“หันหน้ามา ฉันกำลังดุนายอยู่นะเกรย์ อย่าเสียมารยาท”
“...” เกรย์ตอบกลับด้วยการเพิกเฉย ทำเหมือนว่าคำบอกกล่าวก่อนหน้านี้ของฉันเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไปอย่างไร้ความหมาย
ให้ตายเถอะ...
เพราะความคุกรุ่น ฉันจึงยื่นมือไปจับปลายคางของอีกฝ่ายแล้วออกแรงบังคับให้หันกลับมามองกันดี ๆ
ฉันรู้ว่าเรี่ยวแรงอาจไม่มากพอจะใช้ต่อกรกับเด็กคนนี้ แต่นับว่ายังดีที่เกรย์ยอมหันกลับมาตามการบังคับ สิ่งแรกที่เขาทำคือจ้องมองฉัน มอง และมองอยู่อย่างนั้น โดยริมฝีปากหยักลึกยังคงปิดสนิท
“ขอเรื่องเดียว ช่วยทำตัวดี ๆ หน่อย หยุดทะเลาะวิวาทได้แล้ว” ฉันพยายามพูดกับเขาอย่างใจเย็น และใช่...เรื่องนี้กับเรื่องที่เขาหักหลังโฮปมันคนละเรื่องกัน
“พี่เดือดร้อนด้วยเหรอครับ ผมเป็นคนนอกแล้วนะ” เกรย์ถาม แววตาไม่มีความล้อเล่นเจืออยู่เลยสักนิด “พี่ไล่ผมออกมาเอง ลืมไปแล้วเหรอ”
“อย่าประชดนะเกรย์” ฉันบีบคางเขา ออกแรงกับส่วนนั้นจนรับรู้ถึงไรหนวดอ่อน ๆ ที่เสียดสีปลายนิ้ว
“ผมไม่ได้ประชด พูดความจริงทั้งนั้น” ริมฝีปากเขาผลิยิ้ม แต่แววตากลับสั่นเทา ความขัดแย้งเหล่านั้นอยู่ในสายตาฉันตลอดเวลา เอาตรง ๆ นะ...ฉันเกลียดที่เกรย์เป็นแบบนี้ เกลียดตัวเองด้วยที่บางครั้งก็รู้สึกว่ายังใจแข็งไม่พอ “ผมโทรไปหาพี่โฮป บอกมันว่าอยู่โรงพัก แล้วพี่มาทำไม ถ้าพี่ไม่แคร์ผม รังเกียจผม แล้วจะมาทำให้ผมคิดว่าตัวเองยังมีค่าในสายตาพี่ทำไม”
“เพราะนายเป็นน้องชายที่โฮปรักมากไง เข้าใจยากตรงไหน” ฉันตอบเสียงดังฟังชัด จริง ๆ ฉันก็เป็นห่วงเขาในฐานะน้องที่เลี้ยงมา แต่ถ้าพูดออกไป เกรย์ต้องคิดเข้าข้างตัวเองจนเลิกชอบฉันไม่ได้แน่ ฉันถึงเลือกพ่นประโยคใจร้ายแบบนั้นไง
หลังจากนั้นไม่นานฉันตระหนักได้ว่าตัวเองจับคางเขานานเกินความจำเป็น จึงทำท่าจะชักมือกลับมา แต่รู้ไหม...
หมับ!
เกรย์ไม่ยอม เขาคว้าเข้าที่มือฉัน แถมยังออกแรงบีบอย่างเอาแต่ใจ
“พี่นี่ยังไงครับ”
“...” ฉันกัดฟัน มองเขาอย่างวาวโรจน์
“ไล่ผมเองแท้ ๆ พอกลับมาหาก็พูดจาทำร้ายความรู้สึกกันไม่เลิก”
ครืด ครืด
ระหว่างที่เขาตั้งคำถามอย่างดื้อดึง โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมาอย่างรู้จังหวะ ฉันได้แต่หวังว่าเกรย์จะมีมารยาทมากพอ แต่เปล่าเลย...
จังหวะที่ฉันล้วงมันขึ้นมาดูและพบว่าคนที่โทรเข้ามาคือโฮป เกรย์ซึ่งหูตาไวราวกับเหยี่ยวก็รีบแย่งมันไปอย่างถือวิสาสะ
“เกรย์! มันจะมากไปแล้วนะ!” ฉันตบะแตก ตะเบ็งเสียงจนแสบไปหมดทั้งคอ
“ผมมันก็มากไปมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ” เกรย์เหลือบมองชื่อของโฮปที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงด้วยการออกแรงดึงฉันเข้าไปใกล้
และ...
กึก
ประกบริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็วชนิดที่ไรฟันกระทบกันจนเกิดเสียง
ฉันครางอื้ออึงอย่างตกใจ และยิ่งตกใจหนักกว่าเก่าเมื่อเหลือบเห็นว่าเกรย์เพิ่งกดรับสายโฮปอย่างท้าทาย
ติ๊ด
แต่ความเลวร้ายยังไม่จบแค่นั้น
[ซอว์ เป็นไงบ้าง]
เพราะเขา...ยังกดเปิดลำโพงจนเสียงโฮปสะท้อนก้องไปทั่วทั้งรถ
“อือ...” ฉันพยายามดันเกรย์ออกไป พยายามส่งเสียง แต่ไม่ว่าแบบไหนก็ไม่ประสบผล
[ซอว์ ทำไมไม่ตอบอะ อยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น]
“...” โฮป ฉัน...
[ซอว์! ตอบดิ! ซอว์...]
หัวใจฉันแตกสลายในครั้งที่ได้ยินเสียงซึ่งบ่งบอกได้ถึงความร้อนอกร้อนใจของโฮป เสียงที่เหมือนว่าเขากำลังจะสูญเสียของสำคัญไป เสียงที่เหมือนคนกำลังทุรุนทุรายเพราะทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เรียกชื่อฉันวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น
ส่วนฉัน...ยังคงถูกเกรย์ครอบครองริมฝีปากอย่างดุเดือด โดยที่เขาไม่มีทีท่าจะปล่อยง่าย ๆ