Ep.6 : คบกันนะ

4009 Words
เช้าวันถัดมา.... “ตัวร้อนค่ะ แบบนี้ทำงานไหวหรอคะ พี่ว่าคุณเมลพักดีกว่า” “สงสัยจะตากฝนตอนที่ไปส่งยัยตังขึ้นเครื่อง ไม่เป็นไร ฉันขอดูความเรียบร้อยของร้านก่อน แล้วจะมานอนต่อ กว่าร้านจะเปิดฉันคงจะหายพอดี” แต่ทุกอย่างมันไม่ได่ง่ายขนาดนั้น เพราะถึงเวลาเปิดร้านจริงๆมันกลับแย่ลง ร่างกายของเมลสั่นเพราะความหนาว หัวเริ่มหนักอึ้งจนไม่ยากที่จะยก แต่เธอก็ยังพยายามที่จะฝืนตัวเองทำงานของเธอต่อ “คุณเมลครับ พี่ว่าคุณเมลกลับบ้านดีกว่า หน้าซีดไปหมดแล้ว” นิคผู้จัดการร้านหนุ่มหล่อ เดินมาหาเจ้านายที่ตอนนี้ดูอาการไม่ดีเอาซะเลย “นี่กี่โมงแล้วคะ” “ตี1ครึ่งแล้ว เจ้าของร้านกลับเร็วสักวันคงไม่เป็นมั้งผมว่า” รอยยิ้มจากนิกทำให้เมลพยักหน้ารับน้อยๆ เพราะตอนนี้เธอก็ไม่ไหวแล้ว อยากจะกลับไปนอนบนเตียงนุ่มๆที่คอนโดเต็มที หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จ เมลก็ขับรถกลับคอนโดทันที แต่พอขับออกมาจากร้านได้ระยะหนึ่ง ก็เจอรถแปลกๆที่ไม่คุ้นตาม ขับประกบแล้วพยายามเบียดรถของตนให้ตกข้างทาง ในยามดึกที่ถนนเส้นนี้ไร้ผู้คน มีเพียงรถบนถนนอันน้อยนิดเท่านั้น มันยิ่งทำให้เธอกลัว แล้วพยายามหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาหมอกทันที แต่ไม่ทันเสียแล้ว รถของเธอถูกเบียดจนตกข้างทาง แล้วรถคันแปลกๆนั่น ขับมาดักด้านหน้าเอาไว้ ทำให้เธอขับไปต่อไม่ได้ มีชายฉกรรจ์สองคนเดินลงมาจากรถ แล้วตรงมาที่รถของเธอ “ล็อกรถก่อนแล้วกัน” เธอพยายามจะกดโทรศัพท์โทรหาหมอก แต่สองคนที่ลงจากรถกลับชักปืนออกมา แล้วจ่อมาทางเธอ ‘รถฉันไม่ได้กันกระสุนนะ’ นี่คือสิ่งแรกที่เธอคิด ประชิดขนาดนี้ ยิงยังไงก็ต้องทะลุกระจกมาแน่ๆ [ เปิดประตู ไม่งั้นกูยิง ] เสียงคำสั่งจากคนข้างนอกทำเอาต้องเปิดประตูออกมาจากรถ พร้อมกับกระเป๋าที่ใส่สเปรย์พริกไทยที่ตัวเองเอาไว้ โดนยิงตายในรถ มันตายแน่ แต่ถ้าเธอวิ่งออกมาข้างนอก อาจจะมีพลเมืองดีช่วยเหลือเธอก็ได้ “สวยวะ สวยจริงเลย ขาวฉิบหาย” เธอใช้เวลาช่วงที่มันเผลอฉีดสเปรย์พริกไทยใส่ตามันทันที แล้วรีบวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด เพื่อหาบ้านคนที่พอจะความช่วยเหลือได้ ใช่...พวกมันมีสองคน เพื่อนมันอีกคนหนึ่งก็วิ่งตามเธอมาติด ด้วยร่างกายที่ยังป่วยทำให้เธอวิ่งไม่ทันมัน มันคว้าแขนของเธอได้ แล้วตุบบบ!!!!! ชกเข้าที่ท้องน้อยของเธออย่างแรง จนเธอตัวอ่อนยวบด้วยความจุก พวกมันแบกเธอขึ้นมา แล้วพากลับมาที่รถ เมล Say :: “สวยจริงๆ เลยวะ บันนี่จังของนายเนี่ย” ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถข้างๆ ฉันพยายามเข้ามาจับแก้มฉัน จนฉันต้องเอี้ยวตัวหลบมือสกปรกยั่น อี๋....อย่ามาจับฉันนะ พวกโสโครก ครืดดดด ครือดดดดด~* ความสั่นในกระเป๋ามันทำเอาฉันต้องสะดุ้ง ดีจังที่ปิดเสียงเอาไว้ตอนทำงาน ใครโทรมานะ จะกดรับยังไงดี แล้วจู่ๆ อาการสั่นในกระเป๋าก็ดับลง อย่าเพิ่งว่างสิ อย่าเพิ่งวาง แล้วอาการสั่นของโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีก แล้วก็วาง แล้วก็สั่น แล้วก็ว่าง แบบนี้อยู่หลายครั้ง เหมือนกับไม่ได้อยากจะให้ฉันรับ คุณหมอกเค้าเคยบอกว่า ตามส่งฉันทุกวันสินะ หรือจะเป็นเค้า หรือเค้าจะตามมาทัน “ขอนอนกอดสักคืน คิดค่าตัวเท่าไหร่จ๊ะ บันนี่จัง” คำถามจากคนที่นั่งข้างๆ ฉัน ทำเอาฉันต้องสะดุ้ง เลิกห่วงโทรศัพท์ มาห่วงตัวเองก่อน “ฉันไม่ได้เกี่ยงเรื่องเงิน แต่ฉันต้องการความพอใจ ตามใจฉันก่อนสิคะ” “ฮู้ยยยยยย ได้วะ ร่านๆ แบบนี้กูชอบ” “แบบนี้ให้กูนอนด้วยสิวะ นายไปกรุงเทพ นอนกับอีนี่ก่อนนาย นายไม่รู้หรอก บันนี่จังจะไม่บอกนายพี่ใช่ไหมจ๊ะ” แล้วคนที่ขับรถก็มองผ่านกระจกมองหลังเพื่อสบตาฉัน ฉันกลัว ยอมรับกว่ากลัวมาก แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรช่วยฉันได้ นอกจากสติ สติเท่านั้น จะโง่สู้กับมัน คงสู้ไม่ได้แน่ มันมีตั้งสองคน นี่ไม่ใช่หนังไทย ตายคือตายจริง โทรศัพท์ในกระเป๋าถือของฉันสั่นอีกแล้ว ต้องใช่ ต้องใช่คุณหมอกแน่ๆ เราต้องหาวิธีส่งสัญญาณให้รถคันนี้แตกต่าง “ขอมัดจำเป็นจูบก่อนได้ไหมจ๊ะ” ฉันยกเท้าขึ้นยันมันเอาไว้ทันที เพื่อไม่ให้มันเข้ามาใกล้ ฉันกำลังต้องต่อสู้กับอะไรเนี่ย อี๋!!!!!!! “ไม่เข้าใจคำว่า ความพอใจหรอ ความพอใจของฉัน” ฉันมองไปที่เท้าของตัวเอง แล้วยิ้มให้มันอย่างยั่วยวน แล้วใช้จังหวะที่เอีียงตัวเทกระเป๋าถือของตัวเอง ลงกับพื้นรถ “เด็ดจริงโว้ยยย กูนี่จะเลียตั้งแต่ตีนจนหูเลย ซี๊ดดดด” “แต่ต้องให้ฉันเก็บของที่หล่นก่อน” ฉันใช้โอกาสที่ทำของตก เปิดไฟในรถให้สว่าง ฉันไม่รู้ว่าคุณหมอกตามมาไหม แต่ขอให้คนที่โทรเข้ามาเป็นคุณ ขอให้คำที่คุณบอกว่าตามส่งฉันทุกวันเป็นความจริง ขอให้คุณเห็นไฟในรถนี่ “ไม่รอแล้วได้ไหม พี่อยากกินกระต่ายขี้ยั่วจะแย่อยู่แล้ว” มันไม่ยอมให้ฉันเก็บของ กระชากฉันที่ก้มเก็บของอยู่เข้าไปในอ้อมกอด อี๋!!!!!! อย่ามาจับฉันนนน ฉันพยายามขัดขืนและดันออกด้วยความกลัว ตอนนี้ไม่เหลือสติอีกแล้ว มีแต่ความกลัวและความพยายามที่จะหนีจากไอ้เลวนี้ “อย่านะ!!! อย่าาาาาาาา” “อย่าหยุดใช่ไหมจ๊ะ ของพี่ใหญ่นะ” เสื้อที่ฉันใส่ถูกไอ้เลวฉันฉีกจนดังแควกกกก จนเห็นชุดชั้นในสีดำที่ใส่ ฉันพยายามขัดขืน จนแทบจะหมดแรง กลัว กลัวจัง หนูไม่น่าดื้อเลย หนูน่าจะเชื่อพ่อ ไม่มาทำร้านนี้ ฮื่อออออ ฉันตะกายหนีด้วยความกลัว มือของฉันถูกพวกมันเอาลงไปวางบนเป้า อี้!!!!! กลัว กลัว มาสักทีคุณหมอก “เหี้ยยยยยยย!!!!! อะไรวะ เอี๊ยดดดด!!!!! โคร่มมมมมมมมมม!!!!!!!!!” รถที่เรานั่งมาเสียหลัก ชนกับรถคันหน้า “ขับอะไรของมึงวะ” “ไอ้เวรมีคนขับรถมาตัดหน้า” “มึงก็ไปต่อดิวะ จะจอดหาพ่อมึงหรอ” “ไปห่าอะไร มึงเห็นไหมมันจอดขวางเราไว้” ฉันฉวยโอกาสที่มันเถียงกันอยู่ พยายามเปิดประตูรถ เพียงแค่ประตูรถเปิด มันก็กระชากแขนของฉันเอาไว้ทันที ทำให้ฉันต้องใช้เท้าถีบมันรัวๆ ทำให้มันจับขาของฉันเอาไว้ แล้วลากเข้าไปในรถ แต่ประตูรถที่ฉันเปิดเอาไว้ กลับถูกคนด้านนอกเปิดออกจนสุด แล้วกระชากแขนฉันแข่งกับคนด้านใน “ไอ้หมอก!!!” “ปล่อยผู้หญิงของกู ไม่งั้นกูยิง มึงขยับกูก็ยิง เลือกเอา” คนที่พูดจ่อปืนไปที่คนในรถ จนไอ้คนในรถต้องปล่อยขาของฉัน ไม่เคยดีใจที่ได้เจอเค้าขนาดนี้เลย ไม่นานนักก็มีรถเก๋งอีกคัน ขับมาจอดต่อท้าย รถของพวกมันเอาไว้ แบบปิดหัวปิดท้ายไม่ให้ไปไหน “จัดการด้วย ให้เงียบ” “ครับนายน้อย” อ้อมแขนใหญ่กอดฉันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ความโล่งใจมันทำเอาฉันปล่อยโฮออกมาในอ้อมกอดเค้านั่นแหละ พยายามแล้ว พยายามเข้มแข็งที่สุดแล้ว พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดๆ แล้วนะ แต่มันหยุดไม่ได้แล้วตอนนี้ ความเข้มแข็งที่มีตอนนี้มันหล่นหายไปหมด แค่เค้ามาฉันก็รู้สึกโล่งใจจนอยากทิ้งตัว “โอ๋ๆ ...เก่งมากเลย เพราะไฟในรถที่เปิดมันทำให้ผมหาคุณเจอ” มือใหญ่ลูบหัวปลอบฉันเบาๆ เพื่อปลอบฉันที่ร้องไห้ไม่ยอมหยุด “ฮื่ออออ ฉันกลัว ถ้าคุณไม่มา ฉันต้องเป็นเมียมันแน่ๆ เลย น่ากลัวสุดๆ เลย ฮื่อออ” แล้วจู่ๆ มือใหญ่ก็เลื่อนขึ้นมาปิดตาฉันเอาไว้ แล้วพาเดินไปข้างหน้า แม้จะไม่เห็นอะไร แต่ได้ยินเสียง อ๊ากก เสียงร้องอย่างโหยหวน ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูรถ แล้วดันฉันเข้าไปน้อยๆ “เข้าไปนั่ง แล้วอย่าหันหลังกลับไปมอง เข้าใจที่พูดไหม” “ค่ะ” ฉันทำตามอย่างว่าง่าย แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรแต่เดาไม่ยาก ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรดี คนพวกนั้น หรือคนที่นั่งข้างฉันในตอนนี้ ฉันร้องไห้ออกมาไม่หยุดกับสิ่งที่ตัวเองต้องเจอครั้งแล้ว ครั้งเล่า ร้องออกมาจนไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เค้าอุ้มเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งที่ตอนนี้ปิดไฟมืดสนิทแล้วทั้งบ้าน ปลายทางของเรามาสุดที่ห้องนอนขนาดใหญ่ ร่างของฉันถูกวางบนเตียงอย่างแผ่วเบา “ตื่นแล้วหรอ หลับต่อก็ได้นะ” ฉันมองคนที่กำลังลุกขึ้นแล้วคว้าแขนเค้าเอาไว้ เพราะมีเค้าฉันถึงรู้สึกปลอดภัย แล้วตอนนี้ฉันก็อยากมีเค้าที่สุดเลย มือของฉันหรือหัวใจ ไม่รู้ตอนนี้อะไรสั่นกว่ากัน มันสั่นไปด้วยความกลัว ที่นี่มันเป็นโลกที่ฉันไม่เคยเจอ และไม่ใช่โลกที่ฉันฝันเอาไว้เลยสักนิด “อยู่กับฉัน ขอแค่ฉันดีขึ้นได้ไหมคะ” “ตัวสั่นเชียว อะๆ ก็ได้ ถือว่าครั้งนี้เธอเป็นคนขอนะ” คนตัวใหญ่นั่งลงบนเตียง แล้วกอดร่างของฉันเอาไว้ ฉันปล่อยน้ำตาให้มันออกมาอย่างมากมาย แม้จะไม่ได้ฟูฟายหรือปล่อยโฮ แต่ก็หยุดน้ำตาที่มันไหลออกมาไม่ได้อยู่ดี เพราะฉันเองที่ดื้อ ตัวเองจึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าฉันไม่ดื้อกับพ่อ ป่านนี้เรื่องแบบนี้มันก็คงไม่เกิด มือใหญ่ๆลูบหัวของฉันเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบ อ้อมกอดถูกกระชับแน่นขึ้น “พอแล้ว อย่าร้องเลย คุณยังมีผม” “ฉันบอกพ่อไปว่า ถ้าทำร้านนี้ไม่สำเร็จจะไม่กลับไปเหยียบที่บ้าน ทั้งที่ตัวฉันถอดใจไปแล้วหลายครั้ง ทั้งที่พ่อบอกฉันแล้ว ว่าฉันทำไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่เชื่อ แต่วันนี้มันชัดเจน ว่าฉันทำมันไม่ได้จริงๆ” “มั่นใจหน่อยสิ คุณทำดีกว่าผู้ชายหลายๆ คนอีกนะ คุณตัวร้อนจังเลย ผมไปหายามาให้ดีกว่า” “อย่าเพิ่งไปได้ไหม ขอฉันอยู่แบบนี้อีกหน่อย ให้ฉันรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ ฉันจะไม่อ้อนเลย แล้วคุณจะไปส่ง หรือจะให้ฉันไปไหนยังไงก็ได้” “ใครจะให้คุณกลับ คืนนี้คุณจะนอนกับผมที่นี่” “บ้าหรอ” “ตอนนี้คุณก็กอดกับผมอยู่บนเตียง แค่เอนตัวลงไป มันคงไม่แย่มากกว่าตอนนี้นัก” มันก็ใช่ แต่จะให้นอนด้วยกันเลยแบบนี้มันก็....... “คุณจะทำอะไรฉันเหมือนพวกนั้นรึเปล่า” “ไม่รู้...ไม่รับปาก...ดูก่อน” “งั้นฉันกลับดีกว่า อ่อ...ขอบคุณนะคะที่ทำตามสัญญา ว่าจะปกป้อง ดูแล ไม่ให้เกิดอันตราย วันนี้ไม่ได้คุณฉันแย่เลย” “อย่าดื้อกับผม คืนนี้ผมจะไม่ทำอะไรคุณก็ได้ ตอนนี้ผมแค่อยากให้คุณอยู่ในสายตา เพื่อความปลอดภัย” “จริงนะ สัญญาแล้วนะ” “อื้มมมมม” “ฉันเชื่อใจคุณนะ ว่าคุณจะไม่ทำ ฉันเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม ตะ...ตอนนี้ฉันอยากอาบน้ำได้ไหมคะ” ฉันกระชับเสื้อที่ขาดเอาไว้แน่น ลืมไปเลยว่ามันขาด ป่านนี้เค้าเห็นไปไหนต่อไหนแล้ว ทำไมหล่อนไม่รู้จักระวังเลยตัว คุณหมอกส่งผ้าขนหนู กับเสื้อเชิ้ตที่เพิ่งหยิบออกมาจากตู้ให้ฉัน แล้วรับแล้วเข้าห้องน้ำไปทันที เค้าช่วยฉัน เค้าตามส่ง ตามดูแล ฉันซึ้งใจ หัวใจที่เต้นรัวตอนนี้ก็ชัดเจนว่าฉันรู้สึกยังไง แต่เค้าต้องเจ้าชู้มากแน่ๆ เด็กในร้านก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าคุณหมอกกับคุณอัคคีเป็นเสือผู้หญิงชั้นเซียนเลย ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าเค้าไม่ได้มาหลอก เค้าไม่เคยทำอะไรให้ชัดเจนเลยด้วยซ้ำว่าเค้ารู้สึกยังไง เค้าบอกฉันเจนว่าไม่ได้ชอบฉัน แม้จะบอกว่าจีบก็เถอะ ฉันไม่ต้องการหรอกนะ รักเล่นๆ อะ ฉันเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ในตัวห้องนอน แล้วต้องเจอซิกแพ็ก ไม่!!! ขาว ไม่ใช่!! คนที่เตรียมตัวจะอาบน้ำต่อจากฉัน ต้องรีบหันไปทางอื่นแล้วเดินหลบอีกทาง “ไปถอดในห้องน้ำไม่ได้หรอคะ” “อะไร ผมแค่ถอดเสื้อ ไม่ได้ถอดทั้งหมดซะหน่อย เป็นเอามากนะคุณเนี่ย” ฉันเดินมาที่เตียงขนาดใหญ่ ที่เมื่อกี้ฉันนั่งให้เค้ากอดอยู่นานสองนาน แล้วจู่ๆ จะมาบอกว่ากลัวเค้ามันก็ยังไงอยู่ ปีศาจที่มาในร่างคนชั่ว มันดูออกง่าย แต่ถ้าปีศาจที่อยู่ในร่างเจ้าชายล่ะ เราจะดูออกไหมนะ ฉันเอาหมอนข้างมาคั่นกลาง เป็นอาณาเขตของตัวเอง แบบนี้แล้วกัน แกร๊กก~* เสียงปิดประตูห้องน้ำเบาๆ ทำเอาฉันสะดุ้ง แม้ตัวเองจะนอนซุกอยู่ในผ้าห่มแล้วก็ก็ตาม แกล้งหลับละกัน “คุณเมล อย่าเพิ่งหลับ” “ไม่ค่ะ ฉันหลับแล้ว” เดี๋ยว...คนหลับแล้วที่ไหนเค้าตอบวะ แค่เพียงฉันตอบเค้าก็ดึงฉันขึ้นมานั่งทันที “กินยาแก้ไข้ก่อน คุณตัวร้อน ตื่นมาจะได้หาย เตรียมให้แล้วทำไมไม่หัดมองซะบ้าง” คนที่ตัวใหญ่กว่าส่งยาให้ฉันพร้อมกับแก้วน้ำ “ขอบคุณนะ” ฉันมองผู้ชายในชุดนอนผ้าซาตินสีเทา เตรียมยาให้ด้วยงั้นหรอ กินให้ก็ได้เดี๋ยวจะเสียน้ำใจ ฉันจับเม็ดยาสีขาวเข้าปาก แล้วตามด้วยน้ำอึกใหญ่ หัวใจเจ้าขาเต้นเบาๆ เดี๋ยวเค้าได้ยิน จะหาว่าหล่อนนะง่ายนะ “ทีนี้นอนได้ เอาหมอนข้างมาคั่นขนาดนี้ กลัวขนาดนั้นเลย บอกไม่ทำก็คือไม่ทำสิ” “งั้นก็นอนค่ะ” ไฟในห้องถูกปิดจนมืดสนิท มีแต่ดวงไฟสีเขียวจากแอร์คอนดิชันเท่านั้น เอาเถอะ...หลับตาลงได้แล้วตัวฉัน พรุ่งนี้มันต้องดีขึ้น “คุณเมล” ไหนบอกจะให้ฉันนอนไง ยังจะเรียกทำไมอีก “ถ้าผมจะให้คุณอยู่ที่นี่สักระยะได้ไหม ผมว่ามันไม่ปลอดภัย ผมคิดวนไปวนมา ถ้าครั้งหน้ามันไม่โชคดีแบบครั้งนี้ ผมไม่อยากให้เรื่องไม่ดีมันเกิดขึ้นอีก ผมอยากมั่นใจว่าคุณจะปลอดภัย ผมจะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้ายังห่วงคุณอยู่แบบนี้” “ฉันจะอยู่ได้ยังไง อยู่ในฐานะอะไร ถ้ามีใครถามฉันจะตอบยังไง” “งั้นเรามาคบกันไหม” คำถามที่ทำเอาฉันตาโต เดี๋ยวไหนบอกให้นอน ถามแบบนี้ฉันจะนอนยังไง ดีนะที่มีหมอนคั่นเอาไว้ ถ้าไม่มีเค้าต้องรู้แน่ว่าเค้ากำลังทำเอาฉันนอนไม่หลับ “จริงจังรึเปล่า” “ในระดับหนึ่ง แต่ก็มากพอที่จะเจ็บตัวเพื่อคุณได้ มากพอที่จะอดทนรอ” แล้วเค้าก็ดึงหมอนข้างออกเฉยเลย “เดี๋ยว..เอาออกทำไม คุณสัญญาแล้วนะ” แต่ในระดับหนึ่งงั้นหรอ มากพอจะเจ็บตัวเพื่อฉัน อันนี้ฉันเห็นแล้ว แต่มากพอที่จะอดทนรอ จะรอจนกว่าฉันจะพร้อมงั้นหรอ พร้อมจากอะไร “ใครเค้าพูดเรื่องสำคัญแล้วมีหมอนข้างคั่นแบบนี้บ้าง ผมอยากใช้คำว่าผู้หญิงของผมได้อย่างเต็มปาก อยากปกป้องคุณในฐานะผู้หญิงของผม ไม่ใช่แค่คำสัญญาว่าจะดูแล ตอนแรกก็อยากจะแกล้งให้นานกว่านี้ ให้คุณเป็นคนบอกชอบผมเอง แต่เรื่องในวันนี้มันทำให้ผมรู้ว่าผมห่วงคุณแค่ไหน” “จะรู้ได้ไงว่าคุณจะไม่หลอก” “เชื่อใจผมไง” อะไรไม่มีอะไรที่จะบอกได้เลย ว่าคุณจะไม่หลอก ลมปากผู้ชายอยากได้มันก็พูดดี ของยังใหม่ มันก็ยังสวย คอยเฝ้า คอยตามส่ง แล้วถ้าได้แล้วล่ะ ฉันหันหน้ามามองคนที่นอนข้างๆ ในความมืด อยากเห็นแววตาว่าเค้าพูดจริงรึเปล่า แต่กลับถูกรวบเข้าไปในอ้อมกอดซะงั้น ไหนบอกไม่ทำอะไรไง ฉันดิ้นเพื่อให้เค้าปล่อย “ผมชอบคุณ คบกับผมนะ” ประโยคที่ทำเอาทุกอย่างหยุด “แต่.....” ฉันยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็ถูกคนตรงหน้าปิดปากด้วยริมฝีปากอุ่นๆ เดี๋ยวววว!!! ไม่รอคำตอบเลยหรอ ริมฝีปากที่ขยับช้าๆ มันพาฉันเคลิ้มอย่างกับตัวเองลอยอยู่บนปุยเมฆ หัวใจที่เต้นแรงมันยิ่งสั่นระรัวไม่หยุด ฉันจูบเค้าตอบเค้าช้าๆ ไม่ใช่ตามกลไกของร่างกาย แต่ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ แขนใหญ่กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก มันทำให้เราชิดกันมากขึ้นอีก “คำตอบของคุณ มีแค่คบหรือไม่คบ” เสียงทุ้มต่ำที่ทวงคำตอบฉันในระยะประชิด มันทำเอาเสียงที่มีมันหายไปหมด “อืม” ฉันตอบช้อยที่ 3 ละกัน 2 ช้อยที่ให้มา มันน่าอาย ฉันอายที่จะตอบอะ “ชอบผมเหมือนกันสินะ” ริมฝีปากของเค้าประกบลงมาอีกครั้งที่สิ้นเสียง จูบรสละมุนถูกป้อนอย่างช้าๆ เอ้าาา ลองดูสักตั้งก็ได้ “หากฉันรักแล้วคุณห้ามเลวนะ ฉันอนุญาตให้คุณมีฉันแค่คนเดียว ทำได้รึเปล่า” ฉันทำเสียงอ่อยลง เพราะรู้ว่ามันอาจจะมากไป ที่จะขอมากขนาดนี้ “แลกกันไหม เลิกใส่ชุดกระต่าย แล้วเลิกออกมาทักทายแขก” เดี๋ยว...ไอ้คำถามมันก็เรื่องนึง แต่มือที่ลูบไปลูบมานี่มันคืออะไร “อื้ออออ คุณหมอก คุณกำลังลูบขาฉันอยู่” “อ๊ะ ขอโทษ ผมว่าผมควรลงไปนอนพื้น ไม่งั้นผมปล้ำคุณแน่เลย” แล้วคนตัวใหญ่ ก็โยนหมอนของตัวเองลงไปที่พื้น แล้วเคลื่อนตัวเองตามลงไป ยอมนอนพื้นงั้นหรอ น่ารักจังเลย หัวใจเจ้าขา ถ้าเต้นแรงแบบนี้ ฉันจะข่มตาหลับไม่ลง หมอก Say :: ผมลืมตาตื่นเพราะรู้สึกชาที่แขน แต่พอตื่นกลับเห็นหน้าของเธอจากผมเพียงแค่คืบ กลิ้งตกลงมา หรือตั้งใจลงมากันนะ เมื่อวานก่อนได้คุยกับคุณตังเพื่อนของเธอ ถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วเธอตั้งใจมาเปิดร้านเบเกอรี่ แต่เธอคงจะเห็นแล้ว ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะมาขายเค้กในวงเหล้า นอกจากจะเปลี่ยนสิ่งที่มีอยู่ให้มันดีขึ้น เธอเก่ง เธอฉลาด เธอไหวพริบดี ถ้าวัดจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เป็นผู้หญิงคนอื่น คงเอาแต่ร้องไห้แน่ๆ ขนตายาวดีจัง ริมฝีปากเล็กเรียวบาง เดี๋ยวๆ เป็นเอามากแล้วนะเราเนี่ย ปลุกดีกว่า “คุณ คุณ” เสียงเรียกของผมทำเอาเปลือกตากลมโตค่อยๆเปิดขึ้น “ฉันลงมานอนตรงนี้ได้ไงกันนะ แฮะๆ” แววตาเลิ่กลั่กนี่มันคืออะไร ตั้งใจลงมานอนสินะ ให้ท่ากันรึไง “สาบานว่าไม่รู้ตัวเลย” “ไม่รู้เลยแฮะๆ” หัวเราะแห้งๆออกมาเป็นครั้งที่สองแล้ว แบบนี้โกหกชัวร์ ผมรวบเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ก่อนจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมเธอเอาไว้ “ให้ท่า งั้นผมจัดให้” “ไม่ใช่นะ เมื่อคืนฉันฝันร้าย แลเวมันนอนไม่หลับเลย ไม่รู้จะทำยังเลยเลยคลานลงไปนอนกับคุณ ก็อยู่ใกล้คุณแล้วรู้สึกปลอดภัยอะ” เธอรีบโพล่งสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนออกมาจนหมด พูดออกมาซะหมดเปลือกเลย เป็นคนขี้กลัวจริงๆนะเนี่ย ผมค่อยๆลุกขึ้น เพื่อให้เธอลุกตาม “รู้ไหมผมสัญแค่ เมื่อคืนจะไม่ทำอะไรคุณ แต่นี่เช้าแล้ว ผมจะทำอะไรคุณก็ได้ ครั้งนี้จะยกผลประโยชน์ให้จำเลย เพราะเห็นว่าคุณเจอเรื่องน่ากลัวมา ถ้าอยู่ใกล้กันแบบนี้อีก ผมจะไม่ปล่อยคุณไปแล้วนะ” “อื้มๆๆ” เดี๋ยวๆเธอปิดตาทำไม อุตส่าห์ยอมขนาดนี้จะปิดตาทำไม ผมพยายามไปแกะมือที่ปิดตาของเธอออก แต่เธอก็ไม่ยอมให้แกะ “อย่าาาาาา” เธอตะคอกใส่ผมเสียงดัง “ทำไม” “ก็ของคุณมันตั้งอยู่อะ” อีกด้าน..... “ตาหมอกกลับมาแล้วใช่ไหมนวล” “นายน้อยปิ๊กบ้านมาแล้วเจ้า พวกในเฮือนอู้ว่านายน้อยพาแม่หญิงปิ๊กบ้านมาด้วยเจ้า” “ผู้หญิงงั้นหรอ ฉันจะไปดูให้เห็นกับตา” แต่ไม่ทันที่คนเป็นแม่จะเข้าไปจัดการคนเป็นลูกชาย คนเป็นลูกชายก็ลงมาจากชั้นบนพร้อมกับหญิงสาวที่ตัวเองพามา เพียงแค่สบตา ก็ไม่ชอบหน้าผู้หญิงที่ลูกชายพามาเสียแล้ว แม้ตอนนี้เธอจะยกมือไหว้พร้แมกับกล่าวสวัสดีอยู่ก็ตาม “เมื่อคืนมีเรื่องครับ ผมเลยพาเธอมาที่นี่ก่อนเพื่อความปลอดภัย” “ทำไมไม่บอกแม่ แม่จะได้ให้คนเปิดห้องใหม่ให้ นอนเบียดกันอยู่บนเตียงของหมอกทำไม ห้องบ้านเราก็มีเยอะแยะ” ประโยคที่หวังดี แต่กลับไม่ทำให้คนฟังอย่างเมล รู้สึกดีเลย “ขอโทษค่ะ ที่มารบกวน ฉันจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ต้องขอโทษคุณน้าอีกครั้งนะคะ” “แม่ครับ...มันไม่มีอะไรจริงๆ เมื่อคืนผมนอนพื้น ไปละ ผมจะพาคุณเมลเค้าไปคอนโดก่อน” หมอกเรียกคนเป็นแม่ ที่ตอนนี้นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร “จ๊ะ งั้นหมอกรีบไปส่งเพื่อนลูกเถอะ” แม้แม่เลี้ยงเกตุแก้วจะไม่ชอบผู้หญิงที่ลูกชายพามา แต่ก็ไม่อาจจะทำลูกชายที่เพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน รู้สึกไม่ดีและหนีไปจากบ้านอีกได้ “หนูขอลากลับก่อนนะคะ” เกตุแก้วทำเพียงยกมือรับไหว้จากหญิงสาวเท่านั้น ไม่ได้ตอบกลับหรือยินดีอะไร “งามแต้ๆ” “อีนวล จะมีผู้หญิงดีๆที่ไหน เค้ามานอนกับผู้ชายถึงบ้าน นังผู้หญิงคนนี้มันเป็นใคร ตาหมอกของฉันจริงจังแค่ไหน แกไปเรียกเมฆมาซิ ฉันอยากจะรู้ ว่านังผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” =================== จากตอนนี้ไปจะจบเนื้อเรื่องที่เชื่อมกับเรื่องบทรักอัคคีแล้วนะคะ จะไปเชื่ออีกที่ก็ตอนปางไม้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD