“พี่เอลสัญญาแล้วนะครับ”
ชัชถามเสียงผสมความตื่นเต้น เด็กด้อยโอกาสพวกนี้ ไม่ใคร่มีคนสนใจ นานๆ ครั้งที่พวกเขาจะได้พบความสุขจริงๆ
“สัญญา” มันเป็นความผูกพันมั้ง ฉันรักเด็กพวกนี้ประหนึ่งเป็นพี่น้อง อย่างที่ฉันเคยบอกนั่นแหละ ฉันมันคนพี่ น้องเยอะ
มันเป็นเช้าอีกวันที่น่าเบื่อ คงเพราะหมดความตื่นเต้น ไม่มีแรงกระตุ้นให้เกิดความฮึกเหิมได้ รอบตัวล้วนแล้วแต่เป็นความคุ้นเคยเดิมๆ ตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกโหวงๆ ในอก เหมือนกับว่าชีวิตนี้ เขาจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เขาขาดอะไรไป
เดวิดบิดตัว ก้าวลงจากเตียง เขาทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็รีบแต่งตัวไปทำงาน ชายวัยกลางคนเดินขึ้นบันไดวนแทนการใช้ลิฟต์ เขาอยากยืดเส้นยืดสาย เผื่อบางทีจะสลัดความรู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุมดำนี่หลุดสักที
เขาทอดตามองลงมาด้านล่าง หลังเดินขึ้นบันไดไปได้สิบกว่าก้าว
อาณาจักรแห่งนี้เขาปลุกปั้นมากับมือ
ใช้เวลากว่าสิบปี สิ่งที่เขาทุ่มเทก็ออกดอกออกผล
เวลานี้เขามีดาราในสังกัดที่ทำเงินให้มากกว่าร้อยชีวิต ที่ดังเป็นพลุเลยก็มีไม่ใช่น้อย แถมช่วงนี้น้องชายของเขาก็กำลังริเริ่มหาเด็กหน้าใหม่เข้ามาในวงการ จากคนที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ไม่มีอาหารพอยาไส้ วันนี้เขามีมากเกินพอไปเสียแล้ว
“พี่ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นครับ” เสียงแหบห้าวดังอยู่ทางด้านหลัง
เดวิดหันไปมอง เขาส่งยิ้มให้ แล้วก็เปลี่ยนใจเดินกลับลงมา
“ขึ้นไปมองผู้คนจากบนนั่นไง” เขาตอบคำถามที่น้องชายถามไว้
“เพื่อ?” อิริคถามต่อ
“บางทีการเปลี่ยนมุมมอง ก็น่าจะทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ ขึ้นมาไงวะ”
หลายครั้งที่อิริคมองไม่เหมือนเขา แต่เดวิดก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร หากน้องชายจะแย้งความคิดของเขาในห้องประชุม ไม่มีใครหวังดีกับเขา เท่าอิริคแล้วล่ะ
“ถ้าพี่เบื่อ วันนี้ไปนั่งเป็นเกียรติโปรเจกต์ใหม่ของผมก็ได้นะ”
“ได้สิ” หลังตอบรับคำเชื้อเชิญของน้องชาย เสียงหัวเราะก็ดังลั่นไปทั้งโถงลอบบี้ หนุ่มหล่อหน้าตาดีทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของคนในบริเวณนั้น แต่ไม่มีอะไรทำให้สองหนุ่มนั่นสะท้านสะเทือนได้ เป็นเรื่องปกติเสียแล้วสำหรับพี่น้องเหลียง เขาเป็นจุดสนใจของผู้คน แม้แค่การยืนเฉยๆ
แต่...หนึ่งในนั้นมีเอรินอยู่ด้วยนี่สิ
ฉันเบิกตาโต ไม่คิดว่าวันนี้ฤกษ์ดี ขนาดมีโอกาสเจอ ‘พ่อ’ ตัวเป็นๆ ฉันมองตามชายสองคนนั้นไป ไม่ได้พิศวาสอะไรหรอก ฉันแค่อยากซึมซับภาพของเขาเอาไว้ ฉันไม่เคยเจอหน้าเขานี่เนอะ ทุกครั้งคือมองภาพข่าวของเขาเท่านั้นเอง
แต่ตัวจริงกับรูปก็ไม่ได้ต่างอะไรเท่าไหร่เลย
เขาดูไม่แก่จริงๆ ทั้งที่ชายผู้นี่เลยเลขห้าไปแล้วแท้ๆ
“คุณเดวิดนี่หล่อไม่เปลี่ยนเลยเนอะ ถ้าไม่รู้ประวัติ มีคนบอกว่าคุณอิริคเป็นลูกชายเขา ฉันก็จะเชื่อนะ”
เสียงซุบซิบดังอยู่ข้างตัว ผู้หญิงคนที่พูดมองตามสองหนุ่มนั่น จนพวกเขาหายเข้าไปในลิฟต์ทั้งคู่ ฉันหรี่เปลือกตาลง ฉันลืมผู้ชายที่อยู่ข้างๆ คนเป็นพ่อได้ยังไง เขาอาจจะเป็นพี่ชายฉันก็ได้นะ
“ไม่มีทาง คุณอิริคสามสิบแล้วนะเธอ”
“แล้วไง หากเทียบอายุ มีความเป็นไปได้นี่นา”
ฉันคิดตาม การที่ชายผู้นั้นไม่อาลัยอาวรณ์แม่ฉันสักนิด มันก็น่าแป็นไปได้ ทันทีที่เขาตีจากแม่ฉันไป เขาก็น่าจะมีคนใหม่ทันที แต่...ผู้ชายคนนั้นก็อายุไม่น้อยเลย เรื่องการที่เขาเป็นพี่ชาย คงไม่น่าใช่
เรื่องกวนใจพวกนี้ กำลังทำให้ฉันไขว่เขว้ ฉันรีบตัดความคิดสับสนออกไปจากใจ ฉันมีเป้าหมายนี่นาจะมาแวะข้างทางเพราะเกิดสับสนไม่ได้
ไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับคนแพ้
เสียงวี๊ดว้ายเป็นของคู่กันเวลาที่ผู้หญิงจับกลุ่มอยู่ร่วมกันมากๆ และการที่ผู้ชายหน้าตาดีโคตรๆ ให้เกียรติมาเป็นกรรมการด้วยแล้ว เสียงพวกนี้เลยดังมากขึ้น แต่ก็เป็นการดีนะ เพราะจะทำให้เกิดความประหม่า เป็นการตัดคู่แข่งได้อย่างดี ฉันเลยสบายใจขึ้นอีกหนึ่งเปราะ ยังไงเสีย วันนี้ฉันก็น่าจะเข้ารอบ และมีสตางค์ไปฝากแม่แน่นอน
วันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่คัดคนออก จาก60ชีวิต เหลือครึ่งหนึ่ง ฉันนั่งอ่านโปรแกรมการประกวดที่เพิ่งได้รับมา ฉันกลอกตาไปมา เมื่อเจอบางอย่างที่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับฉัน
เมื่อถึงรอบที่ต้องเก็บตัว ฉันจะหาทางโกหกแม่ยังไง วัดจากสายตากรรมการ หากฉันผ่านรอบนี้ รอบที่ฉันต้องโกหกแม่ ก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
“เอลเอ๋ย เกิดปัญหาล่ะ”
ฉันกับแม่นอนด้วยกันทุกวัน ฉันไม่เคยโกหกแม่ มีแค่ช่วงนี้แหละที่ฉันโกหกบ่อย จนแทบจำไม่ได้แล้วว่าโกหกอะไรแม่ไปบ้าง
คงต้องหาวิธี วันนี้ฉันควรโฟกัสแค่เรื่องการผ่านรอบต่อไปให้ได้เสียก่อน
ฉันวางมือบนอก สูดลมหายใจลึกๆ และพยายามทำให้ใจสงบ
อิริคขมวดคิ้ว เขานั่งมองเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาพักใหญ่แล้ว มีอะไรบางอย่างในตัวเด็กผู้นั้นดึงดูดเขา มีอะไรในตัวเด็กสาวคนนั้นกวนใจเขาตลอดเวลา จนกระทั่ง...
“จ้องอะไรเด็กคนนั้นักหะ อายุไม่น่าถึงยี่สิบ ระวังให้ดีเถอะ จะติดคุกเสียอนาคตเปล่าๆ”
เสียงพี่ชายสัพยอกจนเขาต้องชักสายตากลับมา และเป็นอีกครั้งที่อิริคสะดุด
เขารู้แล้ว อะไรทำให้เขาสนใจเด็กสาวคนนั้นนัก
เพราะหากย่อส่วนชายตรงหน้าและลดอายุให้น้อยลงกว่านี้สักยี่สิบปี เด็กนั่นเหมือนพี่ชายของเขาเหมือนโขกออกมาจากเบ้าหน้าเดียวกันเลย ไม่ว่าอาอัปกิริยาเวลาที่หล่อนเผลอตัวด้วย เหมือนพี่ชายของเขาทุกกระเบียดนิ้ว
“เดวิด พี่แน่ใจนะ สมัยพี่วัยรุ่น พี่ไม่เคยไข่ไว้ที่ไหนมาก่อน”
ไม่มีคนกล้าถามเดวิดเช่นนี้หรอก เขาวางตัวเป็นสุภาพบุรุษตลอดระยะเวลาที่เป็นนักแสดงแถวหน้า จนกระทั่งถอยออกมายืนอยู่ด้านหลัง มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาโพล่งถามกันง่ายๆ
“ไอ้นี่ พูดหมาๆ แบบนี้ เหมือนไม่รู้นิสัยพี่ชายตัวเองดี”
เดวิดแสร้งตวาด ทั้งที่เขาสะดุดลมหายใจจริงๆ
อะไรไม่รู้ จู่ๆ ภาพของใครบางคนก็แว๊บขึ้นมาในสมอง ใครคนนั้นที่ทำให้เขาไม่มีคนข้างกายจนถึงทุกวันนี้ หัวใจของเขาปิดตายกับความรู้สึกพิเศษระหว่างเพศเสียแล้ว เขากลัวจนไม่กล้าที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครอีกเลย เดวิดกลัวความผิดหวังนั่นเอง
“ขอให้จริง” อิริคไม่ได้สลด เขาพึมพำตอบพี่ชาย สายตายังคงมองที่จุดเดิม จนเดวิดมองตาม เขารู้สึกไม่ต่างอะไรกับน้องชายเลย แรงดึงดูดมหาศาลนั่น ทำให้เขาคิดอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่วิ่งวนอยู่ในหัวตอนนี้ ไม่มีใครรู้ นอกจากเขาคนเดียว
ชายสูงวัยที่ยังคงเค้าความสมาร์ทไว้ ลุกขึ้นยืน เรียวปากสีเข้มเม้มแน่น
“พี่จะกลับแล้วเหรอ?” อิริคยอมชักสายตากลับมา หลังมีการเคลื่อนไหวด้านหลัง
“อืม” เดวิดพึมพำตอบ เขามีธุระต้องรีบไปจัดการ
น้องชายรูปหล่อไม่ได้รั้งไว้ เขาหมุนกลับมามองที่เดิม แต่...
ผู้หญิงคนที่เขาสนใจ ไม่ได้อยู่ตรงจุดเดิม หล่อนหายไป จนเขาเริ่มกระวนกระวาย และเมื่อกลั้นความสงสัยไว้ไม่ไหว
“เจต ที่นั่งว่างๆ นั่นของใคร” อิริคกลั้นใจถาม แสร้งทำเป็นไม่สนใจคำตอบ ทั้งที่ความจริงแทบจะกลั้นใจรอฟังคำตอบทีเดียว
“อ้อ...เบอร์10 น้องเอล ขอไปห้องน้ำครับ” ยังไม่ถึงเวลา และเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้หญิง ชายหนุ่มอดอมยิ้มไม่ได้ เขาแอบเชียร์เด็กสาวคนนั้น หากไม่ได้รางวัลเพราะหากมีตัวเต็งเตรียมไว้แล้วเหมือนข่าวลือ แต่อย่างน้อยก็น่าจะติด ท็อปไฟว์
อิริคจิปาก แล้วก็โบกมือไล่
คงไม่มีอะไรหรอก เขาแค่คิดมากไปเอง ในเมื่อพี่ชายยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ หากเทียบอายุของเด็กนั่น มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับการที่เขาได้เจอกับพี่ชายคนนี้ พฤติกรรมของเดวิดไม่มีทางหลุดรอดสายตาของเขาไปได้เลย
เดวิดทุ่มเทให้กับการทำงาน ทำงานหนักเหมือนกับว่า วันพรุ่งนี้จะไม่มีและจะมาไม่ถึงอีกต่อไปแล้ว