ตอนที่3 สหายใหม่ (ผู้น่ากลัว)2

1235 Words
หนิงเหมยนั่งมองสตรีบาดเจ็บที่นอนหลับใหลอีกครู่หนึ่งจึงตัดสินใจลงจากรถม้าเพื่อไปสมทบกับสองบ่าวชายหญิง ในขณะที่หนิงเหมยกำลังนั่งอิงไฟเพื่อคลายหนาวระหว่างกินอาหารอยู่นอกรถม้า ทันใดนั้นพลันมีกลุ่มชายฉกรรจ์เดินเข้ามาจำนวนห้าคน สีหน้าของพวกมันบ่งบอกชัดเจนว่ามิใช่มาดี แววตาที่มองมาทางหนิงเหมยฉายแววกรุ้มกริ่มเปิดเผย เป้าหมายคล้ายกับต้องการล่วงเกินหมายย่ำยีเด่นชัด “พวกเจ้าต้องการสิ่งใด” บ่าวชายลุกขึ้นยืนตวาดก้องขวางหน้าพวกกลุ่มชายฉกรรจ์ในทันที สองสตรีรีบยืนขึ้นเพื่อตั้งหลักในบัดดล สายตาที่พวกบุรุษแปลกหน้ามองมานั้น หนิงเหมยและหนี่ม่านเข้าใจได้ไม่ยาก หนี่ม่านรีบเดินเข้ามายืนบังเรือนร่างของหนิงเหมยเอาไว้มั่นทั้งๆ ที่นางตัวเล็กกว่านายสาว สองตานางจ้องเขม็งที่บุรุษแปลกหน้าทั้งห้า ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มสั่นระริก ลำตัวสั่นเทิ้ม แต่ยังคงคิดจะปกป้องนายของตน หนิงเหมยเองก็กลัวจนตัวสั่นไม่ต่างกัน นางไม่เคยออกจากบ้านมาไกลมากถึงเพียงนี้จึงไม่เคยคิดที่จะเตรียมการคุ้มกันอันใดมากมาย บิดาของนางก็มิได้ตระเตรียมการอันใดให้นาง เขาช่างเย็นชากับนางเสมอมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภรรยารองของบิดาเลย “ออกไปนะ!” บ่าวชายยังคงตะเบ็งด้วยน้ำเสียงดังคล้ายคำรามหากแต่ตัวของเขาก็สั่นเทาไม่ต่างจากสองสตรีทางด้านหลัง “เจ้าไม่เกี่ยว ถอยไป!” หนึ่งในชายฉกรรจ์แปลกหน้าคำรามใส่บ่าวชายพร้อมทั้งตวัดฝ่ามือตบหัวบ่าวชายจนกระเด็นล้มตึง ชายฉกรรจ์ที่เหลือจึงกรูกันเข้ามารุมทำร้ายบ่าวชายหนึ่งเดียวจนสลบคาฝ่าเท้านอนแน่นิ่งไป หนิงเหมยและหนี่ม่านพลันใจหายวาบเย็นยะเยือกอยู่ในอก สายตาคู่สวยของทั้งสองมองบ่าวชายอย่างตื่นตะลึง ชายฉกรรจ์คนแรกเดินแบบย่างสามขุมเข้าหาสองสตรีที่ยืนอยู่ใกล้กับรถม้าในทันที ริมฝีปากสีคล้ำของมันแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด “ไม่ต้องห่วงหรอกแม่นาง” มันเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มห้าวลากยาวน่ากลัว “ข้าจะอ่อนโยน” สายตากรุ้มกริ่มของมันจับจ้องที่หนิงเหมยผ่านเลยศีรษะของหนี่ม่าน “อย่าเข้ามานะ” หนี่ม่านตะโกนเสียงแหลมนึกกลัวจับใจตัวสั่นไม่หยุด “อ่า...” ชายดำทะมึนคนเดิมครางในลำคอ “เจ้าคงอยากโดนก่อนคุณหนูของเจ้าล่ะสิ ข้าจักสงเคราะห์ให้ก็แล้วกัน ฮ่าๆ” มันกล่าวจบก็พุ่งตัวมาจับกระชากหนี่ม่านติดมือไปจนร่างบางล้มบนพื้นดินตรงหน้าของหนิงเหมย “กรี๊ด!” สาวใช้ร้องเสียงดังดิ้นรนขัดขืน “ไม่นะ กรี๊ด!” แคว่ก เสียงฉีกทึ้งเสื้อผ้าดังขึ้น “กรี๊ด!” หนี่ม่านกรีดร้องสุดเสียง หนิงเหมยยืนมองภาพนั้นด้วยดวงตาเบิกโพลง “ไม่นะ!” นางตะโกนสุดเสียงเท่าที่จะทำได้ “ปล่อยนางนะ” “ปล่อยให้โง่รึ คุณหนูคนงาม” ชายที่มาด้วยกับคนแรกตวาดก้องมาทางหนิงเหมย “พี่ใหญ่ของพวกเราจักแสดงให้ดูเพื่อเปิดทางแก่คุณหนูอย่างไรเล่า รับรองว่าคุณหนูจะต้องร้องขอให้พวกเราทำแบบเดียวกัน” “ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นจากปากของชายฉกรรจ์ทั้งหมด พวกมันยืนมองชายหญิงตรงหน้าด้วยอารมณ์เบิกบาน “พี่ใหญ่จัดการเสร็จแล้วข้าขอต่อนะ ฮ่าๆ” แคว่ก! เสียงฉีกเสื้อผ้ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง หนี่ม่านได้แต่กรีดร้องมือไม้ปัดป่ายตีชายฉกรรจ์พัลวันแต่ก็หาได้มีผลอันใดกับมันไม่ “ไม่นะ! ปล่อยข้านะ” หนี่ม่านดิ้นรนหนีฝ่ามือใหญ่หนาที่กำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้าอาภรณ์ของตน “ไม่นะ! ปล่อยนางนะ” หนิงเหมยทำได้เพียงตะโกนห้ามปรามโดยไม่กล้าขยับเรือนกายไปทางใดได้ ไม่ว่าจะวิ่งไปหาไม้มาเป็นอาวุธหรือหนีออกไปเพื่อเรียกคนมาช่วย เนื่องจากนางถูกชายชั่วสี่คนที่เหลือยืนห้อมล้อมเอาไว้ที่ข้างรถม้า พวกมันยืนกอดอกคุมเชิงให้คนที่มันเรียกว่าพี่ใหญ่พร้อมรส่งเสียงหัวเราะร่า แต่ในสายตาของนางมันช่างดูน่าเกลียดน่ากลัว “กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องของหนี่ม่านยังคงดังกึกก้องดิ้นรนสุดชีวิตยามเมื่อชายใจเหี้ยมตัวโตกำลังจับร่างเกือบเปลือยของนางเข้าหา “ฮ่าๆ” พวกชายฉกรรจ์หัวเราะผสานเสียงกันดังระงม ฉับพลันเสียงหนึ่งพลันบังเกิด “อ๊าก” ตามด้วยเลือดสดๆ สีแดงฉานสาดกระเซ็น กลางแก่นกายที่กำลังชูคอผงาดขาดสะบั้นกระเด็นตกพื้นดิน โลหิตสดๆ ทะลักเปื้อนเปรอะ ทุกชีวิตข้างรถม้าตาเบิกโพลง อึดใจแขนข้างหนึ่งที่กำลังรัดรึงหนี่ม่านของชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่พลันขาดกระเด็นตกลงบนพื้นดินตามท่อนเอ็นเมื่อครู่ เลือดสดๆ ไหลทะลักสาดกระจาย สาวใช้ที่กำลังหลับตากรีดร้องถึงกับลืมตาเบิกกว้างร่างทั้งร่างพลันผงะ ร่างใหญ่หนาของชายฉกรรจ์ตรงหน้าหนี่ม่านล้มตึงนัยน์ตาเถลือกถลนแทบออกมานอกเบ้า เสี้ยวเวลาหัวของมันพลันตกอยู่ใต้ฝ่าเท้าของใครบางคน เจ้าของฝ่าเท้าที่กำลังเหยียบย่ำหัวของชายใจโฉดจนจมดินคือสตรีในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม ซูเจินคือสตรีผู้เป็นเจ้าของฝ่าเท้าและเป็นคนที่ตัดความเป็นชายของเจ้าพี่ใหญ่แห่งกลุ่มชายฉกรรจ์จนขาดกระเด็นตามด้วยท่อนแขนที่รัดรึงหนี่ม่านเมื่อครู่ พี่ใหญ่ของกลุ่มกระตุกร่างถี่ๆ ดวงตาเบิกโพลงด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวปานจะขาดใจแต่ไม่สามารถอ้าปากร้องออกมาได้แม้เพียงเสียงเดียวเนื่องจากมันถูกเหยียบหัวจนใบหน้าบิดเบี้ยวลิ้นจุกปาก หนี่ม่านรีบถอยหลังกรูด หนิงเหมยยืนตัวเกร็งจ้องมองด้วยดวงตากลมโตเบิกกว้าง ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนยืนอ้าปากค้างตัวแข็งทื่อ ซูเจินมีเพียงมีดสั้นเล่มหนึ่งในมือ เลือดสดๆ ไหลท่วมมีดสั้นและฝ่ามือน้อยๆ ของนาง หญิงสาวยืนนิ่งจ้องมองทุกคนด้วยสายตากลมโตที่เย็นชาใบหน้างดงามที่เรียบเฉยฝ่าเท้าน้อยๆ ข้างหนึ่งยังเหยียบอยู่บนหัวของชายฉกรรจ์ที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ นางขยี้ปลายเท้าไปมาให้ใบหน้าของชายใต้ฝ่าเท้าบิดเบี้ยวจนมีเลือดซึมออกจากเบ้าตากระทั่งโลหิตสายหนึ่งรินหลั่งออกมาจากจมูกและริมฝีปากก่อนจะยกเท้าขึ้นเพียงนิดแล้วกระทืบลงไปอย่างแรงนำพาให้ร่างใหญ่หนาของมันกระตุกดิ้นพล่าน “อย่ารีบตายเชียว” เสียงเย็นเยียบเอ่ยออกมาจากริมฝีปากเล็กบางของซูเจิน “เจ็บแค่นี้เอง เจ้าควรจะทนเอาไว้ ลูกน้องของเจ้ากำลังยืนมองเจ้าอยู่ ลืมไปแล้วหรือไร หืม...” จบเสียงเย็นชานางจึงยกยิ้มแสยะตรงมุมปาก “อา...อา...” ชายใต้ฝ่าเท้าร้องได้แค่นั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD