บรรยากาศยามเช้าของเดือนพฤศจิกายนลมหนาวพัดมาทำให้อากาศเริ่มเย็นลงแต่ไม่ถึงกับเย็นมาก เย็นกำลังดี
ฉันอยู่ในชุดนักศึกษากำลังเดินออกจากบ้านเพื่อไปมหาลัย
“อรุณสวัสดิ์ไลลา” เสียงผู้ชายข้างบ้านทัก ฉันหันไปยิ้มหวานให้เขาอย่างเคย
“รอนานไหม มิโน่” เขาคือเพื่อนบ้านของฉันเอง และเป็นแฟนฉันด้วย
“สำหรับไลลา นานแค่ไหน โน่ก็รอได้” มิโน่พูดพร้อมกับส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้
“ทำเป็นพูดดี”
“เชิญครับ คุณหนูไลลา” มิโน่เปิดประตูรถพร้อมกับทำท่าพายมือเชิญให้ฉันเข้าไปนั่ง
“เวอร์น่า” ฉันได้แต่ขำกับความขี้เล่นของมิโน่
เมื่อฉันเข้ามานั่งภายในรถเรียบร้อยแล้วมิโน่ก็รีบเดินอ้อมหน้ารถมานั่งฝั่งคนขับแต่ก็ไม่ยอมออกรถสักที ฉันหันไปมองมิโน่ด้วยความสงสัยซึ่งมิโน่เองก็มองหน้าฉันอยู่ก่อนแล้ว
“อะไร” ฉันเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความไม่เข้าใจ
“จริงๆ เลย” มิโน่บ่นก่อนจะเอื้อมมือมาโอบตัวฉันเพื่อดึงเข็มขัดนิรภัยข้างประตูรถ
จังหวะที่มิโน่เอี้ยวตัวมานั้นเหมือนมิโน่จงใจหยุดอยู่ตรงหน้าทำให้ใบหน้าหล่อเหลาห่างเพียงคืบ ตาคมจ้องมองสบตาทำให้ฉันได้แต่นิ่งและไม่กล้าขยับตัว
มิโน่โน้มใบหน้าลงมาเพื่อให้ริมฝีปากของเราตรงกัน ฉันรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เผลอกลั้นหายใจและหลับตา
Rrrrrrrrrrrr
ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกันก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อน
เสียงโทรศัพท์ของฉันเอง มิโน่จึงถอยกลับไปนั่งที่คนขับเหมือนเดิมพร้อมกับดึงสายเข็มขัดนิรภัยไปล็อกให้ฉันด้วย
ฉันรีบกดรับสายกรอกเสียงลงไปคุยกับคนที่อยู่ในสาย
“ว่าไง เฌอรีน” เธอคือเพื่อนของฉันเอง คุณหนูเฌอรีน
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ ทำไมรับสายฉันช้าจัง” น้ำเสียงอารมณ์ดีมาจากคนปลายสาย
“ไม่ได้ทำไร กำลังจะไปมหาลัย” ฉันตอบเฌอรีนพรางชำเลืองมองคนข้างๆ ไปด้วยซึ่งเขากำลังนั่งอมยิ้มล้อเลียนอยู่ ฉันจึงแกล้งทำหน้าง้อใส่เขา
อยากแกล้งฉันดีนักเดี๋ยวจะงอนซะให้เข็ด
“แล้วแกมายังไง มากับมิโน่เหรอ”
“ใช่จ้ะ”
“งั้นรีบเลย ฉันรออยู่แค่นี้นะ บาย”
พอเฌอรีนวางสายฉันรีบหันไปมองหน้าคนขี้แกล้งทันที
“จะยิ้มอะไรนักหนา มิโน่ ออกรถได้แล้ว” ฉันบอกเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก
“รู้นะ ว่าเขิน”
สิ่งที่มิโน่พูดทำให้ใบหน้าของฉันเห่อแดงเหมือนลูกตำลึงสุก
“ตั้งใจขับรถไปเลย คนบ้า” มิโนยกยิ้มอย่างล้อเลียนทำให้ฉันไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาอีกจึงเบี่ยงเบนไปมองทางข้างหน้าแทน
ฉันได้รู้จักกับมิโน่เมื่อตอนช่วงปิดเทอมมัธยมปลายเพราะมาหาพ่อทุกเทอมที่ปิดภาคเรียน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์กับหนุ่มหล่อข้างบ้าน
พ่อกับแม่ของฉันท่านเลิกกันตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันจึงอาศัยอยู่กับแม่ที่บ้านต่างจังหวัดเป็นหลักและมาเที่ยวเล่นหาพ่อที่กทม.บ้างในช่วงปิดเทอม
และพอฉันเรียนจบมอปลายพ่อก็ชักชวนให้ฉันมาอยู่ด้วยเพราะท่านอยากให้ฉันมาเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ท่านดูไว้ให้ ทีแรกฉันกะว่าจะไม่มาเพราะเป็นห่วงแม่ แต่ปัจจุบันแม่มีคนดูแลอยู่แล้วฉันจึงสบายใจและตัดสินใจที่จะมาอยู่กับพ่อ
ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีมากที่มีแม่เลี้ยงค่อนข้างใจดี ท่านรักและเอ็นดูฉันเหมือนลูกแท้ๆ ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีต่อท่านเลย
แต่ว่ายังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันตัดสินใจมาอยู่กับพ่อถาวรก็เพราะน้องชายไงล่ะ เขาชื่อไดมอนด์ เป็นน้องต่างมารดาของฉัน พวกเราสองพี่น้องสนิทกันมาก ตอนเด็กๆ น้องติดฉันง่อมแง่มเลยล่ะ
มหาวิทยาลัย
“ทางนี้ ๆ” เสียงเรียกจากผู้หญิงผมสีบลอด์นทองยาวปะบ่า ตากลมโตเหมือนตุ๊กตา เธอคือเฌอรีนนั่นเอง
“ทำไมมาช้าจัง” เฌอรีนทำเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก ฉันได้แต่ยิ้มให้เธอเพราะไม่กล้าบอกไปตามตรงว่าสวีสกับแฟนอยู่ ฉันแอบหันไปมองคนข้างๆ ซึ่งเขาก็แอบส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ ฉันได้แต่อมยิ้มด้วยความเขินอาย
“จะรีบไรนักหนา ยัยคุณหนูเฌอ” มิโน่หันไปพูดกับเฌอรีนด้วยอารมณ์หงุดหงิดใส่เธอ
“พอใจ มีปัญหาไรมะ” เฌอรีนไม่ยอม เธอเถียงมิโน่กลับอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน มิโน่เตรียมจะเถียงกลับอีกครั้งฉันจึงต้องห้ามทัพไว้ก่อน
“พอได้แล้ว ทั้งคู่เลย” พอโดนฉันบอกเสียงดุ ทั้งคู่ต่างสะบัดหน้าหนีและถอนหายใจแรง คงหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะการทะเลาะกัน
“ปะ เข้าเรียนกัน” ฉันบอกทั้งสองคนพร้อมกับเกี่ยวแขนมิโน่และเฌอรีนให้เข้าห้องเรียนพร้อมกัน
เฌอรีนยังไม่รู้ว่าฉันกับมิโน่คบกัน แม้แต่ที่บ้านก็ไม่มีใครรู้ยกเว้น ไดมอนด์ ที่ไม่บอกใครก็เพราะฉันกลัวว่าพ่อจะคิดมากและอาจจะไม่ไว้ใจให้มาเรียนพร้อมกับมิโน่ พ่อค่อนข้างหวงฉันมากเพราะมีลูกสาวคนเดียว และที่ไม่บอกเฌอรีนก็เพราะกลัวว่าเฌอรีนจะล้อฉัน ก็เราสามคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เข้ามหาลัยปหนึ่งจนตอนนี้เราอยู่ปีสี่กันแล้ว ถือว่าเราสามคนสนิทกันมาก อีกอย่างมิโน่ก็พึ่งจะมาขอคบกับฉันก่อนเปิดเทอมไม่กี่เดือนนี่เอง ถึงเราจะรู้จักกันมาก่อนก็เถอะ แต่เราก็วางตัวในสถานะเพื่อนมาโดยตลอด
แต่ว่า..ความเป็นเพื่อนของพวกเราก็ต้องจบลงและความรักของฉันด้วย
.
.
.