื่นๆ เขาจะมองคุณยังไงบ้าง” “มองว่าจันทร์กับคุณมีอะไรลึกซึ้งน่ะหรือคะ หรือมองว่าคุณทำจันทร์ท้อง” เสียงที่หลุดจากเจ้าของนัยน์ตาหวานซึ้งทำให้ประมุขแห่งเมฆานิจนันท์ต้องยิ้มแหยๆ เพราะระหว่างท่านกับผู้หญิงตรงหน้ายังไม่ลึกซึ้งขนาดนั้น คนทั้งคู่ต้องการแต่งงานให้สมเกียรติเสียก่อน เพราะอายุอานามก็มากแล้ว จะปล่อยให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านก็คงไม่เหมาะสม “เฮ้อ...ผมจะพยายามพูดให้ยัยหนูเข้าใจนะ” “ค่อยๆ พูดกับเธอนะคะ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก จันทร์รอคุณเสมอ” สองคนผู้อายุห่างกันร่วมยี่สิบเก้าปีต่างสบมองกันด้วยความเข้าใจ รอยยิ้มจางๆ อาบรินบนดวงหน้าของทั้งคู่ ไม่นานเจ้าของบ้านก็จับจูงมือนุ่มของแขกพิเศษก้าวไปส่งยังตัวรถ เพียงรถคันนั้นแล่นไปสุดสายตา อาการหนักอึ้งก็เคลื่อนเข้ามาเต็มความรู้สึกร้อนจนต้องลอบพ่นลมหายใจทิ้ง คุณองอาจส่ายหน้าน้อยๆ ขณะตวัดดวงตามองไปยังชั้นสองของบ้าน ก่อนจะขยับปลายเท้าเดินลิ่วๆ ไปหาลูกรัก มาถึงประตูหน้าห้อง มือหยุ่นย่นก็เคาะเบาๆ บริเวณบานประตูขนาดใหญ่ รอไม่นานลูกรักก็เปิดออกกว้างด้วยใบหน้าตรึงเครียดแล้วเบี่ยงกายให้ท่านก้าวสู่ด้านใน ร่างอ้อนแอ้นในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้นสีครีมห่างจากเข่ามนมานับคืบทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟามุมห้องแล้วเงยหน้ามองบิดาแทบตาถลนออกนอกเบ้า เมื่อบิดาขยับมานั่งใกล้ๆ เธอก็กระถดกายหนีห่าง “คุณพ่อไม่ฟังคำขอร้องของหยี” เจ้าของคำพูดเริ่มตาแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ องอาจผ่อนลมหายใจเล็กน้อย แล้วก็ทิ้งแผ่นหลังแนบไปกับพนักพิงของโซฟานุ่ม “ตั้งแต่เราอยู่ด้วยกันเพียงสองคน พ่อก็ดูแลลูกเพียงลำพังมาโดยตลอด ทุกๆ เวลาพ่อทุ่มเทให้กับลูก และพ่อก็คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นไปตลอดชีวิต” ริมฝีปากแห้งผากยิ้มเอ็นดู อุ้งมือค่อยๆ ขยับมาลูบผมนุ่มสลวยของลูกสาวคนเดียวแผ่วเบา “แต่...พ่ออยากขอหยีสักเรื่อง” ดวงตาสีนิลนั้นอ่อนโยนเหลือเกินขณะดวงตายังจับจ้องกรอบหน้าหมองหม่น “พ่ออยากให้คุณจันทร์แรมมีส่วนในความรักและความทุ่มเทนั้นด้วย” “ไม่ค่ะ” อนามิการ้องคัดค้านขึ้นทันควัน “คุณพ่อไม่มีสิทธิ์ให้ผู้หญิงคนไหนมาเทียบชั้นกับคุณแม่ของหยี” “พ่อไม่คิดจะให้คุณจันทร์มาแทนที่แม่ของหยีนะลูก” “แต่พ่อก็ทำค่ะ พ่อจะให้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นแม่ใหม่ของหยี ซึ่งหยีเคยบอกพ่อไปแล้วเป็นร้อยครั้งว่าหยีไม่ต้องการ” “หยีฟังพ่อบ้างสิ” คนเป็นพ่อขึ้นเสียงด้วยแววตากระด้าง “ตั้งแต่เสียแม่ของหนูไป พ่อก็เหงา อ้างว้าง ว้าเหว่ ต้องครุ่นคิดและแบกรับทุกอย่างเพียงลำพัง พ่อแค่ต้องการมีเพื่อนคิด มีเพื่อนพูดคุยได้ทุกเรื่อง มีคนคอยเอาใจใส่และเป็นกำลังใจ” “พ่อต้องการผู้หญิงคนนั้น แต่ไม่ต้องการหยีใช่ไหมคะ” เธอถามบิดาด้วยน้ำตาอาบแก้มไปแล้วหลายสิบหยด “ถ้าพ่อไม่ต้องการ หยีก็จะไม่อยู่รบกวนพ่ออีก เชิญพ่อมีความสุขกับเมียใหม่ของพ่อเถอะค่ะ” ร่างอ้อนแอ้นถลาลุกจากโซฟา วิ่งเร็วๆ ไปยังประตูห้อง เปิดออกกว้างแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ฟังแม้คำร้องเรียกอันเต็มไปด้วยความห่วงใยซึ่งดังอยู่เบื้องหลังเลยสักนิด คุณองอาจขยับเท้าตามลูกรักโดยพลัน แต่อาการปวดตุบบริเวณขมับ ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืดฉับพลันนั้นทำให้ท่านโงนเงนและค่อยๆ ล้มตึงลงชิดกับขอบประตูห้องนอนของบุตรสาว ท่านทำได้เพียงร้องระโหยตามลูกรักซึ่งต่อให้ร้องเรียกจนใจแทบขาด อนามิกาผู้เป็นแก้วตาดวงใจก็ไม่อาจได้ยินแม้เพียงสักถ้อยคำเดียว

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD