2 การจากลา

1815 Words
หลังจากป้อนโจ๊กให้มารดาเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็ยกงูใส่ตะกร้าไม้สานปิดผาแล้ววิ่งไปบ้านป้าเฉินให้สอนวิธี แล้วก็ให้ป้าเฉินแบ่งงูออกเป็นสามส่วนให้ เขาจะนำไปให้ท่านหมอซิ่วที่ช่วยจัดยามาให้เขาต้มให้มารดาในราคาถูกบ้างครั้งก็ไม่คิดเงิน หนึ่งส่วนให้ป้าเฉินที่ค่อยช่วยดูแลมารดายามเขาออกไปหางานทำไกลบ้าน ส่วนสุดท้ายสำหรับต้มบำรุงให้ท่านแม่ วิ่งไปวิ่งมาก็ครึ่งชั่วยามผ่านไป เมื่อกลับมาถึงบ้านจุดเทียนแล้วเตรียมไปอาบน้ำมองเห็นนกตัวอ้วนที่อยู่บนเก้าอี้จึงนึกได้ว่านำมันกลับมาด้วย เขาเลี้ยงนกกันอย่างไร ที่บ้านไม่มีกรงต้องนอนกรงไหม แต่นกในป่าคงเกาะกิ่งไม้ที่บ้านไม่มีต้นไม้ใหญ่ให้มันเกาะอีกจะทำอย่างไรหล่ะที่นี้ จึงหาตะกร้าขนาดไม่ใหญ่นักนำผ้าปูรองก้นแล้วยกเข้าไปในห้องนอนของตนเองที่อยู่อีกฝากหนึ่งของบ้าน “คืนนี้เจ้าไปนอนในห้องข้าละกัน” อาการของท่านแม่เหมือนจะค่อยๆ ดีขึ้น สามารถพยุงตัวให้ลุกขึ้นมานั่งกินโจ๊กได้เอง เด็กหนุ่มยังคงออกไปหาของจากในป่าลึกเพื่อนำออกมาเป็นอาหาร รอบๆบ้านเขาเก็บต้นอ่อนกลับมาพยายามเพาะไว้ แต่ด้วยพื้นดินที่แห้งแล้งต้นกล้าส่วนใหญ่มักแห้งตายมีเพียงบางต้นที่รอดแต่ก็ไม่ได้แข็งแรงนัก เขาพยายามหาบน้ำจากบนเขามาให้มาก หลังใช้แล้วก็เอามารดต้นกล้าเหล่านี้แล้วใช้หญ้าแห้งปิดคลุมไว้ เจ้านกอ้วนสีแดงยังอาศัยกับเขา เขาพยายามต่อกรงอยู่เป็นเวลานานมันก็ไม่ยอมเข้าไปนอน มันชอบนอนในในตะกร้าใบเล็ก ช่วงนี้ของปีมีงานที่เด็กหนุ่มตัวเล็กเช่นเขาจะทำได้อยู่บ้างจึงต้องออกไปเร่หางานทำเพื่อให้ได้เงินเพิ่มขึ้น วันนี้เขาได้งานช่วยถอนหญ้าในแปลงดิน เจ้านกอ้วนยังคงตามไปเช่นเดิมเกือบเดือนที่ผ่านมาหลายคนในหมู่บ้านได้เห็นเด็กหนุ่มผอมแกรนเดินไปพร้อมกับนกตัวอ้วนสีแดงสดจนเริ่มกลายเป็นภาพที่เคยชิน “เจ้านกบ้า คุ้ยกองหญ้าอีกแล้ว ไปเลยชิ้วๆ ดีแต่กิน” “เสี่ยวอี้ เจ้าคุยกับนกรู้เรื่องหรือไร มันฟังไม่รู้เรื่องหรอก มันเพียงแค่หาหนอนหาแมลงในกองหญ้าเท่านั้น” “ข้ารู้ ป้าเฉินแต่มันลอยหน้าลอยตามองข้าเวลาใช้ขาเขี่ยที่กองหญ้า ท่านดูสิ” “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าก็น้าเอาอะไรกับนก” “ช่างเถอะๆ ข้าไม่ยุ่งกับเจ้านกอ้วนแล้ว” ตกเย็นเขารับเงินยี่สิบเหวินตามป้าเฉินเดินกลับมาพร้อมกันไหล่ซ้ายชาหนึบ เจ้านกนี่จะอ้วนเกินไปเสียแล้วพลางเหล่ตามองเจ้านกบนไหล่ เป็นนกแต่ไม่ชอบบินไปไหนมาไหน มันจะบนมาเกาะบนไหล่เสมอ เมื่อถึงบ้านก็เอ่ยปากลาป้าเฉิน เดินเข้าบ้านนำเงินไปวางไว้ในกล่องไม้เล็กๆข้างหัวนอนรวมกับของเดิมได้สองร้อยยี่สิบเหวิน ทุกครั้งที่ได้มาจะเก็บรวบรวมไว้ใช้ยามจำเป็นแม้จะเป็นเงินจำนวนน้อยนิดเมื่อเทียบกับบ้านอื่นแต่เขาก็ดีใจ ท่านแม่ลำบากเลี้ยงเขามาสิบกว่าปี ยามนี้เขามีเรี่ยวแรงจะต้องทำให้ท่านแม่มีชีวิตที่มีความสุขชดเชยกับที่เสียไปให้ได้นี่คือความตั้งใจของเด็กหนุ่ม เขาเดินเข้าไปดูท่านแม่ไม่มีคนอยู่จึงเดินออกมานอกห้องสวนเข้ากับนางพอดี ในมือถือถ้วยข้าว “กลับมาแล้วเหรอเสี่ยวอี้” “แม่เตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้ว มีข้าว ผัดผักที่เจ้าเก็บมากับต้มจืดอีกถ้วย เจ้าไปยกเข้ามา” บ้านมีขนาดเล็กครัวจึงต่อยื่นชายคาออกมาเป็นเพิงไม่มีผนัง มีเตาไฟ ที่วางของที่ต่อจากไม้บนเขา เขายกสองชามเข้าไปในบ้าน สองคนแม่ลูกกินข้าวพูดคุยกัน “เดี๋ยวข้าเก็บล้างเองท่านพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นเขาไปหาของป่า งานที่ทำวันนี้วันสุดท้ายแล้ว” “ข้าใกล้จะหายแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป” “ท่านแม่ข้ารู้ว่าตัวเองมีแรง มีแรงมากกว่าท่านแน่นอน ปล่อยข้าออกไปทำงานเถอะ หากให้ข้าอยู่บ้านนั่งมองท่านทำงานหนักหาเงินมาเลี้ยงข้า ยิ่งทำให้ข้าไม่มีความสุข แบบนี้แหละดีแล้ว ข้าตัวเล็กแรงน้อยข้าก็รับเงินที่ข้าไหวเท่านั้น ไม่อันตรายหรอกท่านแม่” “แม่ตามใจเจ้าแต่ระวังตัวด้วยแล้วกัน” “ขอรับ” ในมือเขาเต็มไปด้วยของป่า มีลูกหมูป่าตัวเท่าสุนัขโตเต็มวัยหนึ่งตัว มันพอที่เขาจะตากแห้งรมควันเก็บไว้กินยามหน้าหนาวที่จะมาถึงได้พอดี กระต่ายหนึ่งตัว ผักหลายชนิดและเห็ด วันนี้จะทอดกระต่ายและตุ๋นกระต่ายเก็บไว้ให้ท่านแม่กินเป็นมื้อเช้าวันพรุ่งนี้ วันนี้เจ้านกอ้วนดูผิดปกติมันบินวนเวียนรอบหัวเขาได้สักหนึ่งถึงสองเค่อแล้ว ส่งเสียงร้องดังทำให้สัตว์หนีหายไปหมด “เฮ้ย ร้องทำไมเจ้าพอเสียที ไปกลับบ้าน” “ท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว” เด็กหนุ่มวางสิ่งของต่างในมือลงกับพื้นถลาเข้าไปหาร่างผอมบางที่นอนเหยียดยาวอยู่กับพื้น ริมฝีปากมีคราบเลือดแห้งติดอยู่ ท่านแม่ของเขานอนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร จำได้ว่ายามเช้าก่อนเข้าป่า ท่านแม่ยังยิ้มอ่อนโยนให้กับเขาก่อนที่จะโบกมือให้เขาบอกให้ระวังตัวให้ดีนางจะเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้ให้เขา “ท่านแม่ ฮือฮือฮือ ท่านแม่ทำไมเป็นเช่นนี้” “ท่านแม่ ท่านต้องไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวข้าจะไปตามท่านหมอ ฮือ ฮือ” เด็กหนุ่มพยายามยกร่างของมารดาขึ้นมาหากแต่เรี่ยวแรงกับไม่พอได้แต่พยายามพยุงร่างที่ไร้การทรงตัวจึงใช้เวลานานกว่าจะพาขึ้นไปนอนบนเตียงได้ รีบปิดประตูบ้านวิ่งไปบ้านท่านหมอประจำหมู่บ้านทันที หลังการตรวจร่างกายก็ได้ยาสมุนไพรมาต้มหลายเทียบ เมื่อป้อนยาแล้วเด็กหนุ่มก็ลุกออกมานั่งนอกบ้าน เขารู้สึกหัวใจเข้าพลิกไปพลิกมาตลอดเวลาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้ง มีมารดาที่สุดแสนจะรักเขาเลี้ยงดูแม้มิใช่มารดาที่แท้จริงก็รักเสมอมารดาแท้ๆ นางอาการดีขึ้นเขาก็มีความสุข วันนี้อาการนางก็ทรุดลงทันทีเขารู้สึกว่าจิตใจดิ่งลง หดหู่ยิ่งนัก “เสี่ยวอี้ เสี่ยวอี้” เสียงเรียกเบาๆ ทำให้เขารีบปาดน้ำตาทิ้งก่อนที่จะเช็ดหน้าเช็ดตาให้เรียบร้อย รีบเดินเข้าไปในบ้าน “ท่านแม่ ท่านฟื้นแล้ว” “เด็กดี เจ้าคงตกใจมากสินะ ไม่ต้องร้องไห้ เจ้าต้องเข็มแข็งหากวันใดไม่มีแม่เจ้าต้องอยู่ให้ได้และมีความสุขเป็นของตัวเองให้ได้นะจำไว้” “ท่านแม่ ท่านต้องอยู่กับข้า ข้ายังเด็กท่านต้องเลี้ยงข้าอีกหลายปี รอดูข้าเติบโตมีลูกมีหลานให้ท่านเลี้ยงดูดีหรือไม่” “เสี่ยวอี้ แม่ก็อยากเลี้ยงลูกให้เจ้า แต่ร่างกายของแม่ แม่รู้ดีว่าอีกไม่นานคงต้องจากเจ้าไป เจ้าต้องจำคำข้าไว้ให้ดีนะ” พูดจบนางก็ไอต่อเนื่องจนมีเลือดเปื้อนที่ฝ่ามือ “ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเสี่ยวอี้เข้าใจแล้ว จะทำตามคำสอนของท่านอย่างดี” “เสี่ยวอี้เจ้าหยิบถุงผ้าบนหลังตู้ให้แม่หน่อย” เขาลุกขึ้นปาดน้ำตาที่คลออยู่ในตาออก ก่อนที่จะเขย่งเท้าเอื้อมมือควานหาบนหลังตู้จนเจอถุงผ้าเล็กๆ เขาหยิบมันลงมาดู เป็นถุงผ้าเล็กๆ สีแดงมีฝุ่นจับเต็มไปหมดเห็นได้ว่ามันไม่เคยถูกหยิบถูกจับมาเป็นเวลานานมาก แม้แต่เชือกที่ใช้ผูกยังหลุดรุ่ยหมดสภาพเสียแล้ว จึงปัดฝุ่นออกให้มากที่สุดก่อนจะนำมายื่นให้นาง “ท่านแม่ นี่ใช่หรือไม่” “ใช่ เจ้าเก็บไว้ให้ดี ของชิ้นนี้มันอยู่ในห่อผ้าที่เจ้าถูกนำมาวางทิ้งไว้ แม่ก็ไม่เคยเปิดออกดูแต่อาจจะเป็นของบิดาหรือมารดาของเจ้า เก็บมันไว้ให้ดี” “เก็บไว้ที่ท่านเหมือนเดิมก็ดีแล้วท่านแม่ ข้าไม่อยากได้มัน ข้าเป็นลูกของท่าน” “เด็กโง่ เจ้าเป็นลูกแม่อยู่แล้ว แต่ของสิ่งนี้เมื่อแม่จากไปเจ้าต้องเก็บเอาไว้กับตัว จำไว้นะ” “เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะเอามันไว้กับตัวตลอดเวลาไม่ให้ห่างตัวเลยขอรับ” “เด็กดี วันนี้แม่เหนื่อยแล้ว” “ท่านนอนเถอะ ข้าออกไปก่อน” เสียงของท่านแม่เบามากคล้ายจะหมดไปได้ตลอดเวลา เด็กหนุ่มลุกไปต้มยาสมุนไพรด้วยความตั้งใจคาดหวังว่ายาเหล่านี้จะทำให้ท่านแม่ของเขาลุกขึ้นมาได้ในเร็ววัน สองวันถัดมา นางรู้ตัวเองดีวันนี้คงไม่รอดแล้วจึงเรียกลูกชายที่น่าสงสารเข้ามาหา “ท่านแม่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บปวดตรงไหนข้านวดให้ท่านดีหรือไม่” “เสี่ยวอี้ แม่คงอยู่กับเจ้าไม่ได้แล้วแม่รู้ตัวดี เจ้าเป็นเด็กดีมากแม่โชคดีที่ได้อยู่กับเจ้ามานาน เจ้าเข้ามาให้แม่กอดเจ้าอีกสักครั้งเถอะ” น้ำตาค่อยๆไหลลงมา เขาก้าวขาเข้าไปทรุดลงข้างเตียงโทรมๆ มองดูท่านแม่ที่พยายามเอื้อมมือที่สั่นระริกมาหาเขาแต่เหมือนนางจะหมดแรงเขาจับมือนางเข้ามาสัมผัสใบหน้าทั้งก้มลงโอบรอบตัวนาง ทิ้งตัวซบลงไปบนอกที่แบบบางนั้น สะอื้นแบบไม่มีเสียง เขาอดกั้นไว้อย่างถึงที่สุด “เสี่ยวอี้ ลูกชายแม่ แม่รักเจ้านะ” “ข้าก็รักท่านแม่ ข้ารักท่านที่สุด” “มีชีวิตต่อไปดีๆ ขอให้ลูกมีความสุขทุกวัน” “ท่านแม่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD