บทที่ 4
“อุ๊ย! คุณปราบ” แสงระวีร้องออกมาเบา ๆ เธอถอยหลังไปสองก้าวหลังจากชนเข้ากับอกของเขาอย่างจัง
“นี่เธอกำลังจะไปไหน?” เขาถามพลางหรี่ตามอง คราวนี้แสงระวีไม่กล้าสู้หน้าเขาตรง ๆ เรื่องอะไรจะบอกว่าเธอตามออกมาดูเขา
“ฉันออกมาเดินเล่นค่ะ”
“หืมม์?” เขาเลิกคิ้ว “ปกติฉันไม่เคยเห็นเธอออกมาเดินเล่นตอนเช้าเลยนี่ วันนี้ทำไมออกมาไกลถึงนี่ได้”
“ฉันอยากรู้ว่าที่นี่เป็นยังไง เพราะฉันยังเดินดูไม่รอบเลยค่ะ...เอ้อ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ...อุ๊ย!”
แสงระวีอุทานออกมาอีกครั้งเมื่อสะดุดกับก้อนหินทำให้ทรงตัวไม่อยู่ แต่ก่อนที่จะเซล้มกลับถูกร่างสูงใหญ่เข้ามารับตัวเธอไว้ได้ทัน
“เร...เป็นอะไรรึเปล่า?” ปราบถามด้วยสีหน้าตกใจเช่นกัน และเขาแทบไม่รู้ตัวว่านี่เป็นครั้งแรกที่แสดงความเป็นห่วงหญิงสาวออกมาชัดเจน
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ คุณปราบ” แสงระวีรีบบอก ร่างของเธออยู่ในอ้อมกอดของปราบที่รวบตัวเธอเอาไว้แน่น หญิงสาวร้อนขึ้นมาข้างในโดยไม่มีสาเหตุ แต่เธอก็พอจะรู้ว่าความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นจากอะไร
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” แสงระวีบอกเขาเบา ๆ อีกครั้ง แต่ดูเหมือนปราบจะยังไม่ยอมปล่อยให้ร่างเล็กบอบบางนุ่มนิ่มหลุดไปจากอ้อมแขน ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้เธอนิดเดียว อีกคืบเดียวจมูกของเขาก็จะสัมผัสกับแก้มสีกุหลาบแสนสวยอยู่แล้ว
หัวใจของเธอเต้นรัวเร็ว เขาคงได้ยินแน่ ๆ เพราะทรวงอกนุ่มใต้เนื้อผ้าฝ้ายของเสื้อเชิ้ตกำลังบดเบียดอยู่แนบชิดอกกว้างของเขา ปราบแทบไม่ละสายตาไปจากหญิงสาวที่สายตาของเขาจับจ้องแน่วนิ่ง ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งเห็นความอ่อนหวานสดใสของสาวในวัยสะพรั่ง
“ทีหลังเธอต้องระวังให้มากกว่านี้ ถ้าไม่มีฉันเธอคงล้มลงไปแล้ว”
“ค่ะ...เรจะระวังค่ะ” ตอบด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่มันเกิดจากความรุ่มร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมาจนเธอเองก็รับแทบไม่ทัน
“ขอบคุณค่ะ คุณปราบ...ปล่อยเรเถอะนะคะ” หญิงสาวบอกเขาทั้งที่ตัวเธอร้อนรุ่มตั้งแต่ริมฝีปากอิ่มสวยที่กำลังระริกไปจนจรดปลายเท้า ปราบจำต้องปล่อยให้ร่างแน่งน้อยเป็นอิสระ เขากำลังเสียดายผิวนุ่มลื่นที่มือของเขาเพิ่งได้สัมผัสตัวเธอเป็นครั้งแรก
“เรากลับกันเถอะ สายแล้ว ฉันชักหิว” ปราบพูดแก้เก้อ เมื่อครู่เขาเกือบจะฝังจมูกลงบนแก้มนุ่มสีระเรื่อที่อยู่ใกล้แค่คืบ ก็แสงระวีสวยน่ารักปานนั้น สัมผัสเพียงแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จุดประกายไฟในตัวชายหนุ่มให้ลุกพรึ่บ ร่างกายของเขากำลังเรียกร้องบางสิ่งบางอย่าง อยากจะปฏิเสธว่าไม่ใช่แต่อารมณ์พลุ่งพล่านมันเป็นธรรมชาติของร่างกายเวลาได้แนบชิด
สองหนุ่มสาวเดินกลับมาพร้อมกันกระทั่งถึงบังกะโลโดยต่างไม่มีใครพูดอะไรกันอีกหลังจากนั้น แสงระวีรีบกลับไปยังที่พักของเธอและนั่งครุ่นคิดถึงความรู้สึกของตัวเองอยู่เป็นนานสองนาน
เหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่ไม่ได้มาจากความตั้งใจที่เธอจะแกล้งยั่วเขา ไม่ใช่เล่ห์กลอะไรด้วย แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกวาบหวิวมากถึงขนาดนี้ หญิงสาวนึกถึงเรือนกายที่สมบูรณ์แบบและสัดส่วนกำยำของปราบซึ่งมันเสียสีกับตัวเธอเมื่อครู่ มันทำให้ร่างกายของเธอเสียศูนย์ สูญเสียการควบคุมไปชั่วขณะ
เมื่อกี๊เขากอดเธอไว้แน่น แขนแกร่งกำยำและกล้ามเป็นมัดยิ่งกระตุ้นให้เธอเกิดความรู้สึกหวิวหวั่นมากขึ้นอีกเป็นล้านเท่า
นี่เขาเคยดูถูกเธอนะ! แสงระวีเตือนตัวเอง เธอตั้งใจจะแกล้งเขาต่างหาก ปราบ ปราบศักดา ผู้ชายหยิ่งจองหองที่เธออยากใช้มารยาแกล้งเขาก็เท่านั้น
เมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ของตัวเองจากบังกะโลของปราบ แสงระวีก็เห็นว่าคืนนี้พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างมากกว่าในทุกค่ำคืน มันทำให้หญิงสาวคิดถึงปาร์ตี้ชายหาดในคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่บนเกาะแห่งนี้กลับมีแต่ความเงียบเหงาซึ่งก็เป็นอย่างที่เจ้าของมายาวี รีสอร์ท ว่าไว้นั่นคือ บนเกาะนี้ไม่มีแสงสีอะไรเลย
แสงระวีไม่ได้อยากเลี้ยงสังสรรค์หรืออะไรทั้งสิ้น แต่เธอกำลังคิดถึงบ้านของเธอก็เท่านั้น อีกครั้งที่หญิงสาวเดินเลียบชายหาดไปบนฟองคลื่น แสงจันทร์สาดกระทบผิวน้ำและบรรยากาศรอบ ๆ แม้หงอยเหงาแต่ก็ไม่น่ากลัว
ร่างเล็กบางในชุดกระโปรงเสื้อสายเดี่ยวคลุมด้วยผ้าคลุมไหล่บาง ๆ เดินไปกระทั่งถึงโขดหินริมชายหาด เธอคิดว่าตัวเองมาเดินทอดน่องใต้แสงจันทร์เพียงโดดเดี่ยว แต่ดูเหมือนตัวเองจะคิดผิด
“คุณปราบ” แสงระวีอุทานกับตัวเองเบา ๆ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของปราบนั่งอยู่บนโขดหินริมทะเล ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเขายังมานั่งรับลมไม่กลัวหนาวบ้างหรือยังไง
“คุณปราบ...ยังไม่นอนอีกหรือคะ?” ถามออกไปเมื่อเดินไปถึงที่ที่เขานั่ง มันเป็นโขดหินเรียบ ๆ ซึ่งคนที่ถูกถามก็หันกลับมาและดูเขามีสีหน้าประหลาดใจไม่น้อยไปกว่ากัน
“เร...นี่เธอยังไม่นอนอีกหรือ มันดึกมากแล้วนะ”
เขาขยับตัวลุกขึ้น แสงจันทร์สว่างทำให้มองเห็นหน้าหล่อเหลาของเขาชัดเจน
“เรนอนไม่หลับค่ะ เลยออกมาเดินเล่น”
“คงเหงาล่ะสิ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวที่กระชับผ้าคลุมไหล่ไม่ให้ปลิวไปตามแรงลม
“บอกแล้วยังไงว่าที่นี่น่ะ ไม่มีแสงสี มีแต่หาดทรายกับน้ำทะเลเท่านั้น”
“เรไม่ได้สนใจเรื่องนั้นนะคะคุณปราบ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ ดึกแล้วทำไมยังมานั่งอยู่ตรงนี้ ไม่กลัวหนาวบ้างหรือคะ”
แสงระวีถามขณะช้อนตามองเขา แววตาคู่สวยดูยั่วเย้าในความรู้สึกของชายหนุ่ม
“ฉันชินกับอากาศของที่นี่ เธอนั่นแหละ คงจะคิดถึงแฟนแน่เลยถึงได้มาเดินเล่นตอนดึก”
“เรไม่มีแฟนนะคะ แต่คุณปราบน่ะไม่แน่”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันมีแฟนแล้ว” เขาเข้ามาใกล้อีก และท่าทางนั้นก็ทำให้คนถูกถามเกิดอาการขวยเขินขึ้นมาจนเก็บแทบไม่อยู่ นี่ดีนะที่เป็นกลางคืน ถ้าเป็นกลางวันเขาคงเห็นแน่เลยว่าแก้มของเธอเป็นสีแดงเรื่อขึ้นมา